เดิมทีจางชุนติดหนี้ไป๋ซู่ฮวาเพียงแค่สิบห้าตำลึงแต่ใครใช้ให้เจ้าอวดดีขู่จะฟ้องลู่เปียวกันเล่า เขาคือหนึ่งในคุณชายแห่งสี่บุรุษงามของแคว้นฉินเชียวนะ บิดาเป็นถึงเสนาบดี เขาจึงจงใจปรับจางชุนทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งปรับข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นอีกทั้งทำร้ายทุบตีไป๋ซู่ฮวาทั้งหมดรวมเป็นเงินห้าสิบตำลึง
จางชุนแทบกระอักเลือดเขาเพิ่งได้รับรางวัลมายี่สิบตำลึง แต่ต้องจ่ายนางสารเลวนี่ถึงห้าสิบตำลึง มารดาเขามาถึงก็อยากจะฆ่าไป๋ซู่ฮวาแต่ติดที่มีคนของทางการจ้องมองอยู่ สุดท้ายเขาอ้างว่าไม่มีเงินมีเพียงห้าตำลึง
"ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงบัณฑิตยากจน เงินที่ได้รับมาก็ใช้หนี้ไปหมดแล้วเหลือเพียงห้าตำลึงขอรับ ไม่มีเงินใช้หนี้นางหรอก"
"เหอะ นางสารเลวนี่คบชู้สู่ชาย ข้าไม่ทวงสินสอดคืนก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้าฟ้องร้องบุตรชายข้า ไป๋ซู่ฮวานังแพศยาหน้าด้าน"
เหวินซื่อด่าไป๋ซู่ฮวาแทนบุตรชาย ชาวบ้านที่ตอนนี้รู้แล้วว่าตนเองถูกสองแม่ลูกหลอกใช้ก็ไม่เข้าข้างพวกเขาอีก จากที่ต้องจ่ายภาษีแค่สองตำลึงกลายเป็นต้องเพิ่มข้าวและเสบียงที่เก็บเกี่ยวได้ให้ทางการเพิ่มอีก เพราะเชื้อคำโกหกของสองแม่ลูกนี้แท้ๆ
" เจ้ามีแค่ห้าตำลึง ที่เหลือยอมถูกโบยหรือว่าจะติดคุกดีละ ติดคุกหนึ่งเดือนเท่ากับเดือนละหนึ่งตำลึง เหลืออีกสี่สิบห้าตำลึงก็ติดแค่สามปีกับอีกเก้าเดือนเท่านั้นว่าอย่างไร"
ลู่เปียวถามคนด้านล่าง จางชุนมองไป๋ซู่ฮวาอย่างอาฆาต ก่อนจะปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นขอร้อง
"เสี่ยวฮวา เอ่อข้าผิดไปแล้วเจ้าอย่าเอาความได้หรือไม่ ข้าเองก็ถูกถอดจากซิ่วไฉแล้ว ถือว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ เจ้ามีคนอื่นข้ายังไม่โกรธเลย เห็นแก่ความรักความสัมพันธ์ก่อนหน้าอภัยข้าสักครั้งเถอะ" จางชุนพูดอ้อนวอน
"นังตัวขาดทุน เจ้าต้องการที่ดินคืนนั้นมันที่ดินสกุลไป๋ เจ้ามีสามีแล้วจะมาเอาของที่บ้านได้อย่างไร"
หูซื่อป้าสะใภ้ใหญ่ชี้หน้านาง ไป๋ซู่ฮวาเงยหน้ามองไปที่คนด้านบน ลู่เปียวเองก็อยากรู้ว่านางจะทำเช่นไรจึงรอดู
"ใต้เท้า ที่ดินสิบหมู่โฉนดเป็นชื่อข้า ส่วนจางชุนไม่มีเงินใช้หนี้ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าไม่เอาเงินเขาก็ได้"
"เสี่ยวฮวาข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องเห็นแก่ความรักของข้าขอบใจเจ้ามากนัก"
หึนังโง่ก็ยังเป็นนังโง่อยู่วันยังค่ำจางชุนเหยียดไป๋ซู่ฮวาในใจ แต่เขาได้ใจไม่นานไป๋ซู่ฮวาก็เอ่ยขึ้น
"ใต้เท้าผู้ตรวจการ ที่ดินของจางชุนติดกับที่ดินของข้าเช่นนั้นให้เขาโอนโฉนดที่ดินแปลงนั้นมาใช้หนี้ให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ ที่ดินแปลงนั้นมีหกหมู่ถ้านับราคาตลาดหมู่ละห้าตำลึงเขาให้ข้ามาห้าตำลึงบวกที่ดินสามสิบตำลึงเหลืออีกสิบห้าตำลึงเช่นนั้นผลผลิตในที่ดินเหล่านั้นก็นับรวมไปด้วยเลย ส่วนไป๋ซิ่วทำร้ายข้ายังคงต้องจ่ายห้าตำลึงหากนางไม่มีก็ให้ทำสัญญาเงินกู้แทนเถอะเจ้าค่ะ อีกอย่างที่ดินที่ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวอ้างนั้นเดิมเป็นของมารดาข้าไม่ใช่ของสกุลไป๋ รบกวนใต้เท้าช่วยออกโฉนดเป็นชื่อข้ารวมกันเลยเถอะเจ้าค่ะ ส่วนที่ว่าข้าเคยมีสัมพันธุกับเจ้านั้นหากยังพูดอีกข้าจะฟ้องร้องเจ้าเพิ่มอีกหนึ่งข้อหานะจางชุนนอกจากมาขอยืมเงินข้า เจ้ากับข้าแทบไม่เคยอยู่ด้วยกันสองคนเลยด้วยซ้ำ หากพูดถึงความสัมพันธ์ข้าว่าเจ้ากับพี่ไป๋ซิ่วยังดูเหมือนคู่หมั้นมากกว่าข้าเสียอีก"
ทันทีที่ไป๋ซู่ฮวาพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น กล่าวหาน้องสาวคบชู้แต่ตัวเองกลับเป็นชู้กับว่าที่น้องเขยเสียเอง ตรงหน้าศาลาว่าการมีร่างหนึ่งยืนฟังอยู่ เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อบไป๋ซู่ฮวาได้ที่ดินคืนแถมยังได้เพิ่มมาอีกหกหมู่รวมถึงได้รับเงินจากชาวบ้านที่พากันมาดูเรื่องสนุกอีกสามสิบตำลึง
วันนี้นางสามารถหาเงินได้สามสิบห้าตำลึง หัวแตกแค่นี้นับว่าคุ้มซุนเย่วเล่อเกลียดผู้หญิงคนนี้ นางรู้ได้อย่างไรว่าจางชุนกับนางร่วมมือกัน หากว่าหยางหนิงเฉิงไม่ขาเป๋นางจะทำเช่นนี้หรือ บุรุษรูปงามเรียนดีมีความรู้ใครเล่าไม่อยากได้ แต่อย่างไรเล่ากฎหมายมีไว้หากพิการไม่สามารถรับใช้ทางการได้ เรื่องของวันนี้ไป๋ซู่ฮวารู้ดีว่าหมู่บ้านไป๋ฮวาต้องมีปัญหาใหญ่แน่ๆใครใช้ให้หาเรื่องเจ๊กันล่ะสมควรแล้ว
"แม่นางไป๋ เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่"
ลู่เปียวรู้สึกถูกชะตากับสตรีตรงหน้าจึงอยากช่วยนางให้ถึงที่สุด
"ใต้เท้า ข้าอยากรบกวนหมอเทวดาท่านนี้ไปตรวจอาการสามีตกกระไดพลอยโจนของข้าสักหน่อย ข้ามีเงินเลยอยากซื้ออาหารบำรุงพวกเขาแต่เกรงว่ายังไม่ทันถึงบ้านก็ถูกปล้นเสียก่อน ขอคนของท่านไปส่งได้ไหมเจ้าคะ ข้าจะแวะหาท่านปู่ผู้นำเพื่อยื่นหนังสือแยกบ้านแล้วรับน้องชายไปอยู่ด้วย หากท่านเมตตาราษฎรตาดำๆเช่นข้า ข้าน้อยจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยเจ้าค่ะ"
ลู่เปียวให้ตามที่นางขอ ไป๋ซู่ฮวาซื้อข้าวสารทีเดียวห้ากระสอบ แป้งสาลีสามกระสอบ ถั่วเหลืองสิบกระสอบ น้ำมันสี่ไห น้ำตาลสิบชั่ง น้ำตาลแดงห้าชั่ง ซื้อหมูติดมันห้าชั่ง มันหมูห้าชั่ง กระดูกหมู ซื้อไก่ห้าตัวเอาไว้เลี้ยงให้อ้วนกว่านี้ค่อยกิน
เสื้อผ้าให้เด็กสองคนๆละสามชุด ของตนเองสามชุด ของน้องชายสามชุด ไม่มีของไอ้หน้าอ่อนนั่นแต่อย่างใด ให้เจ๊นอนตากฝนหรือเชิญนอนหนาวไปเถอะ ไป๋ซู่ฮวาซื้อผ้าห่มนวมให้เด็กๆกับตัวเองสี่ผืนไม่มีของหยางหนิงเฉิงเช่นเคย ชาติก่อนคลุกคลีกับชาวบ้านในชนบทจึงขี่เกวียนเป็นนางตัดใจซื้อวัวและเกวียน
คนในหมู่บ้านล้วนหูเบาใจแคบ นางไม่อยากวุ่นวายมีของตนเองดีที่สุด วันนี้นางได้เงินมาสามสิบห้าตำลึง ตอนนี้เหลือเงินแค่สิบตำลึง ช่างหัวมันเดี๋ยวค่อยหาใหม่ ถ้าเงินยังอยู่บ้านใหญ่จะมาวุ่นวายอีก เมื่อคืนเรียบเรียงความทรงจำเรียบร้อยจึงวางแผนชีวิตทันที
ก่อนหน้าได้ยินว่าจะมีผู้ตรวจการมาเยือนเดือนหน้า แต่พอเห็นป้ายห้อยเอวของลู่เปียวนางก็รู้ทันที ข้าวของเต็มเกวียนไป๋ซู่ฮวาขับมันกลับมาเอง มีคนของทางการตามมาด้วย
เมื่อมาถึงบ้านสกุลไป๋ก็แวะรับน้องชายทันที แม่เฒ่าไป๋สาดน้ำตามหลังด่าทอต่างๆนาๆ เมื่อมาถึงท้ายหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงช่วยนางขนของ หยางหนิงเฉิงนั่งหน้าดำเป็นก้นหม้ออยู่บนเตียง อาหลี่มารายงานเขาแล้วว่านางทำอะไรบ้าง สตรีผู้นี้ไร้ยางอายจริงๆถึงขนาดพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับนางต่อหน้าคนมากมาย
"แม่นางไป๋ เรียบร้อยแล้วใต้เท้าลู่ให้ถามเจ้าว่ามีสิ่งใดก็ให้ไปหาได้เขาจะอยู่ตงหนิงอีกสิบห้าวัน"
"ฝากทุกท่านขอบคุณใต้เท้าลู่ด้วยเจ้าค่ะ ท่านหมอเทวดาเรื่องสามีบังเอิญของข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว"
หยุนซานหนวดกระตุก สามีบังเอิญอันใดกันของเจ้าเฮ้อ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อตรวจอาการหยางหนิงเฉิง
"นี่พ่อทึ่ม นี่คือไป๋ซูหยางน้องชายข้าเขาจะมาอยู่ด้วย บ้านเจ้ามีทั้งหมดสี่ห้องข้าจะให้เขาอยู่ห้องหนึ่งข้าจ่ายค่าเช่าให้เจ้าเดือนละหนึ่งตำลึงและข้าจะทำงานบ้านซักผ้าหุงข้าวให้เจ้ากับน้องด้วย ถือเป็นค่าเช่าบ้านของเราสองพี่น้อง ซูหยางนี่คือพี่หนิงเฉิงต่อไปเจ้าก็เรียกเขาว่าท่านเจ้าของบ้านแล้วกัน พี่ไปก่อนนะจะไปหาปู่ผู้นำเอาหนังสือแยกบ้านอีกฉบับไปให้เขาก่อน"