ดิฉันเปิดรอยยิ้มให้ลูกสาว สปอร์ตสีแดงเลือดนกจอดอยู่ข้างๆ ดิฉันเดินด้วยท่าทีกรุยกรายเพราะมาดและหุ่นเหมือนนางแบบที่ยังสวยไม่สร่าง
ที่เวลานี้สวมกระโปรงยาวเนื่องด้วยว่ากลับมาจากงานเลี้ยงเพื่อนนักธุรกิจก่อนหน้านี้
เอวิตาหันไปตามเสียงร้องและส่งยิ้มให้มารดา
"แม่มารับหนูเร็วจัง"
"แม่ไปธุระมาเพิ่งเสร็จจ้ะ นึกได้ว่าผ่านมาทางนี้เลยบอกให้ลุงเสมอยู่บ้าน แล้วแม่จะพาหนูไปบ้านคุณตากับคุณยาย"
เอวิตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ บ้านคุณตาคุณยายเธอรู้จักดีว่าอยู่แถวไหน
"วิตาดีใจค่ะแม่ ไม่ได้เจอคุณตากับคุณยายมาหลายวัน อยากจะหาอะไรไปฝากท่านหน่อย"
ลูกสาวพูดถึงของฝากให้กับบุพการีของแม่ตัวเอง
"ไม่ต้องแล้วลูก แม่ซื้อมาเพียบเลย อยู่ท้ายรถ" ฉันบอกลูกสาวอย่างเสร็จสรรพ
"งั้นเรารีบไปกันเถอะ ช่วงนี้รถติด"
"การเรียนหนูเป็นไงบ้าง"
ระหว่างที่มือกำพวงมาลัยและในช่วงที่รถติดขัดยาวเหยียดบนเส้นถนนอโศก
"ครูให้การบ้านมาค่ะ ปวดหัวอีกตามเคย คณิตกับวิทย์ วิตาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"
"แต่ก็มีความจำเป็นนี่จ๊ะ ถ้าหนูการเรียนอ่อน แม่จะส่งให้ครูกวดวิชามาติวที่บ้าน"
เอวิตายอมรับว่ามีการเรียนที่อ่อน เมื่อแม่สรรหาแบบนี้และเต็มไปด้วยความห่วงใยเธอจึงพยักหน้า
"ตามใจแม่ค่ะ"
"งั้นแม่จะติดต่อเพื่อนแม่ ที่รู้จักติวเตอร์ ดีๆ ที่ใครๆบอกว่าสอนสนุกเข้าใจง่าย และไม่เครียด"
เอวิตาเป็นคนนั่งฟังมารดา
ขณะที่หลังของเธอพิงกับพนักเบาะนุ่มของสปอร์ตปอเช่ส่วนตัวของมารดา แม่ของเธอนี่เปรี้ยวตลอดศกเลย ทั้งการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม
เอวิตาชักอยากจะเป็นเหมือนมารดา ดูเธอมีความสุข หลังจากที่แม่หย่าขาดจากพ่อของเธอแล้วเธอรับรู้เรื่องนี้เพราะมารดาเพิ่งบอกเมื่อครู่ และก็เป็นเรื่องที่รับรู้และเตรียมใจเผื่อไว้แล้ว
"แม่มีเผือกทอดกับกล้วยทอดของหนูด้วยนะในถุงกระดาษนั่น ถ้าหิวก็หยิบกินนะ"
"วิตาไม่หิวเลยค่ะ ไว้ถึงบ้านคุณยายก่อน ค่อยทานก็ได้"
"จ้ะลูก งั้นวันนี้เย็นของวัน เราอาจจะมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับคุณตาคุณยายแล้วก็แม่ นานแล้ว ที่ไม่ได้มานั่งทานร่วมกันแบบนี้"
ดิฉันมาถึงบ้านแล้ว อันดับแรกก่อนนั้นเคลื่อนรถเข้าไปจอดในโรงรถประจำ ที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งบนนั้นเป็นหลังคากระเบื้องแล้วดิฉัน
พร้อมด้วยลูกสาวเข้าในบ้าน
พร้อมตรงเข้าไปยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ส่วนข้าวของที่เตรียมมาฝากนั้นให้เด็กในบ้านช่วยกันยกตามมาทีหลัง
"อาการของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ"
ดิฉันถามคุณพ่อ ท่านเงยหน้ามองดิฉันนิดหนึ่งแบบเรียบ แต่ท่าทีคล่องแคล่ว ท่านเป็นคนทำอะไรว่องไวมาแต่ไหนแต่ไรแม้อายุปูนนี้ก็ตาม ยังมีรอยยิ้มและความร่าเริงติดในตัว
ส่วนคุณแม่ก็เช่นกันในฐานะของคุณหมอเก่า ก็เฝ้าพยาบาลให้การดูแลคุณพ่อเป็นอย่างดี
รวมทั้งคุมในด้านอาหาร เลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์และไม่มีโทษต่อโรคที่เป็นอยู่ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ยังดูสุขภาพแข็งแรง
บ้านในซอยลึกพอสวมควร อยู่ในร่มเงาร่มรื่น บนเนื้อที่ราวหนึ่งไร่ เป็นเนื้อที่ดินที่ตกทอดมาจากชวดฝั่งคุณพ่อ ความเก่าแก่ของ
ครอบครัวนี้คือภาพวาดและภาพถ่ายของบรรพบุรุษ
ที่แขวนไว้ตามมุมบ้านให้เห็นอย่างเด่ชัด
แม้แต่การเริ่มต้นทำธุรกิจครั้งแรกของคุณพ่อ
ก็มีภาพนั้นอยู่ภาพของหนุ่มหล่อหน้าใสตัวผอมของคุณพ่อในสมัยเมื่อเกือบห้าสิบปีที่ผ่านมาแล้ว
ภาพขาวดำ ยังมีรอยยิ้ม ท่าทีคล่องแคล่วและหยาดเหงื่อ พร้อมกับลายมือตัวอักษรของคุณพ่อที่เขียนกำกับเอาไว้ว่า
ทำอะไรต้องสำเร็จทุกครั้ง มุ่งมั่น มุนามะไม่ถอย เพราะนามสกุลมานะพิทักษ์ ดิฉันให้เอวิตาไปทานขนมก่อนโดยให้เด็กในบ้านจัดการให้
ส่วนของฝากที่มากมาย ติดมือให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ดิฉันจะเลือกในส่วนที่คุณแม่ชอบ ซึ่งอันดับแรกคือสุขภาพค่ะ
คุณแม่จะกรองเรื่องนี้เสมอว่า อะไรควรซื้อไม่ซื้อ และสอนให้ดูของ อันไหนดีอันไหนไม่ดี คุณภาพต่างกันแค่ไหน
ดิฉันจดจำ แล้วนำมาเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกวัน บ้านเก่าหลังนี้นอกจากแมกไม้ครื้ม
คุณแม่ชอบลุกไปตัดดอกไม้มาปักแจกันเล่น ทั้ง กุหลาบ หรือไม่พอว่างก็ให้คนใช้เก็บดอกจำปีมาให้ท่านร้อยเพื่อถวายพระ คุณแม่ชอบทำด้วยตัวเอง ท่านความมันเพลินมีความสุข
คุณแม่ชื่อ แพทย์หญิง เถามาลี เมื่อเงยหน้าทักดิฉัน คุณแม่มีกิริยาที่ดูสงบแต่มีรอยยิ้มเสมอ ท่านไม่ดุ มีความใจดีในตัวเหมือนคุณพ่อเสียงกังวานแบบดังฟังชัด
เพราะในอดีตเป็นหนึ่งในรุ่นที่สามนักเรียนแพทย์ของการก่อตั้งที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งคุณแม่ยั งมีฝีมืออยู่สถาบันต่างๆเคยมาเชิญให้คุณแม่เป็นอาจารย์สอนพิเศษของทางมหาวิทยาลัย
แต่ระยะหลัง จากที่เริ่มเกษียณแล้วคุณแม่ไม่รับงานใดๆ เป็นวิทยากรด้านสุขภาพ
และป้องกันโรคส่วนหนึ่ง ก็มีงานเขียนเป็นตำราตีพิมพ์ขายอยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง
ได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง แต่คุณแม่ก็เขียนตำราไม่ได้มากมายแค่สองสามเล่มเท่านั้นเอง ในบ้านที่ตู้หนังสือมีเก็บค่ะ
บ้านเก่าของดิฉัน ยังคงควานเป็นธรรมชาติเหมือนผู้ดี อีกหลายครอบครัวที่อยู่ในซอยเดียวกัน อยู่กันแบบเงียบๆด้วย ไม่ไปวุ่นวาย
เกี่ยวข้องกับใคร
ประตูหน้าบ้านเป็นรั้วไม้ขนาดใหญ่สีน้ำตาลเช่นเดียวกับกำแพงซึ่งมีความทานทนเพราะมาจากวัสดุแบบดี
ดิฉันนั่งอยู่ตรงมุมหน้าบ้าน มองทอดทะลุไปยังเฉลียงยาวด้วยงานไม้แกะสลักจากทางเหนือ
ด้วยคุณพ่อจ้างช่างในสมัยนั้น มาเป็นพิเศษ คำว่าบ้านผู้ดีเก่าอย่างเรา ก็ยังคงความเก่าเหมือนเดิม
แต่ทันสมัยไม่ตกยุคในปัจจุบัน นอกจากคุณแม่ขยัน ความสะอาดความละเอียด อนามัยของที่บ้านต้องมาก่อน อย่างช่วงในสถานการณ์โรคร้ายที่ผ่านมานั้น เจลแอลกอฮฮอล์ในบ้านมีเกือบทุกที่
คุณแม่ทรุดนั่งที่โซฟาโดยมีหมอนอิงไว้รอง ยิ้มส่งให้ดิฉัน
"เป็นยังไงบ้างดวงตรา"
คุณแม่ชอบเรียกดิฉันเต็มคำแบบนี้ เผยให้เห็นว่าท่านทำอะไรตรงๆ
ดิฉันจำนำมาเลียนแบบท่านในการเรียนชื่อลูกสาวด้วยเหมือนกัน
ดิฉันอยากจะทำอะไรที่เป็นพิมพ์แบบท่าน แต่คุณแม่ก็เรียกดิฉันว่า ลูกในบางครั้ง เรียกว่าแล้วแต่อารมณ์ของท่านมากกว่า
"ตราสบายดีค่ะคุณแม่ กับลูกวิตาก็เช่นกัน"
"ดีล่ะ ไอ้โรคร้ายมันผ่านไปได้ พวกเราทุกคนก็เข้มแข็งกัน แต่โรคนี้มันยังไม่หมดนะ ต้องมามีอีกแน่ แม่อ่านจากคำวิจัยของหมอทั่ว
โลกและระดับสูงจากองค์การ ว่าประเทศไทยจะยังไม่พ้นจากโรคร้ายแต่ไม่รู้ว่าสายพันธ์ใหม่ที่เชื้อโรคพัฒนามันจะรุนแรงแค่ไหน"
คุณแม่จะพูดเรื่องราวทั่วไปเรื่องการแพทย์และสุขภาพที่สำคัญในการสอนเตือนลูกหลาน
ฟังแล้วไม่ได้เครียดค่ะ เป็นการให้ความรู้มากกว่า
"ค่ะ คุณแม่" ดิฉันพยักหน้ารับกับท่าน เอวิตานั่งทานขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีน้ำจิ้มอาหารตั้งอยู่บนโต๊ะ หลานสาวของคุณหมอเถามาลี นั่งมองดิฉันและคุณยายของเขา
"อะไรกันนั่นเด็กหญิงเอวิตา เธอทานขนมพวกนี้ตอนเย็นเหรอ มีแต่ไขมันเยิ้ม แป้งด้วย"
คุณแม่อุทานออกมาทักหลานของท่านด้วยชื่อเรียก ที่ยังมองเห็นว่าเอวิตาหลานสาวที่กำลังจะโตเป็นสาวแล้วนั้น เป็นเด็กเสมอในสายตาของท่าน
เด็กหญิงเอวิตาในคำของคุณแม่หน้างอนิดเหมือนงอนใส่คุณยาย
"แหม คุณยาย วิตา ไม่ได้ทานบ่อยนี่คะ คุณแม่เห็นด้วย นี่ของโปรดวิตาเลยนะคะ"
ดิฉันหัวเราะน้อยๆฟังลูกสาวเถียงคุณยายแบบนิดหน่อยพอเอ็นดู
"จ้ะ ยายก็ไม่ได้ว่า อะไร ยายก็ทักหนูเฉยๆ นานๆกินครั้งก็ไม่เป็นไร หรือจะให้ยายทำให้ ขนมโบราณพวกนี้ยายก็ชอบทำนะ"
คุณยายยังเอาใจหลานต่อ
อีกอย่างที่คุณแม่ ไม่ได้พูดถึงคืออดีตลูกเขยของท่าน
เรื่องราวต่างๆอาจจะรับรู้มาจากปากของคุณแม่ และคุณแม่ก็ฉลาดพอที่จะมองเห็นอะไรต่อมิอะไร คุณแม่เป็นคนที่ไม่สนับสนุนการแต่งงานของดิฉันกับโถมทรัพย์ ที่เป็นนักธุรกิจเก่งกาจในสมัยนั้น
เป็นคนที่มีความสามารถรอบด้านในการทำงาน แม้การทำโปรเจกต์ และการนำเสนอ จุดเด่นของเขา
นี่คือทำให้ดิฉันยอมรับในด้านความสามารถของอดีตสามี จนในสมัยนั้นพัฒนาการจนไปถึงเราแต่งงานกันทั้งคู่
แต่สิ่งนอกจากนั้นที่ดิฉันไม่ได้เรียนรู้เลยคือจิตใจและเนื้อในนิสัยลึกๆ
ดิฉันอาจจะมองแต่ในด้านการทำงานที่ประสบผลสำเร็จของเขามากเกินไป
จนลืมไปว่านิสัยบางครั้งของเขาเจ้าชู้เกินควรแรกเริ่มโถมทรัพย์ไม่แสดงจุดบกพร่องเหล่านี้ให้ดิฉันเห็น อีกอย่างดิฉันนั้นได้ปลื้มกับเขาในฐานะคนที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำระดับสูง
ที่บริษัทของเขานั้นมอบรางวัลศักยภาพและผู้บริหารดีเด่นประจำปีสามปีซ้อน แค่ความสามารถก็ทำให้ดิฉันหลงใหล หน้าตาของเขาก็เช่นกันมีเสน่ห์ในตัวทั้งรอยยิ้มและความขี้เล่น รวมทั้งพูดเก่ง
แต่มีจุดหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นครอบครัวแล้วและดิฉันกำลังจะท้องเอวิตา
เขาเริ่มที่จะออกนอกลู่นอกทาง และดิฉันระแคะระคายเรื่องนี้