“อะ…อื้อ!” อัศวินไม่คิดให้เสียเวลาอีกต่อไป เรียวปากหนาอ้ากว้างก่อนจะงับเอายอดปทุมสีชมพูนมเข้าปากอย่างรุนแรงจนมันเกิดเสียงอันไม่พึงประสงค์ขึ้น มัสยาเกร็งไปทั่วร่างกับสัมผัสวาบหวิวรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายที่เธอเฝ้าถนอมมาตลอดทั้งชีวิต แต่บัดนี้มันกลับถูกควบคุมด้วยผู้ชายที่เธอทำได้เพียงแอบมองแอบชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอดหลายปี คนที่แสนจะเกลียดชังกัน!
“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม! จะดิ้นหาพระแสงอะไรห๊ะ!!” มัสยาอยากบอกคนใจร้ายตรงหน้าเหลือเกินว่าที่ต้องดิ้นเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะเก็บอาการเสียวกระสันเหล่านี้อย่างไร แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากตอบ เรียวปากสวยก็ถูกจูบอีกครั้งอย่างเร้าร้อนรุนแรงราวกับเจ้าของจูบนั้นไม่ประสงค์จะได้ยินอย่างอื่นใดนอกเสียจากเสียงครางของเธอ
อัศวินหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อได้พิสูจน์ด้วยตาและปากของตัวเองแล้วพบว่าผู้หญิงที่เขาแสนจะเกลียดชังตรงหน้านี้ล้วนมีทุกอย่างเป็นไปตามความชอบของเขาแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอกคู่อวบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันคือของแท้แน่นอน ไหนจะเรียวปากที่หวานล้ำเกินคำบรรยายที่กำลังทำให้เขาไม่อยากหยุดไว้เพียงแค่จูบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ภายนอกดูจืดชืดไร้ชีวิตชีวาจะมีหลายๆ สิ่งที่ปลุกความปรารถนาในร่างกายเขาได้ถึงเพียงนี้! เธอเป็นคนแรกที่ทำได้ และทำมันได้เป็นอย่างดีจนน่าโมโห!
“อื้ม…คุณรามคะ” มัสยาครางเบาๆ ยามเมื่อมือหนาบีบหน้าอกของเธอแรงๆ ก่อนที่เขาจะสะกิดปลายถันไปมาทรมานเธอด้วยการกระทำจาบจ้วงอย่างที่ไม่เคยมีใครคนไหนทำกับเธอมาก่อน อัศวินเองก็เริ่มชักจะทนต่อไปไม่ไหว เขารั้งคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลากเธอมายังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ จัดการปัดเอาข้าวของที่ยามนี้เกะกะลูกตาเหลือเกินออกไปก่อนจะผลักไสคนที่ยืนตัวสั่นให้ล้มลงไปนอนแผ่ โดยที่ตัวของเขานั้นยืนจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ
“อ้าขาสิ…ฉันจะทดสอบสินค้าส่วนล่างเสียหน่อยว่ามันจะหลวมสักแค่ไหน!” มัสยาไม่ได้ทำตามคำสั่งคนใจร้ายในทันทีก่อนกระทั่งเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวจับเรียวขาของเธอให้อ้าออกก่อนจะค่อยๆ แทรกปลายนิ้วเข้ามายังชั้นในตัวบางที่เป็นปราการสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ คราแรกที่รู้สึกคือความแน่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“อ๊ะ! เจ็บค่ะ มัทเจ็บค่ะคุณราม” หญิงสาวร้องขึ้นเบาๆ เมื่อปลายนิ้วค่อยๆ กดแทรกเข้าหาส่วนลึกลับที่สุดในร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า แต่แค่เพียงเท่านั้นความเจ็บก็มีมากจนต้องกระถดหนี ขนาดเพียงแค่นิ้วของเขาเธอยังเจ็บขนาดนี้ อย่างอื่นคงไม่ต้องพูดถึง
“อยู่เฉยๆ จะได้ไหม” อัศวินเองก็ทรมานไม่ต่างกันเมื่อสัมผัสได้ถึงความคับแคบที่กำลังบีบรัดปลายนิ้วเขาจนมันแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเข้าออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว เมื่อหยาดน้ำจากซอกกุหลาบบานฉ่ำเริ่มไหลตามแรงปรารถนา
“อื้อ…คุณราม มัทไม่ไหวแล้วค่ะ อ่าส์…” มัสยาทำได้เพียงครวญครางอยู่กับที่ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับมากนักแม้ว่าตอนนี้เวลานี้เธอจะทรมานแทบขาดใจก็ตามที การทรมานของเขายังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกไม่ไหวจึงกรีดร้องขึ้นสุดเสียงพร้อมๆ กับร่างที่กระตุกเกร็งเมื่อการเดินทางอันแสนยาวนานที่ถูกชักจูงโดยปลายนิ้วร้ายกายของเขามาส่งเธอถึงจุดหมายปลายทางเสียที
อัศวินจำต้องผละตัวถอยห่างทั้งๆ ที่ใจอยากจะกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวแล้วร่วมรักกับแม่ตัวดีมันเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ยังก่อน…สถานที่แบบนี้มันคงไม่เหมาะที่จะทำเช่นนั้นสักเท่าไหร่ เขายังมีเวลาทรมานเธอเอาไว้ใต้ร่างไปอีกนานเลยทีเดียว!!
“กลับไปเก็บข้าวของให้พร้อม! พรุ่งนี้จะมีคนที่ไร่ของฉันไปรับเธอมาที่นี่ ตลอดระยะเวลาที่เธอเป็นนางบำเรอให้ฉันฉันไม่ต้องการให้เธออยู่ห่างสายตาแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรหรอกนะ…แต่เพราะฉันไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ!” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกไปจากห้องทำงานเสียเองแต่ก็ยังไม่วายสั่งให้ลูกน้องคนสนิทยืนเฝ้าหน้าห้องเอาไว้ เพื่อทำหน้าที่ขับรถไปส่งคนที่กระทั่งตอนนี้ ก็ยังอยู่ด้านในถึงหน้าประตูบ้านของหล่อน
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นมัสยา…เธอยังต้องเจออะไรอีกมาก!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นกับตัวเอง นัยน์ตาสีดำสนิทอัดแน่นไปด้วยความแค้นที่รอวันชำชะยามเมื่อคิดถึงใบหน้าของผู้หญิงที่เขาจะทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น มัสยาจะต้องชดใช้สิ่งที่เธอทำลงไปอย่างสาสมที่สุด และเขาเองที่จะเป็นคนทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสให้มันสาสมกับสิ่งที่เธอทำไว้กับเขาและครอบครัวความทุกข์ทรมานที่มันจะทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกเลย
เพราะว่านั่น…มันคือสิ่งที่เธอต้องชดใช้!
มัสยาหอบความบอบช้ำกลับมายังบ้านหลังน้อยที่พ่อและแม่ของเธอรอฟังข่าวอยู่ ซึ่งทั้งสองก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ยามเมื่อได้รับรู้ข่าวดีว่าเจ้าหนี้รายใหญ่ของบ้านยินดีให้พวกท่านผ่อนชำระหนี้ตามกำลังที่มี ต่างจากอีกคนที่สะท้านอยู่ในอกเมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ของตัวเอง ที่ไม่รู้เลยว่าจากพรุ่งนี้ไปเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
“คุณรามนี่ใจดีจริงๆ เลยนะพ่อ ให้เราผ่อนชำระหนี้แถมยังให้งานยัยมัทด้วยอีก แล้วนี่ต้องพักอยู่ในไร่ของเขาจริงๆ เหรอลูก” นางราตรีเอ่ยขึ้นก่อนจะสอบถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าบุตรสาวจำต้องเดินทางไปทำงานกับพ่อเลี้ยงอัศวินที่ไร่ของเขาแทนดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ซึ่งคนถูกถามก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบกลับ รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องโกหกท่านทั้งสอง แต่หากจะให้บอกความจริงเธอก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยบอกออกไป สุดท้ายจึงต้องโกหกพวกท่านไปแบบนั้น