ตอนที่ 2/6

2005 Words
@TS-CLUB : 23.54 น. Taitan's said หลังจากที่ผมจัดการสั่งสอนนาเดียร์ให้รู้จักรับผิดชอบสิ่งที่ทำโดยการลดโทษเธอจากที่ต้องทำความสะอาดทั้งห้องนอนผมที่เธอพังมันจนเละเทะ เหลือแค่นั่งต่อจิ๊กซอว์รูปนั้นให้เสร็จ ซึ่งนี่ก็ผ่านมาแล้วเกือบห้าชั่วโมงเธอก็ยังต่อมันได้ไม่ถึงยี่สิบตัว "อะไรจะขี้เกียจขนาดนั้น" ผมบ่นให้ผู้หญิงผมสีทองที่กำลังนอนเหยียดแขนขาบนพื้นห้องที่ทั้งรกและสกปรกเพราะฤทธิ์เธอเมื่อวาน นี่ขนาดผมใช้แม่เธอขู่นาเดียร์ยังกระตือรือร้นได้แค่นี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมไม่ขู่ว่าแม่เธอโทรหาผมนาเดียร์จะยอมทำตามที่ผมบอกหรือเปล่า "มันมาแล้ว" ไอ้ยูกิเดินเข้ามาในห้องทำงานชั้นสามผมแบบเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น แต่ผมมันมีเซ้นส์แรงเลยไหวตัวปิดภาพกล้องวงจรที่นั่งดูนาเดียร์ทัน "เออ กูรู้แล้ว" ผมพยักหน้าให้ไอ้ยูกิก่อนจะมองภาพเคลื่อนไหวในคลับทั้งหมดผ่านจอมอนิเตอร์ของโน้ตบุ๊กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน "ไอ้สองตัวนั่นจะไหวมั้ยวะ" ผมหมายถึงไอ้เอฟวันกับกรุงโซลน่ะ อย่างที่ผมวางแผนไว้เมื่อวานว่าให้สองคนนี้คอยประกบไอ้หัวนกแก้วที่จะมาแอบปล่อยยาในคลับผม โดยตีเนียนทำเป็นจีบสาวไปทั่วทุกที่ที่ไอ้หัวนกแก้วไป แต่อย่าลืมว่าสองคนนั้นเป็นเพื่อนของผมซึ่งก็คือเจ้าของคลับ คนที่เป็นนักท่องราตรีตัวยงแฟนพันธุ์แท้หลายคนย่อมคุ้นหน้าคาดตาพวกมันสองคนดีจึงกลัวจะเป็นอุปสรรคอยู่หน่อยๆ "ไม่น่ามีปัญหา ไอ้วันมันกะล่อนจะตาย" ไอ้ยูกิที่เดินมายืนข้างๆ ผมเพื่อมองจอมอนิเตอร์จอหนึ่งที่ฉายภาพไอ้เอฟวันกำลังม่อสาวสวยหุ่นแซ่บที่นั่งโต๊ะติดกับไอ้หัวนกแก้วพูดขึ้นท่าทางนิ่งๆ "หวังว่านะ" ถึงจะเชื่อฝีมือของรุ่นน้องสองคนนี้แต่งานนี้มันค่อนข้างเสี่ยงย่อมเป็นธรรมดาที่ผมจะเป็นห่วงความปลอดภัยของมัน "เฮียน่าจะห่วงลูกน้องเฮียมากกว่า" คำพูดไอ้ยูกิทำผมฉุกคิดขึ้นมาได้ "งั้นกูฝากมึงที" ไอ้เอ็กซ์ที่เป็นตัวแปรสำคัญของงานล่อจับเอเย่นค้ายาน่าห่วงกว่าไอ้สองตัวที่กำลังม่อสาวอยู่จริงๆ นั่นแหละ "อืม งั้นค่อยเจอกัน" ไอ้มนุษย์น้ำแข็งตกปากรับคำเสร็จก็เดินออกไปจากห้องทำงานกึ่งห้องนอนผมอย่างช้าๆ ในห้องผมกลับมาเงียบเชียบตามเดิมเมื่อมีผมแค่คนเดียว "ไหนขอดูผลงานเธอต่อหน่อยนาเดียร์" พูดจบก็กดเข้าไปดูกล้องวงจรที่เชื่อมต่อผ่านมือถือผมไว้ "ทำไม ทำไม กรุงโซล" เสียงใสปนสะอื้นเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ผมได้ยินมันผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์สุดไฮเทคราคาหลายแสนนี้ "ฮึก ทำไมนายไม่รักฉัน" ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนๆ ตามธรรมชาติขยับไปมาเบาๆ เปลือกตาที่ปิดอยู่เคลื่อนไหวไปมา หัวคิ้วพันกันยุ่งเหยิงราวกับเธอกำลังฝันร้ายอยู่ "เมื่อไหร่เธอจะตัดใจจากมันได้สักที" ผมถามเจ้าของร่างบางที่นอนกระสับกระส่ายไปมาบนพื้นห้องผมผ่านหน้าจอมือถือ นี่ก็ผ่านมาตั้งหกเจ็ดปีแล้วที่ไอ้กรุงโซลปฎิเสธเธอแต่ยัยนี่กลับไม่เคยเลิกรักมัน หนำซ้ำยังถลำลึกเดินทางผิดจนเกือบกลายเป็นฆาตกรเพียงเพราะการจมปรักอยู่กับรักที่กินไม่ได้ "อึก" วูบหนึ่งเหมือนความคิดก่อนหน้าจะแทงขั้วหัวใจผมจนเจ็บแปลบขึ้นมา "หึ จมปรักอยู่กับรักที่กินไม่ได้... สินะ" ผมแสยะยิ้มสมเพชตัวเองที่ว่าร้ายให้แต่คนอื่นจนบางทีก็ลืมคิดไปเหมือนกันว่าลึกๆ แล้วผมก็ไม่ต่างอะไรกับเธอ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งจนผมต้องกลับมาสนใจสิ่งรอบข้าง "ไอ้เอ็กซ์ทำสำเร็จ มันได้เวลาและสถานที่มาแล้ว" เป็นผู้ชายหัวสีชมพูแววตาเย็นชาที่เพิ่งเดินออกไปจากห้องผมราวๆ ครึ่งชั่วโมงกลับขึ้นมาบอกถึงผลลัพธ์ของภารกิจในค่ำคืนนี้ "วันไหน" สถานที่ผมรู้อยู่แล้วเพราะเราตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเอาแถวบ้านผมที่ห่างผู้คนไปไม่กี่ซอย "อีกสามวันมันจะเอาของหมื่นเม็ดให้ไอ้เอ็กซ์ไปปล่อยต่อ" ผมพยักหน้ารับรู้สิ่งที่ไอ้ยูกิบอก ไอ้หัวนกแก้วนี่ไม่ธรรมดา มันคงเป็นเอเย่นรายใหญ่ถึงได้ปล่อยทีหลักหมื่นแบบนี้ "ขอบใจพวกมึงมาก" ไอ้ยูกิพยักหน้ารับก่อนจะเบนสายตาไปยังกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่กำลังจับภาพผู้ชายสวมแมสปิดปากนั่งอยู่มุมมืด "ใครวะ?" ผมเพ่งมองแล้วมองอีกก็ไม่คุ้น หรือจะคุ้นแต่เพราะตรงนั้นมันสลัวๆ เลยแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร "ไอ้เซน" ไอ้ยูกิเอ่ยชื่อๆ หนึ่งออกมา ชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่ถูกผมกักขังไว้ "มึงแน่ใจ?" ผมถามมันอีกครั้ง ไอ้ยูกิจ้องผู้ชายคนนั้นอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าไปมา "ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่" คำตอบครั้งนี้ของมันทำผมคิ้วขมวด ไอ้เซนที่ว่าผมไม่ได้สนิทด้วยและไม่ค่อยคลุกคลีเลยจำรูปพรรณสัณฐานมันไม่ค่อยได้ ผิดกับไอ้ยูกิที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันซึ่งผมน่าจะเชื่อมันได้เกินครึ่ง "แล้วทำไมมันต้องปิดหน้าปิดตา" ผมถามออกไป ใจหนึ่งก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ บอกแล้วว่าเซ็นส์ผมมันแรง บางทีอาจจะมีคนระแคะระคายเรื่องที่ยัยนั่นหายตัวไปก็ได้ "ไม่รู้ เฮียถามทำไม" ไอ้ยูกิหรี่ตามอง ผมทำเพียงไหวไหล่ก่อนจะตอบมันท่าทางนิ่งๆ "ก็เห็นมันได้คนไปแล้ว แต่มาวนเวียน มันเลยแปลกๆ" ไอ้ยูกิยังจับผิดผมด้วยการมองจ้องตาไม่ไหวติง ก่อนที่มันจะเลื่อนสายตาไปที่ประตูทางเข้าเพราะมีคนมาเพิ่ม "ได้เรื่องยัง" เสียงคมเข้มของสารวัตรหนุ่มถามขึ้น ก่อนจะเลิกคิ้วเหมือนสงสัยว่าผมกับไอ้ยูกิมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า "สวัสดีเฮียสอง" ไอ้ยูกิทักทายเฮียตีสองอย่างสนิทแต่ไม่ถึงขั้นปีนเกลียว "อืม มึงก็มาช่วย?" จบคำถามเฮียตีสองไอ้ยูกิจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างกลับออกไป "เออ เดี๋ยว!" ผมรั้งไอ้หัวสีชมพูไว้ "ฝากบอกพวกนั้นด้วย เดี๋ยววันหลังเลี้ยงตอบแทน" "ก็กินฟรีทุกวันไหม?" ไอ้ยูกิอมยิ้มขำที่ได้ยินคำว่าเลี้ยงตอบแทนจากผม ก็นะ เวลาพวกนี้มาเที่ยวคลับผมทีไรก็แดกฟรีจนชินแล้ว "เปล่า ครั้งนี้เปลี่ยนเจ้ามือ" ผมเหล่ตามองเฮียตีสองที่นั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารท่าทางสบายอารมณ์อยู่โซฟาเบจอีกตัว "ฮะ? อ้อ เออๆ ฝากบอกเพื่อนๆ เอ็งด้วย เดี๋ยวเสร็จงานนี้จะพาเลี้ยงชุดใหญ่เลย" ตอนแรกเหมือนเฮียตีสองจะตามไม่ทัน แต่ด้วยไหวพริบการเป็นตำรวจเลยไม่ยากที่จะเข้าใจสถานการณ์ "ขอบคุณเฮีย เดี๋ยวผมบอกสองตัวนั้นให้" ไอ้ยูกิพูดจบก็ลาเฮียตีสองกับผม เดินลงไปหาไอ้สองตัวที่ยังเนียนจีบสาวไม่เลิก "อีกสามวันมันจะส่งของ ส่วนเวลาและรายละเอียดรอไอ้เอ็กซ์อีกที" ผมบอกเฮียตีสองก่อนจะหันมาสนใจเอกสารบนโต๊ะทำงานต่อ "เป็นยังไงบ้างล่ะ" จู่ๆ เฮียตีสองก็ถามขึ้น ทำเอาผมต้องผงกหัวหันไปมอง "อะไร" คนที่นั่งอยู่โซฟาสีเบจสั่นหน้าไปมาก่อนจะวางนิตยสารในมือลง "มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงใคร" ก็รู้แหละแต่ไม่อยากตอบ มีไรมั้ย? "ถามไม่เอ่ยชื่อผมไม่ตอบคงไม่ผิด" ผมเล่นลิ้นคืน เฮียตีสองถึงกับกรอกตามองบน "ผู้หญิงที่มึงจับเขาไว้น่ะ เป็นยังไงบ้าง" สุดท้ายเฮียตีสองก็ยอมผม ถามคำถามใหม่ "ยังไม่ตาย แถมฤทธิ์เยอะอีก" ผมตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะหันมาสนใจเอกสารบัญชีตรงหน้า อืม... ปวดหัวเว้ย สงสัยต้องลากไอ้กรุงโซลมาทำงานบ้างแล้วล่ะ แดกแต่เงินปันผลแต่งานแม่งทำยังกับขี้มด "ตกลงมึงจะไม่บอกกูจริงๆ ใช่ไหม ว่าเธอเป็นใคร แล้วทำไมมึงต้องรุนแรงแบบนั้นด้วย" นึกว่าจะได้นั่งทำงานสบายๆ เฮียตีสองแม่งก็ซักไซ้อยู่นั่นแหละ "สวยมั้ย?" "อะไรของมึงวะ" ผมไม่ตอบคำถามเฮียแกแต่เลือกถามว่า ยัยนั่นสวยมั้ยแทน "ยัยนั่นน่ะ สวยมั้ย" เฮียตีสองเงียบไปสักพักก่อนจะตอบขึ้น "กูมีเวลานั่งจ้องหน้าเธอมั้ย มึงควรถามแบบนี้มากกว่า" "แหล ตอบมาดีๆ" "อ้าว! นี่กูพี่มึงมั้ย?" "แค่ญาติ ไม่ได้ใช้เลือดพ่อแม่เดียวกัน" "ไอ้เชี่ยไททัน มึงนี่แม่ง!!!" ได้หลอกด่าญาติผู้พี่แบบนี้ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง ถึงผมจะคุยกับเฮียตีสองแบบปีนเกลียว แต่ผมยังนับถือแกอยู่นะครับ "สรุป สวยไม่สวย" ผมถามอีกครั้ง "แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไม" พอตามผมทันเฮียตีสองแม่งก็ไม่ตามน้ำว่ะ "ก็แค่ตอบ" ผมยังนิ่งสงบเหมือนเดิม "เฮ้อ กูไม่น่ามาหามึงเล้ยยย" มีลากเสียงสูงเหมือนเหม็นเบื่อ "วันหลังก็ไม่ต้องมา" "อ้าว ไอ้นี่!?" คนแก่อะไรเอาใจยาก บอกไม่น่ามาหาผม ผมก็บอกวันหลังไม่ต้องมา ยังจะมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่กันอีก "เออๆ เลิกกวนตีนกูสักที ไมเกรนจะขึ้น" สารวัตรตราบศึกยกมือกุมขมับแทบจะทันทีที่พูดจบ "เธอน่ะสวย กูเห็นแว้บหนึ่งตอนที่ไปหามึงรอบนั้น แล้วก็ตอนที่อุ้มเธอขึ้นไปห้องมึง" ในที่สุดญาติผมคนนี้ก็บอกความจริง "แล้วชอบมั้ย?" "อะไรของมึงวะไอ้ไท นี่มึงหวงแม้กระทั่งพี่มึง?" พอผมถามนิดถามหน่อยเฮียตีสองก็โวยวาย "ตอบ" ผมเร่งเอาคำตอบอีกครั้ง "เพิ่งเจอกันครั้งเดียวมึงจะให้กูชอบเลยเหรอวะ" น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจเอ่ยตอบ "ดี" "นี่สรุปที่ถามคือมึงกลัวกูจะจีบผู้หญิงของมึง?" "เปล่า" "อะไรของมึงวะไอ้ไท โปรดอธิบายขยายใจความยาวๆ ให้กูเข้าใจที" แล้วเสียงโอดครวญอยากรู้ปานจะขาดใจของเฮียตีสองก็ดังขึ้นพร้อมรอยย่นตรงหน้าผาก "ก็แค่ถ้าชอบจะขัดขวาง" ผมตอบเสียงจริงจัง "มึงไม่ได้ชอบเธอ และไม่ให้กูชอบ? สรุปมึงหวงก้างหรืออะไรวะ กูเริ่มงง" คิ้วที่ขมวดมุ่นพร้อมใบหน้างงงวยจ้องมองผม "ยัยนั่นร้าย ไม่เหมาะกับคนดีๆ" ผมตอบ "อ้อ มึงห่วงพี่มึงเพราะกูเป็นคนดี?" "..." ผมส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยคำที่ทำเฮียตีสองปรี้ดแตก "เฮียน่ะกึ่งเลวกึ่งดี แต่ก็ยังไม่เหมาะกับยัยนั่นอยู่ดี" "ไอ้สัดไททัน นี่กูถามจริง มึงเคารพกูสักนิดไหมวะ?" มือเรียวยาวชี้หน้าผมก่อนจะตบหน้าตักตัวเองอย่างหัวเสีย "ถ้าไม่เคารพคงเรียก ไอ้ตราบศึกแล้ว" จบคำพูดผมเฮียตีสองก็ตบหน้าผากตัวเองป้าบใหญ่ ก่อนจะรีบรินน้ำในเหยือกกินดับความ(หัว)ร้อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD