แอล คอร์เทส ในวัย 35 ปี ชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรในฝันของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในลาสเวกัส เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีโดยเฉพาะกับบรรดาสาวๆ ในเบลลาเดโอคลับ ทุกคนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงของแอล เขารักอิสระและจะไม่ผูกมัดกับใคร ผู้คนในเมืองลาสเวกัสล่วงรู้กิตติศัพท์ข้อนี้ของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าหญิงสาวคนไหนจะร่วมหลับนอนกับเขา ก็อย่าหวังว่าแอลจะยกย่องออกหน้าออกตา เพราะว่าเขาเป็นประเภทใช้แล้วทิ้งไม่เคยนิยมนำของเก่ากลับมาใช้ใหม่ อาจจะด้วยครั้งหนึ่งเคยถูกใจผู้หญิงคนหนึ่งในปกครองเข้า เจ้าหล่อนก็เกาะติดหนึบจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร เขาก็เลยต้องตั้งกฎเหล็กข้อนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอิสรภาพของตัวเอง แอลอาศัยอยู่ในโรงแรมเบลลาเดโอที่ตั้งตระหง่านอยู่ติดกับโซนคาสิโน อาณาเขตของแอลก็คือชั้นดาดฟ้าทั้งหมดของโรงแรม ชั้นนี้ได้กลายเป็นอาณาเขตต้องห้ามเข้าได้เฉพาะคนที่เขาอนุญาตเท่านั้น บนชั้นนี้มีทั้งสระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องอบซาวน่า เครื่องออกกำลังกาย เสมือนเป็นคลับย่อมๆ ส่วนตัวก็ไม่ปาน
การเริ่มงานวันแรกของมินจันทร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมารับทราบงานที่ตัวเองจะต้องทำในวันนี้ การทำความสะอาดห้องพักในโซนโรงแรมหรู คือหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายมาจากหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ หญิงสาวที่อยู่ในชุดแม่บ้านกระโปรงทรงสอบสีฟ้าผูกโบสีขาวอยู่ด้านหลัง มีผ้ากันเปื้อนสีเปลือกไข่สวมทับด้านหน้า กำลังเข็นรถอุปกรณ์เดินไปตามแต่ละชั้นเพื่อทำความสะอาด ตามการสอนงานของหัวหน้าแม่บ้าน
“มินจาน บนดาดฟ้าห้ามขึ้นไปเด็ดขาดนะ มันเป็นที่ส่วนตัวของคุณแอล” ราเซียน่าหัวหน้าแม่บ้านของเบลลาเดโอบอกขณะที่นำมินจันทร์ขึ้นไปดูงานทำความสะอาดบนชั้นสี่สิบห้าของโรงแรม ซึ่งชั้นถัดไปก็คือดาดฟ้าอาณาเขตของแอล
“เอ่อ คุณราเซียน่าคะ คุณแอลนี่คือใครคะ” คำถามแสนซื่อของมินจันทร์ทำเอาราเซียน่าตบอกด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว มินจานทำไมเธอถึงไม่รู้จักชื่อเจ้านายของตัวเอง” ราเซียน่าทึ่งในคำถามของหญิงสาวที่ไม่รู้จัก แอล คอร์เทส มินจันทร์ได้แต่ยิ้มแหยๆ เธอไม่ได้ทำการบ้านเรื่องเจ้านายของตัวเองมาก่อนจริงๆ
“เอ่อ คุณราเซียน่าคะ มินจันทร์ค่ะไม่ใช่มินจาน” มินจันทร์แก้ต่างเรื่องชื่อของตัวเองซึ่งความหมายผิดเพี้ยนไปจนน่าตกใจ
“โอ๊ย เรียกยากอย่างนี้ฉันขอเรียกมิ้นคำเดียวก็พอ” หญิงสาวสูงวัยโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าตัวเองนั้นออกเสียงค่อนข้างยากลำบากเลยขอเรียกชื่ออื่นแทนก็แล้วกัน
“ได้ค่ะ มิ้นก็มิ้น”
“เอาละฉันอธิบายงานให้ฟังหมดทุกอย่างแล้ว ต่อไปนี้ชั้นสี่สิบห้าทั้งชั้นนี้คือหน้าที่ความรับผิดชอบของเธอ ทำได้หรือเปล่า”
“ทำได้ค่ะ” มินจันทร์ยิ้มรับด้วยความเต็มใจ หนักเบาแค่ไหนเธอก็ต้องทนให้ได้
“นี่อุปกรณ์ทั้งหมด มีอะไรไม่เข้าใจโทรลงไปถามฉันที่ห้องทำงานได้” หญิงสูงวัยผายมือไปยังรถเข็นสเตนเลสที่จอดอยู่ด้านหลัง
“ขอบคุณมากค่ะคุณราเซียน่า” มินจันทร์กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปตั้งหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างขะมักเขม้น
ราเซียน่ามองดูคนตั้งใจทำงานด้วยสายตาเอ็นดู รูปร่างหน้าตาก็สะสวยจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาสมัครเป็นแม่บ้านได้ ถ้าให้ไปเป็นพนักงานต้อนรับเหมือนกับสาวๆ ที่อยู่ในคาสิโนด้านล่างก็ดูเหมาะสมอยู่ไม่น้อย หญิงสูงวัยเฝ้ามองการทำงานของมินจันทร์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจึงได้ปล่อยให้หญิงสาวทำงานที่เหลือต่อไปตามลำพัง
แม้เม็ดเหงื่อจะผุดพรายเต็มใบหน้าจากการปูผ้าบนเตียงนอน แต่ก็ไม่อาจสร้างความท้อแท้ใจให้แก่หญิงสาวผู้มีความมุ่งมั่นในการทำงานในแต่ละห้องได้ ความบังเอิญที่ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นหลังจากทำงานผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เมื่อมินจันทร์มีโอกาสได้พบกับมนต์ชบาเพื่อนสาวจากชาติเดียวกัน หญิงสาวทำงานอยู่อีกชั้นหนึ่งถัดลงไป เมื่อได้พบเจอและพูดคุยกับคนที่มาจากประเทศเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว พอได้เวลาพักเที่ยงมินจันทร์ก็นัดกับหญิงสาวให้ลงไปกินข้าวมื้อเที่ยงที่ห้องอาหารสำหรับพนักงาน ที่อยู่ชั้นยี่สิบของทางโรงแรม
“ปุยฝ้ายมานั่งทางนี้จองโต๊ะให้แล้ว” มนต์ชบาเรียกเพื่อนใหม่ หลังจากยืนดักรอมินจันทร์อยู่ด้านหน้าของห้องอาหารของโรงแรมเกือบห้านาที
“ขอบใจมากชบา” มินจันทร์รีบเดินตามหญิงสาวไปนั่งยังโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านใน
“ไม่เป็นไรจ้า” มนต์ชบายิ้มรับ จากนั้นก็นำทางพาอีกคนไปต่อคิวซื้ออาหาร หลังจากถือถาดเดินกลับมายังโต๊ะแล้ว มนต์ชบาก็เริ่มเล่าเรื่องราวในชีวิตของตัวเองให้มินจันทร์ฟัง ว่าตัวเธอเองได้เข้ามาสมัครงานที่นี่ ตามคำแนะนำของรุ่นพี่ที่ทำงานเก่าได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ด้วยมีภูมิลำเนามาจากประเทศเดียวกันทั้งคู่จึงทำให้การพูดคุยเป็นไปด้วยความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน นั่งกินข้าวไปได้เพียงแค่สิบนาทีเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นรอบๆ บริเวณห้องอาหาร ก่อนที่ทุกคนจะเงียบเสียงลง เมื่อปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งในห้องอาหารของพนักงาน
“ฉันอยากจะละลาย แอลลงมากินข้าวเที่ยงที่นี่” มนต์ชบาทำท่าคล้ายคนเพ้อฝันสายตาชื่นชมมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารพร้อมกับฮูเตอร์ มินจันทร์หันหน้าไปมองตามสายตาของหญิงสาวเพียงแค่แวบเดียวก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองต่อ ผู้ชายท่าทางอันตรายแบบนั้นเธอควรจะอยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด คิดแล้วก็ตักข้าวใส่ปากของตัวเองต่อ
“หล่อ รวย...เลว”
“แค่ก แค่ก แค่ก” มินจันทร์ถึงกับสำลักในคำว่าเลวของมนต์ชบา จนอีกฝ่ายต้องรีบหาน้ำมาจ่อริมฝีปากให้
“ปุยฝ้ายเป็นอะไร” มนต์ชบาลูบแผ่นหลังให้คนที่กำลังดื่มน้ำจากแก้ว
“ก็สำลักในคำว่าเลวของชบาน่ะสิ” มีแต่เขาชื่นชมคนดีกัน แต่นี่เพื่อนใหม่ของเธอกลับชื่นชมคนเลวเสียอย่างนั้น มินจันทร์จึงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่รู้อะไรล่ะสิ แอลน่ะเขามีฉายาที่คนทั้งลาสเวกัสเรียกกันว่า คนบาปแอล” คำอธิบายของมนต์ชบายิ่งทำให้มินจันทร์รู้สึกไม่เข้าใจเข้าไปกันใหญ่
“งงอีก แอลน่ะเขาเก่ง หล่อ รวย เลว แบบว่าครบสูตรที่ผู้หญิงที่นี่ใฝ่ฝัน แต่ว่าถ้าใครได้ขึ้นเตียงกับเขาแล้วก็เตรียมน้ำตาตกในได้เลย” มนต์ชบาบรรยายไปหางตาก็เหลือบมองแอลที่นั่งอยู่ห่างไปอีกห้าโต๊ะไปด้วย
“ทำไมล่ะ”
“ก็แอลไม่เคยเรียกใช้ผู้หญิงคนเดิมเลยน่ะสิ เป็นประเภทเบื่อง่ายหน่ายเร็ว พนักงานต้อนรับของเบลลาเดโอน่ะเสร็จเขาหมดทุกคนนั่นแหละ” มนต์ชบายังนึกเล่นๆ ว่าอยากจะลองขึ้นเตียงกับเขาดูสักครั้ง แต่ว่าเธอมันเป็นประเภทอยากจะเก็บความสาวเอาไว้ให้ชายที่รักเพียงคนเดียว
“ใช้แล้วทิ้งเปลืองแย่เลย” มินจันทร์เปรียบเปรยหญิงสาวเหล่านั้นเป็นสินค้าที่สมควรจะประหยัดในการใช้สอย
“คนบาปแอลซะอย่างทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก” มนต์ชบาพูดอย่างภูมิอกภูมิใจในตัวเจ้านายของเธอ แต่คนฟังกลับนึกขยาดในการดำเนินชีวิตของแอล
“คนบาปแอลอย่างนั้นเหรอ” มินจันทร์เขี่ยข้าวที่อยู่ในจานอย่างหยันๆ ในชื่อเรียกขานนี้ เกิดมาในเมืองคนบาปไม่พอยังได้รับฉายาว่าคนบาป เจ้าตัวจะรู้สึกยังไงกันนะ
“ปุยฝ้ายทำไมไม่มองแอลเลยล่ะ ไม่ชอบเขาเหรอ” มนต์ชบาสังเกตได้ว่ามินจันทร์ไม่แม้จะปรายหางตามองดูแอลตลอดระยะเวลาที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
“ฉันเป็นประเภทแพ้คนหล่อ” มินจันทร์แกล้งพูดให้มันกลายเป็นเรื่องขำขันไป ทั้งที่ภายในแล้วไม่ชอบในสิ่งที่แอลเป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่อยากเอ่ยขัดเพื่อนใหม่ของตัวเอง
ด้านแอลนั้นได้ออกมาสำรวจดูอาหารการกินของพนักงานของตัวเอง หลังจากมีพนักงานบางส่วนร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ ก่อนจะนำปัญหาต่างๆ ให้ฮูเตอร์เป็นคนดำเนินการต่อ เขาเป็นประเภทต้องลงมือสัมผัสดูด้วยตัวเองถึงจะเชื่อได้ว่าอะไรควรเปลี่ยนอะไรไม่ควรเปลี่ยน ใช้เวลาปรึกษางานกับฮูเตอร์เพียงแค่สามสิบนาทีก็ลุกออกจากโต๊ะกินข้าวไป
“ไปแล้วๆ ปุยฝ้ายดูสิ” มินจันทร์เหลือบสายตาขึ้นมองตามคนเป็นเพื่อน ผู้ชายคนที่เดินตัวตรงออกจากห้องอาหารของพนักงานช่างดูน่าเกรงขามเหลือเกิน มดตัวน้อยอย่างเธอคงไม่มีทางได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอย่างแน่นอน จะไปเสียเวลาสนใจเรื่องราวของเขาทำไมกัน มินจันทร์ก้มหน้าก้มตากินอาหารบนจานของตัวเองต่อไป ไม่ได้ให้ความสนใจต่อชายหนุ่มเจ้าของสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
“นานทีจะมีโอกาสได้เห็นแอลใกล้ๆ แบบนี้ ปกตินะมีบรรดาสาวๆ รุมหน้าตอมหลังจนแทบจะมองไม่เห็น” มนต์ชบายังคงเพ้อไม่เลิก มินจันทร์เห็นแล้วก็ต้องส่ายหน้าไปมาก่อนจะนำจานของตัวเองไปเก็บ แล้วออกจากห้องอาหารเพื่อไปทำงานของตัวเองต่อ ปล่อยให้สาวช่างฝันยังคงนั่งปลื้มอกปลื้มใจในตัวของเจ้านายหนุ่มอยู่คนเดียวตามลำพัง