ตอนที่ 8

1824 Words
ความที่เขาเด่นในด้านการเป็นผู้นำต้องพบเจอพบปะคนหลายคนในทุกประเภทธุรกิจ ทำให้ดิฉันตามไปคุมเขาไม่ได้ทุกเรื่อง และอีกอย่างดิฉันก็ไม่ได้ตามคุมตามจิกใครเหมือนกัน เนื่องจากว่าต้องเรียนรู้งานอย่างหนักถึงสามบริษัท ตอนนี้คุณพ่อกำลังจะเพิ่มบริษัทในเครือเป็นสี่ คือเกี่ยวกับด้านโลจิสติกส์ ระบบนี้มีความสำคัญมาก คือทุกบริษัทต้องอาศัยการขนส่งในการผลิตและส่งสินค้า ปัจจุบันดิฉันก็มาบริหารในส่วนนี้ที่คุณพ่อก่อตั้ง ท่านมองการณ์ไกล แบบไม่ผิด โลจิสติกส์จะกลับมาบูมในปัจจุบันและเป็นอย่างนั้นจริง จากการที่แต่ก่อนเราต้องจ้างบริษัทโลจิสติกส์ช่วยทำในด้านเอกสารใบขนเอกสารศุลกากรนำสินค้าเข้าออกเป็นเรื่องยุ่งยาก และบริษัทเหล่านี้เรียกค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง ทำให้คุณพ่อหันมาตั้งบริษัทโลจิสติกส์เสียเอง "งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างล่ะลูก อย่าเครียดนะ แม่เชื่อฝีมือของตรา" คุณแม่พูดกับดิฉัน "ค่ะ" ท่านให้กำลังใจเสมอ อาหารเย็นไปจนถึงค่ำที่พวกเราสมาชิกในครอบครัวร่วมรับประทานด้วยกัน นั้นมีความสุขแต้มรอยยิ้มให้กับสมาชิกทุกคน เป็นมื้อที่แสนจะอบอุ่น ส่วนคุณพ่อหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จนั้น ดิฉันจะยังไม่ได้กลับไปเสียทีเดียว เพราะช่วงนี้รถยังติดอยู่ ประมาณสองทุ่มกว่า ดิฉันคิดว่าจะลากลับ "ฉันฝากทุกอย่างไว้นะดวงตรา ทำให้มันดี มันเก่งเพิ่มพูนก้าวหน้าขึ้นอย่างที่พ่อทำ ฉันทำให้เป็นตัวอย่างแล้วนี่" ท่านเอ่ยพูดพร้อมกับถอนลมหายใจ ดิฉันทำตามที่คุณพ่อแนะนำเสมอ "เอ้อ เมื่อสองวันก่อน โถมทรัพย์โทร.มาที่นี่เพื่อถามหาลูก" คุณพ่อได้เอ่ยเรื่องนี้ ทำให้ดิฉันทราบว่าอดีตสามีที่กลายเป็นของนอกกายไปแล้วนั้นโทร.มาหาเรื่อง ถึงขนาดระรานด้วยหรือเปล่า "ระรานใครด้วยหรือเปล่าคะคุณพ่อ" "เปล่าหรอก ถ้าระรานจริงพ่อก็ด่ามันกลับ มันก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง แต่มันถามเรื่องของแก" คราวนี้พ่อพูดกับดิฉันอย่างปกติ คำว่าแก หรือว่าลูก คุณพ่อสลับใช้ในบางครั้งและช่วงอารมณ์ที่พูดถึง "ถามเรื่องหนู" "ใช่ พ่อเลยอยากถามแก ว่าไม่อยู่ที่บ้านหรือไง ถึงได้ให้เขาไปเทียวโทร.หาทั่ว คำพูดคำจามันก็ไม่ดีสักเท่าไหร่" คุณพ่อฟ้องดิฉันอย่างนี้ ดิฉันเชื่อว่ามันสามารถทำได้ เพราะคนอย่างโถมทรัพย์ในตอนนั้น คงโมโหหึงเหมือนคนเป็นบ้า อาจจะคิดในทางลบว่าดิฉันไปกับผู้ชาย "ตราไประยองมาค่ะคุณพ่อ อยากพักผ่อนสมอง พักผ่อนอะไรหลายอย่าง ชีวิตตราเหมือนเขื่อนทำนบที่พังไม่สามารถกั้นน้ำมหาศาลได้ ตราปล่อยให้มันพังทีเดียวแล้วจบ" ดิฉันพูดแบบนี้ คุณพ่อฉลาดเข้าใจอย่างแน่นอน และท่านก็ระแคะระคายเรื่องส่วนตัวของดิฉันเหมือนกัน จากนั้น ท่านก็ไม่เอ่ยอะไร เป็นเพราะว่าอยากทราบจากปากของลูกสาวคนนี้ มากกว่าด้วยตัวเอง "ดีแล้วปิดฉากจบ แกจะได้ปิดชีวิตเส็งเคร็งกับผู้ชายที่เก่งด้านหนึ่งแต่เลวด้านหนึ่งพ่อก็ไม่ชอบเหมือนกัน" โถมทรัพย์เป็นผู้ชายสีเทา ดิฉันก็มีบ้างนะที่สีเทาแต่ไปทางขาว ไม่เทาและออกดำเหมือนใครหลายคน ผมชื่อณภพ ห้าปีเต็มแล้วที่เราครองชีวิตคู่ด้วยกัน ผมกับศาตลินแต่งงานด้วยการที่ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เริ่มสร้างตัวของเราทั้งคู่ จำได้ว่าอายุของผมอยู่ในช่วงสามสิบตอนต้น เช่นเดียวกับเธอเราเกิดปีเดียวกันแต่ห่างเดือน เธอดูเหมือนจะเป็นพี่เดือนผมแค่สามเดือน ในฐานะสามีเธอเรียกผมว่าพี่ แต่ไม่ทุกครั้งหรอก ผมเจอศาตลินครั้งแรกด้วยความประทับใจ ใบหน้าของเธอ ที่มีเรียวดวงหน้ารูปไข่ดูหวานออกจะเป็นสาวหมวย สเปกต์ตรงทุกอย่างที่ผมวาดไว้คือ ไม่อวบอ้วน หรือผอมเกินเพรียวเหมือนหุ่นนักกีฬาหรือนางแบบ แต่ผมเพิ่งสังเกตว่า ดวงตาเธอดุมาก ผมเพิ่งสังเกตดู เหมือนมีอะไรในแววตานั้นเหมือนมีความไม่พอใจใครอยู่ตลอดเวลา แปลก แต่ผิดไปจากผม ที่เป็นคนราบเรียบเปิดเผยในทุกที่ ค่อนข้างซื่อจนเซ่อและไม่แกมโกงใคร มันจะต่างไปจากเธอที่ดูแพรวพราวทั้งคำพูดที่ฉลาดและการเอาตัวรอด เธอมีวิธีการการ ใช้คำพูดที่ผมตามไม่ทันเธอจริง จนต้องยกความฉลาดการแก้ปัญหานี้ให้ เราทำงานอยู่ใกล้กัน จีบกันและรักกัน จนในที่สุด มีทะเบียนสมรสกันคนละใบให้เพื่อนที่สนิทในที่ทำงานเราเป็นพยาน จัดงานก็แค่รับรู้ภายในบ้านเท่านั้นไม่ได้จัดใหญ่โต อีกอย่างเธอเป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับยายส่วนพ่อกับแม่เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนอีก เธอเป็นคนกว้างขวางในสังคมหมู่เพื่อน เพราะยิ้มเก่ง แต่บางทีก็เป็นคนที่ชอบเก็บตัวและไม่สนใจรอบข้าง นิสัยหมายถึงนึกถึงแต่ตัวเอง ผมคิดว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวลึกๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเราครองคู่กันแล้ว คิดว่าพออยู่ไปก็สามารถปรับจูนเข้าหากันได้เหมือนคู่อื่น นั่นคือเรื่องที่ผมคิด ตัวผมทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารทั้งที่ช่วงนั้นผมเรียนจบปริญญาตรีสายรัฐศาสตร์ แต่ว่า เป็นเพราะช่วงนั้นงานหายาก งานไหนที่ได้ก่อน ผมจึงเลือกก่อน เงินเดือนจึงไม่มากนัก ส่วนเธอ เป็นพนักงานที่บริษัทของเธอรับงานมาจากส่วนของราชการและนำเอกสารมาให้คีย์ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและบัญชี เท่ากับพนักงานเอกชน ไม่ใช่ราชการ ซึ่งราชการเป็นงานที่เธอใฝ่ฝันที่พร้อมจะสอบร่วมกับผม ดังนั้นเงินเดือนของเธอกับผมจึงไม่มาก แค่เดือนชนเดือนก็แทบไม่เหลือ ผมให้เธอเก็บเงินเดือนเอาไว้ ตั้งเป้าหมายความหวังในอนาคตอาจจะมีลูกด้วยกัน สะสมเพื่อดาวน์รถซื้อบ้านสักหลัง ผมมีความสุขตามประสาคู่รักเหมือนเพื่อนๆทุกคน เรามีกันและกันมีความห่วงใย และแสดงความรู้สึกต่อกัน ในบางครั้งผมรู้สึก เธอฝืน และดวงตาของเธอนั้นเหมือนคนเจ้าเล่ห์ แต่อีกครั้งที่ผมไม่ถือสา เพราะผมเลือกแล้ว แม้รสนิยมของเธอฟุ้งเฟ้อ ชอบชอปปิ้งที่ศูนย์การค้า แทบจะไปกวาดซื้อมาหมดช่วงสิ้นเดือน หรือช่วงโปรของถูก เธอบอกว่าจำเป็น เพราะของใกล้จะหมดคือของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องอาหาร ในครัว แม้จะมี แต่เธอไม่เคยทำอาหารให้ผมทานเพราะเธอบอกว่าซื้อกินนะง่ายดี ในครัวของอพาร์ทเม้นจึงมีแต่เพียงจานชามช้อนแล้วก็กะละมังเท่านั้น บางทีก็แทบไม่ได้ใช้เลยเพราะซื้ออาหารสำเร็จรูปเช่นตามสั่ง ที่มีกล่องโฟมมาให้เรียบร้อยแล้วก็ทิ้ง ฟังดูแล้ว ชีวิตแบบนี้ เหมือนมีความสุขนะ ความสุขครับ เหมือนผมตามใจเธอทุกอย่าง เรียกว่าอุทิศ หรือเสนอตัว เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำในครอบครัว แม้แต่เงินเดือนก็ให้เธอเก็บ แปลกที่เธอ เป็นคนขอร้องบอกกับผมเองว่า การที่จะแต่งงานจดทะเบียนอยู่ด้วยกัน เธอเป็นคนขอเก็บเงินเดือนเอง และเธอจะแบ่งจ่ายรายวันให้ผมวันละสองร้อย ค่าน้ำมันรถกับค่ากิน ซึ่งผมมีมอเตอร์ไซค์ ไปไหนมาไหน ช่วยเดินทางสะดวก ดังนั้นเงินเดือนแทบทุกเดือนเธอจะเก็บไว้หมด ที่ผมไว้ใจ เพราะเธอละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายและค่อนข้างคล่อง กับการคำนวณรายจ่ายรายรับของครอบครัว ซึ่งเธอทำเป็นบัญชีไว้ ผมว่าดี จะได้รู้ว่าใช้มากหรือใช้น้อย วัยของเราทั้งคู่ยังไม่มาก เรียกว่าวัยกำลังตั้งตัว ห้องเช่าหรืออพาร์ทเม้นต์ที่อาศัย ก็หรูระดับหนึ่งเกือบห้าพัน รวมแล้วเบ็ดเสร็จทั้งค่าน้ำค่าไฟ เป็นเงินที่ผมจะต้องขยัน ผมเป็นคนง่ายๆเรียบ แบบไม่คิดอะไรมาก รสนิยมก็เช่นกัน ผมชอบอยู่กับบ้านมากกว่า นานๆถึงจะพาคนรัก หรือคนในครอบครัวไปเที่ยวในห้างศูนย์การค้า แต่สำหรับเธอ นี่ไปแทบทุกวันทุกอาทิตย์ จนผมนึกเบื่อ ไปทีก็กว่าจะหาซื้อของได้เป็นชั่วโมง ผมเป็นคนที่อะไรเสร็จก็รีบกลับ คืออยากได้อะไร เห็นแล้วก็ซื้อแล้วก็กลับ จะไม่เอ้อระเหยวนเวียนอยู่ที่นั่น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมยอมเพราะเธอ ผมไม่เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อนไงครับ ในด้านการมีครอบครัวเป็นผัวเมีย มีแต่เคยอยู่เป็นโสดคนเดียว เช่นเดียวกับเธอ ที่ต้องมาเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมเตือนเธอบ้าง เธอก็ฟัง แต่ดูเหมือนไม่ได้ทำตามสักเท่าไหร่ ผมก็ยอมมองข้ามไป เพราะคำว่าเธอเป็นเมีย อาจจะเป็นเพราะว่าหน้าตาเธอชวนหลง แต่พอเข้าใกล้แล้วนั้นนิสัยของเธอทำให้ผมชะงัก และแอบถอยห่างอย่างนึกในใจ น่ารักสวยหวาน แต่เป็นคนเจ้าอารมณ์ พยาบาทรุนแรง นี่คือข้อด้อยของเธอ อีกอย่างชอบทำอะไร เอาแต่ใจโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คำพูดของเธอน่าฟัง จัดว่ามีวาทศิลป์ดีรอบคอบ แต่คำพูดที่เป็นไปในทางเจ้าเล่ห์เอาเปรียบคนอื่นผมไม่ชอบ การชี้นำโน้มน้าวแบบคนฉลาด แต่มันฉลาดเกินไป แบบแกมโกงทำให้คนรอบข้างอึดอัด แม้แต่คนอยู่ด้วย แต่ผมก็ไม่คิดอะไรอีกครั้ง เพราะยอมรับแล้วว่า เสนออุทิศตัวที่จะดูแลเธอตลอดไปจนวันตาย ตามที่เธอขอร้องกับผมว่าอย่าทิ้งเธอไป นั่นคือคำสัญญา ที่ผมจะทำตามเหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ผมต้องดูแลและปกป้องเธอ ความรัก ที่ลงตัวระหว่างเธอกับผม มีแต่สายตาของใครๆที่มองมาชื่นชม เพระว่าพวกเราฝ่าฟันกันมา เก็บเงินได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่พูดคุยกันแล้วเตรียมตัวที่จะเป็นของกันและกัน เธอนั้นดูไม่อิดออดและขัดข้อง ความที่เธออยู่คนเดียวมาก่อน อยู่ในหอหญิงในที่ทำงานเก่าแถวปิ่นเกล้าใกล้กับร.พ.ศิริราช เมื่อเธอตัดสินใจ ย้ายมาอยู่ใกล้ผม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD