ร้องเรียน

1762 Words
เจ้าหน้าที่ศาลยืนเรียงกันเป็นแถวก่อนจะวางไม้พลองยื่นมาข้างหน้า ชาวบ้านในหมู่บ้านและชาวบ้านในตลาดต่างก็อยากเห็นจุดจบของสตรีแพศยาคบชู้ผู้นี้ กุนซือของนายอำเภอเดินออกมาเสียงกระแทกไม้รัวๆๆน่าเกรงขาม "ผู้มาร้องเรียนเป็นใคร ร้องเรียนผู้ใด ร้องเรียนด้วยเหตุใด" หวังเฮ่าเลขานายอำเภอถามถึงคนที่ตีกลองร้องเรียน ไป๋ซู่ฮวาเดินขึ้นหน้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเลขาหวังแล้วเอื้อนเอ่ย "เรียนใต้เท้าข้าน้อยแซ่ไป๋นามซู่ฮวา ขอร้องเรียนจางชุนและชาวบ้านหมู่บ้านไป๋ฮวาเจ้าค่ะ" เสียวฮือฮาดังขึ้นนังนี่โง่หรือไงนะฟ้องร้องคนทั้งหมู่บ้าน แล้วต่อไปจะอยู่อย่างไรกัน "นี่เห็นๆว่าเจ้าคบชู้สู่ชาย มีหน้ามาร้องเรียนผู้อื่นอีกไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านี้เลย" "ใช่ๆๆๆๆ" เสียงด่าสาปแช่งดังจนลู่เปียวต้องออกมาบุรุษหนุ่มอายุไม่เกินสามสิบใส่ชุดสีม่วงขึ้นนั่งบนบัลลังก์ก่อนจะเคาะไม้กับโต๊ะทุกคนจึงหุบปาก "แม่นางไป๋ เจ้าจะร้องเรียนเขาด้วยเรื่องอันใด" ลู่เปียวถามไป๋ซู่ฮวา "เรียนใต้เท้า ข้าขอหมอเก่งๆจากท่านสักคนได้หรือไม่เจ้าคะ ก่อนจะสาวความจริง" นายอำเภอลู่พยักหน้าไม่นานนักก็มีหมอชราท่าทางมีความสามารถคนนึงเดินเข้ามา ไป๋ซู่ฮวายื่นมือให้เขาตรวจชีพจรโดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่ดูถูกความไร้ยางอายของนาง หมอชราจับชีพจรแล้วจึงนั่งสงบนิ่ง "แม่นางน้อย เจ้าอยากฟังสิ่งใดจากข้าหรือ" หมอชราถามนางไป๋ซู่ฮวากลั้นสะอื้นเหมือนว่าตนเองคับใจ หน้าผากที่ถูกคนปาหินจนแตกนั่นดูแล้วน่าสงสาร "แม่หนูเจ้าพูดเถอะ คบชู้อะไรกันยังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือ" "ข้าก็ว่านางคงมีความคับใจจึงกล้ามาร้องเรียน" ชาวบ้านเริ่มแตกเป็นสองฝั่งฝ่ายนึงต้องการเห็นนางถูกโบยจนตายและแน่นอนคนจากหมู่บ้านไป๋ฮวายืนอยู่ฝั่งนั้น "ท่านหมอ หากกล่าวไปแล้วอาจไม่พอให้ร้องเรียนท่านช่วยตรวจอีกสักคนได้ไหมเจ้าคะ" นายอำเภอพยักหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้ขนาดบาดเจ็บหลังยังตั้งตรง กระซิบหมอชราไม่กี่คำเขาก็สะพายล่วมยาออกไป "เหอะ ข้าเป็นซิ่วไฉเจอนายอำเภอไม่จำเป็นต้องคุกเข่า เจ้าอยากฟ้องร้องข้านี่ไป๋ซู่ฮวาเจ้าช่างโง่งมนัก" "ใต้เท้าลู่ ซิ่วไฉไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้นายอำเภอนั้นจริงหรือเจ้าคะ" เสียงอ่อยของไป๋ซู่ฮวาทำให้จางชุนยิ่งได้ใจ ถ่มน้ำลายใส่พื้นที่นางนั่งอยู่ "นังแพศยา ข้ากับชาวบ้านไม่ได้ทำสิ่งใดผิด อยากฟ้องร้องข้าเช่นนั้นข้าจะฟ้องนายอำเภอคนนั้นกลับที่หลงเชื่อคำเท็จ เหอะ" ลู่เปียวกำหมัดแน่นก่อนเสียงของสตรีด้านล่างจะดังขึ้นมาอีกครั้ง "ท่านผู้ตรวจการลู่ ต่อหน้าท่านเขายังกำเริบเช่นนี้ มิเท่ากับเป็นการบอกว่าฮ่องเต้ไร้สามารถในการคัดเลือกขุนนางหรอกหรือเจ้าคะ" ทันทีที่ไป๋ซู่ฮวาพูดจบทหารด้านนอกที่เป็นคนของราชสำนักก็จับชาวบ้านฝั่งจางชุนคุกเข่า