“แม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ มัทจะดูแลตัวเองดีๆ จะหาเวลาว่างกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆ” มัสยาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะขอตัวเข้ามาเก็บเสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง เธอเก็บเอาไปเพียงข้าวของที่จำเป็นในแต่ละวันเพียงเท่านั้น เพราะไม่คิดว่าจะอยู่ที่นั่นไปทั้งชีวิต
แม้ว่าอัศวินจะไม่ได้บอกระยะเวลาให้ แต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงไม่คิดเก็บเธอเอาไว้ข้างกายไปตลอดแน่ สุดวันเมื่อเขารู้สึกว่าการแก้แค้นของเขามันสาสมแล้ว เขาก็คงปล่อยเธอเป็นอิสระ
ซึ่งเธอก็เฝ้ารอวันที่ว่าให้มันมาถึงไวๆ
เช้าวันใหม่มาถึงไวจนมัสยาใจหาย หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมออกมาจากบ้านโดยมีพ่อและแม่อาสาออกมาส่ง คนที่ขับรถมารับเธอคือผู้ชายคนเดียวกับที่เธอมักจะเห็นเขาอยู่ข้างกายอัศวินทุกครั้งที่เจอกัน เขาคงจะเป็นลูกน้องคนสนิทของคนใจร้ายคนนั้นไม่ผิดแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นรอยยิ้มอ่อนหวานถึงถูกส่งให้ไป
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ที่อุตส่าห์ขับรถมารับมัทถึงที่บ้าน”
“เรียกผมว่าชิดก็ได้ครับ เรารีบไปเถอะครับนายรออยู่” คำตอบนั้นสะท้านใจคนฟังจนเกือบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอตัดสินใจหันไปเอ่ยลาพ่อกับแม่ก่อนจะเดินขึ้นรถโดยมีนายชิดปิดประตูตามหลังให้อย่างมีมารยาท หญิงสาวจ้องมองบ้านหลังเล็กเป็นครั้งสุดท้ายนึกใจหายไม่น้อยที่วันนี้จะต้องจากลามันไปไกลแสนไกล
“ถ้าคุณมัทง่วงจะหลับไปก็ได้นะครับ อีกไกลกว่าเราจะถึง” หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่อคิดว่ามันคงจะดีหากเธอพักเอาแรงเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าวินาทีแรกที่ถึงจุดหมายปลายทางนั้น จะต้องเจอกับอะไรที่ร้ายแรงแค่ไหน
ไม่อาจรู้ได้จนกว่าจะไปถึง…
การเดินทางอันแสนยาวนานสิ้นสุดลงในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังเมื่อรถกระบะที่นั่งมาอยู่ค่อยๆ ชะลอลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง บ้านที่อัศวินทุ่มทุนปรับเปลี่ยนหลายๆ สิ่งให้ภรรยาเป็นของขวัญที่เธอมีลูกคนแรกให้แก่เขา บ้านที่มันควรจะอบอุ่นไปด้วยความสุขแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าชวนให้รู้สึกไม่อยากเดินตรงเข้าไปด้วยรู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์!
“จะนั่งอยู่ในรถมันทั้งวันเลยรึไงห๊ะ! ลงมา!” มัสยาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกตวาดโดยเจ้าของบ้านที่ยืนกอดอกรอต้อนรับกันอยู่ เธอส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเดินลงจากรถไปพร้อมๆ กับนายชิด
“ให้ผมเอากระเป๋าคุณมัทไปไว้ที่ห้องไหนดีครับนาย” นายชิดเอ่ยถามเมื่อสังเกตได้ว่าความเงียบที่น่าอึดอัดกำลังแพร่ซ่านไปทั่วบริเวณโดยมีคนสองคนที่เอาแต่ยืนเผชิญหน้า…โดยไม่มีใครพูดอะไร
“ไม่ต้อง! แกมีอะไรจะไปทำก็ไป กระเป๋าของใครก็ให้เจ้าตัวเขาแบกเอาไปเก็บเอง!”
ชายร่างโตพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองหญิงสาวหนึ่งเดียวด้วยความสงสาร แต่สงสารยังไงเขาก็คงไม่อาจช่วยอะไรเธอได้อยู่ดี
ไล่หลังชิดไปไม่เท่าไหร่ร่างท้วมของหญิงชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสาวใช้คนสนิทอีกสองคนที่เดินตามหลังกันมา
“ป้าสาวมาก็ดีแล้วครับ เดี๋ยวป้าช่วยสั่งให้เด็กเข้าไปจัดห้องคนรับใช้ให้เธอหน่อย เพราะว่าต่อไปนี้มัสยาจะมาอยู่กับพวกเราทุกคนที่นี่ในฐานะคนรับใช้ส่วนตัวของผม!” อัศวินประกาศก้องก่อนจะรั้งคนตรงหน้าให้เดินตามกันเข้าไปในบ้าน ทิ้งความสงสัยมากมายเอาไว้ด้านหลัง โดยไม่คิดที่จะสนใจอะไรหรือใครคนไหนสักคนเดียว
เขาจัดการลากเอาคนเงียบงันมาถึงห้องทำงานใหญ่ของตัวเองที่อยู่ชั้นล่างของตัวบ้านก่อนจะบังคับให้เธอนั่งลงที่โซฟาแสนหรูพร้อมยื่นเอกสารฉบับหนึ่ง ที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ส่งให้ทันทีที่มาถึง
“เซ็นต์ซะ! นี่คือสัญญาหนี้สินที่เธอต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าทำผิดไปแม้แต่ข้อเดียวฉันจะถือว่าข้อตกลงของเราถือเป็นโมฆะทันที!” มัสยาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสั่นไหวก่อนจะก้มมองรายละเอียดที่ไม่ว่าจะมองทางใดก็มีแต่เขาที่ได้เปรียบอยู่เพียงฝ่ายเดียว เธอรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดปากถามออกไป
“มัท…อยากได้เวลาที่แน่นอนค่ะ ว่ามัท…จะต้องอยู่ในสถานะนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่” คนถูกถามไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดที่ได้ยิน กลับกันเขาคิดเอาไว้แล้วว่าหล่อนต้องถามถึงได้เตรียมคำตอบเอาไว้ให้ คำตอบที่มันทำให้อีกคนแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินมันเข้า
“สัญญาของเราจะสิ้นสุดทันทีที่เธอคลอดลูกออกมา! จากนั้นก็เชิญเธอไสหัวออกไปจากที่นี่ และห้ามกลับมาให้ฉันกับลูกได้เห็นหน้าอีกเป็นอันขาด! ชัดเจนพอไหมสำหรับคำตอบที่อยากได้!”
“คุณราม! จะพรากมัทกับ…ลูกเหรอคะ”
“ใช่! ก็เหมือนกับเธอพรากลูกกับเมียฉันไปไงมัสยา! เลือดต้องล้างด้วยเลือด ในเมื่อเธอทำให้ฉันสูญเสียทุกสิ่งที่ฉันรัก…ฉันเองก็จะคืนสนองความสูญเสียให้เธอเหมือนกัน!!” มัสยาถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้รู้ถึงความตั้งใจจริงๆ จากคนตรงหน้าที่อยากจะทำให้เธอเจ็บปวดจากการสูญเสียทุกๆสิ่งที่เธอรักไปจนหมด
ไม่นึกเลยว่าเขาจะใช้วิธีนี้เพื่อทำร้ายกัน!
แต่ลูกหนี้อย่างเธอหรือจะมีอะไรไปต่อกรกับเขา สุดท้ายมัสยาก็เซ็นชื่อลงไปในสัญญาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้อย่างไม่มีข้อแม้ อัศวินยกยิ้มก่อนจะนำสัญญาไปเก็บเอาไว้ให้มิดชิดก่อนจะหันมาออกคำสั่งคนที่ยิ่งมองหน้าเศร้าๆ ของหล่อนมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างจับขั้วหัวใจ