ใครขัดขืนถูกตีจนขาหัก มีแต่เสียงโอดครวญ จางขุนถึงกับเหงื่อตก ผู้ตรวจการเท่ากับเป็นคนของฮ่องเต้ ขนาดเขายังไม่รู้อีสารเลวนี่รู้ได้อย่างไร ไม่นานหมอชราก็กลับมาเขาประสานมือเคารพลู่เปียวก่อนจะมายืนข้างๆ "แม่นางไป๋ ทีนี้เจ้าพูดได้หรือยัง" ลู่เปียวถามไป๋ซู่ฮวา "เรียนใต้เท้า ข้าน้อยไปสู่ฮวาเคยเป็นคู่หมั้นของจางชุนเจ้าค่ะ หลังจากสอบได้ซิ่วไฉกลับอยากถอนหมั้น แต่วิธีการนั้นช่างชั่วร้ายนัก คืนก่อนข้ากับบุรุษนามหยางหนิงเฉิงได้มีสัมพันธ์กัน รุ่งเช้าจางชุนก็พาคนเหล่านั้นมาบุกบอกว่ามาจับชู้ เรื่องนี้ให้ท่านหมอแจกแจงเถอะเจ้าค่ะ" "ท่านหมอหยุน นางหมายความว่าเช่นไรท่านกล่าวมาเถอะ" ลู่เปียวรู้สึกว่าวันนี้เขาคงได้เปิดคุกหลวงแน่ๆ "เรียนท่านผู้ตรวจการ ข้าตรวจชีพจรนางปรากฏว่านางถูกวางยาสลบก่อนหน้าจากนั้นก็ถูกวางยาปลุกกำหนัด ส่วนบุรุษที่นางเอ่ยถึงข้าน้อยไปที่บ้านเขามาปรากฏว่าเขาบาดเจ็บจากการตกเขาและในยาที่เขาดื่มมีส่วนผสมยาสลบและยาปลุกกำหนัดเช่นกันขอรับ ทั้งคู่ถูกคนให้ร้ายขอรับ" ชาวบ้านไป๋ฮวาถึงกับหน้าซีดกันมองจางชุนเป็นตาเดียว ถูกคนให้ร้ายเรื่องนี้ร้ายแรงมากการให้ร้ายผู้อื่นถึงกับความตายมีโทษประหารเช่นกัน "นี่จางซิ่วไฉ เจ้าบอกว่านางแอบคบชู้มานานแล้วจึงพาพวกเราไปจับชู้ แล้วนี่อะไรทำไมมีการวางยาสลบวางยาปลุกกำหนัด" "ใช่ๆๆๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ไป๋ซู่ฮวาคบชู้แต่เจ้าใส่ร้ายนางหรือ" ปังๆๆๆเสียงไม้กระทบกับโต๊ะจนทุกคนหยุดส่งเสียง "แม่นางไป๋ เจ้าคิดว่าใครวางยาเจ้า"ลู่เปียวถามนาง "ก่อนหน้าจางชุนมาขอยืมปิ่นเงินของข้ากับกำไลหนึ่งคู่ไปจำนำ เถ้าแก่โรงรับจำนำสงสารข้าเขามองออกว่าคนผู้นี้ไม่ซื่อสัตย์จึงให้ข้าเขียนสัญญาว่าจางชุนยืมเงินข้าน้อยไปสอบเจ้าค่ะ นี่คือสัญญาเขียนชัดเจนลงวันที่เรียบร้อย เถ้าแก่โรงรับจำนำเป็นพยานให้ข้าน้อยได้ หลังจากประกาศผลสอบเข้าบอกว่าจะคืนเงินให้ข้าน้อยจึงนัดไปหา จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นก็พาคนมาจับข้าหาว่าคบชู้เจ้าค่ะ ท่านเลขานี่คือหนังสือสัญญา รบกวนท่านแล้ว" ไป๋ซู่ฮวาส่งกระดาษให้หวังเฮ่า จากนั้นเขาก็รับมาแล้วส่งต่อให้ลู่เปียว มือหน้ากำแน่นทุบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะมองไปยังคนเหล่านั้น เสียงดังกังวานก็เอ่ยเพียงประโยคเดียว "ให้ร้ายคนอื่นโบยคนละสิบไม้ จากนั้นขังคุกหลวง ให้ประกันตัวคนละห้าตำลึงแบ่งให้แม่นางไป๋สามในห้า ใครไม่มีโบยห้าสิบไม้หรือแลกกับการติดคุกครึ่งปี" ชาวบ้านโอดครวญร้องขอบางคนถึงกับโขกหัวให้กับไป๋ซู่ฮวา นางไม่อยากทะเลาะกับชาวบ้าน นางต้องการเรียกชื่อเสียงคืน อีกอย่างที่นางต้องการจัดการคือจางชุนกับบ้านใหญ่ต่างหาก "ซู่ฮวาๆพวกข้าไม่รู้จริงๆ เจ้าอภัยพวกข้าเถอะนะ ต่อไปพวกข้าจะไม่หูเบาอีกแล้ว" "ซู่ฮวา ขอร้องใต้เท้าให้พวกเราด้วยเถอะนะ" ไปซู่ฮวาหันไปมองลู่เปียว เขาลั่นวาจาออกมาแล้วหากนางให้เขาไม่เอาความจะเสียหน้าเพียงใดกันจึงเอ่ยเบาๆ "ใต้เท้า ไป๋ซิ่วลูกพี่ลูกน้องข้าปาข้าหัวแตก จางขุนใส่ร้ายวางยาข้า บ้านใหญ่ไล่ข้าออกมาสมบัติก็ยึดไปหมดอีกทั้งขู่จะขายน้องชายของข้า รบกวนท่านช่วยจัดการให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ คนอื่นๆใกล้เก็บภาษีแล้ว ต้องมีแรงงานเก็บเกี่ยวเรื่องโบยท่านพิจารณาอีกทีเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวทำละลาย ผลประโยชน์ของทางการ มิสู้ให้เว้นโทษโบยพวกเขาเป็นเพิ่มภาษีดีกว่าเจ้าค่ะ เงินเข้าคลังยังช่วยปากท้องผู้คนได้บ้าง ที่เหลือแล้วแต่ท่านจะเมตตาพวกเขา ส่วนท่านปู่ไป๋จ้านนั้นเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายและให้ร้ายข้าเจ้าค่ะ" ลู่เปียวทึ่งมากตั้งแต่ที่นางสามารถรู้ฐานะเขา ป้ายห้อยเอวนี้ขนาดผู้ว่าบางคนยังมองไม่ออกแต่นางมองออก อีกทั้งไม่ให้เข้าเสียหน้า แล้วยังมีบุญคุณกับชาวบ้านพวกนี้อีก ถ้านางเป็นบุรุษคงดีไม่น้อยที่จะคบหาเป็นสหาย "เช่นนั้นก็ให้พวกเขาชดเชยเจ้าคนละหนึ่งตำลึง เก็บภาษีเพิ่มสามเท่า กุนซือหวังให้พวกเขาลงชื่อ จางชุนถอดถอนจากการเป็นซิ่วไฉ ปรับยี่สิบตำลึง บ้านสกุลไป๋พวกเจ้าตามนางไปนำที่ดินกลับคืนมา หากพวกเขาต้องการให้ทำสัญญาเช่า แล้วบุรุษผู้นั้นเจ้า.."ลู่เปียวลังเลที่จะเอ่ย "ข้ากับเขาไม่ว่าอย่างไรก็กลายเป็นคนๆเดียวกับไปแล้วอีกอย่างตอนนี้เขาบาดเจ็บต้องการคนดูแล ใต้เท้าได้โปรดเขียนสัญญาแยกบ้านให้น้องชายข้าไป๋ซูหยางด้วยเจ้าค่ะ หากวันใดท่านกลับเมืองหลวงข้าเกรงว่าน้องชายอาจถูกขายไปเป็นบ่าวเศรษฐีเสียแล้ว" ไป๋ซู่ฮวาโขกศรีษะลู่เปียว นางเป็นสตรีฉลาดฟ้องร้องครั้งเดียวทั้งสร้างบุญคุณจัดการทั้งความแค้น จางชุนจำต้องคืนเงินบวกกับดอกเบี้ยเป็นเงินสามสิบตำลึงอีกทั้งค่ายาจากการทุบตีนางทั้งหมดต้องจ่ายถึงสี่สิบตำลึง เขาไม่มีเงินจำต้องยกที่ดินให้นางหกหมู่และจ่ายเงินให้นางห้าตำลึงไป๋ซู่ฮวาเลือกผืนที่ติดกับที่ดินของนาง ที่ผืนนั้นอยู่ติดกับบ้านเจ้าโง่หยางหนิงเฉิงเดินสิบเก้าก็ถึง ชาวบ้านบางคนไม่มีเงินไป๋ซู่วาให้พวกเขาชดใช้เป็นข้าวหรือธัญพืชที่กำลังจะเก็บเกี่ยว มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรไม่สามารถบิดพลิ้วได้ ชาวบ้านน้ำตาเป็นสายเลือดต้องจ่ายให้นางอีกทั้งต้องเสียภาษีเพิ่ม พวกเขาไม่น่าเชื่อแม่ลูกสกุลจางเลย ไปซู่ฮวาเดินออกจากที่ว่าการมาก็เจอสตรีคนนึง นางจึงกระซิบเบาๆ "คุณหนูซุนหากเจ้ารังเกียจหยางหนิงเฉิงควรพูดกันดีๆ มิใช่ร่วมมือกับจางชุนทำลายเขาเพียงเพราะเขาขาเป๋ เจ้าคิดจริงๆหรือว่ามีเพียงสถานศึกษาของบิดาเจ้าเท่านั้นหรือที่สามารถปั้นขุนนางได้" ซุนเย่วเล่อบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น หันกลับมาก็เจอกับสายตาฆ่าคนได้ของบิดา "งามหน้านัก ไร้ยางอาย"ซุนยวี่ไม่มองหน้าบุตรสาวสักนิดนางไม่สมกับเป็นบุตรนักปราชญ์เอาเสียเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD