“เฮ้ย! อะไรเนี่ย หยิบผิดรึเปล่า” เมื่อแก้วมุกดาเปิดดูข้างในก็ต้องร้องตกใจ เมื่อในกระเป๋าสัมภาระนั่นมันมีแต่เสื้อผ้าผู้ชายแล้วก็อะไรไม่รู้สำหรับผู้ชายเต็มไปหมด
“ไม่ผิดครับ ทั้งหมดเป็นของคุณ และคุณจะต้องเปลี่ยนมันเดี๋ยวนี้ครับ” อีวานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย จนคู่หูที่มาด้วยต้องเป็นฝ่ายอธิบายแทน
“ทั้งเสื้อผ้า วิก และหมวก เป็นของคุณแก้วตาทั้งหมดครับ เจ้านายบอกให้คุณปลอมตัวและทำทุกอย่างให้เหมือนผู้ชาย และเพื่อให้เกิดความเคยชินคุณจะต้องเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลย จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดครับ” สีหน้าที่ดูเป็นมิตรของไซมอนทำให้แก้วมุกดาพอจะเข้าใจได้ แต่มันต้องขนาดนี้เลยรึไง
“มันไม่เยอะไปเหรอ ทั้งสูท ทั้งวิก ทั้งหนวด ไหนจะหมวกอีก ร้อนตับแตกกันพอดี” เธอก้มมองเครื่องแต่งกายที่ว่านั่นแล้วก็อยากจะร้องไห้
“ไม่ร้อนแน่นอนครับ เพราะที่ที่เราจะไปมันเป็นเรือสำราญ ภายในติดแอร์ทั้งลำ ภายนอกก็มีลมทะเลพัดเย็นสบาย ดีไม่ดีตกดึกคุณแก้วตาอาจจะเรียกหาเสื้อโค้ทเพิ่มด้วยก็ได้นะครับ” ไซม่อนบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ ตามสไตล์ของตัวเอง
“สรุปคือ ยังไงๆ ฉันก็ต้องใส่ใช่ไหม” แก้วมุกดาถามประชด
“ครับ/ครับ” สองหนุ่มตอบพร้อมกันเสียงดัง จนเธอได้แต่กัดฟันกรอด แต่ก็ยอมไปจัดการตัวเองตามที่อีกฝ่ายต้องการ
ระหว่างที่แก้วมุกดากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ สุดที่รักที่ตั้งใจจะมาส่งเพื่อนขึ้นเครื่องก็มาถึงหน้าห้องด้วยเหมือนกัน
“เอ่อ! สงสัยมาผิดห้อง” เพราะชายต่างชาติตัวสูงใหญ่ถึงสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้เธอต้องหันหลังกลับ
“ชั้นสาม ห้องสามศูนย์สาม ก็ถูกแล้วนี่” สุดที่รักทวนชั้นและหมายเลขห้องก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
“พวกคุณเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับเจ้าของห้องรึเปล่าคะ” สุดที่รักถามแล้วก็ต้องทำหน้าเหลอหลา เมื่อชายทั้งสองไม่มีใครคิดที่จะตอบ คนหนึ่งก็ยืนมองนิ่งๆ อีกคนก็ยืนมองยิ้มๆ เธอจึงได้แต่สบถกับตัวเองเป็นภาษาไทยออกมา
“นี่อย่าบอกนะว่าฟังภาษาอังกฤษที่ฉันพูดไม่ออก นี่ภาษาเราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ เอ่อ” ก่อนที่เธอจะทันได้ถามอะไรต่อ พลันประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาซะก่อน
“เฮ้ย!” สุดที่รักอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ ตอนเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่มายืนอยู่หน้าห้องเพื่อนก็แปลกใจมากพอแล้ว นี่ยังมีไอ้หน้าหนวดที่ไหนก็ไม่รู้เดินออกมาจากห้องอีก
“พะพวกคุณเป็นใคร แล้วคุณน่ะเข้าไปในห้องเพื่อนฉันได้ยังไง แล้วเพื่อนฉันล่ะ พวกคุณทำอะไรเพื่อนฉัน” พูดจบสุดที่รักก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วงว่าเพื่อนรักอาจจะโดนทำมิดีมิร้าย
“เฮ้ย! ไม่มี เพื่อนฉันล่ะ เพื่อนฉันอยู่ไหน พวกแกจับเพื่อนฉันไปใช่ไหม บอกมานะว่าเอาเพื่อนฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน เอาวะวันนี้เป็นไงเป็นกันไอ้หยีขอสู้ตาย โว้ย” เห็นสุดที่รักตั้งการ์ดพร้อมสู้อย่างมิกลัวตาย ทำเอาท่านผู้ชมทั้งหลายถึงกับหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆๆ นี่แกจำฉันไม่ได้หรือว่าแกล้งอำฉันเล่นฮะไอ้หยี” แก้วมุกดาถามทั้งขำทั้งงง ไม่นึกว่าตนจะเปลี่ยนไปจนเพื่อนจำไม่ได้
“แก้วเหรอ เล่นอะไรเนี่ย ฉันไม่ขำด้วยนะโว้ย” สุดที่รักทำหน้างอ
“ฉันก็ไม่ได้เล่นโว้ย ลองมาแต่งตัวแบบฉันบ้างไหมล่ะ จะได้รู้ว่าฉันก็ไม่ขำเหมือนกัน แต่จะทำไงได้ในเมื่อนี่มันคือยูนิฟอร์มที่ฉันต้องใส่” คราวนี้เป็นแก้วมุกดาบ้างที่กำลังหน้าบึ้ง แล้วคนที่เป็นฝ่ายหัวเราะก็กลายเป็นสุดที่รักแทน
“ฮ่าๆๆ จะว่าไปใส่แบบนี้ก็ดีออก อย่างน้อยมันก็ทำให้แกดูหล่ออะ หรือแกจะหันมาเอาดีทางนี้วะ”
“ถ้าจะพูดจาสุนัขไม่รับประทานขนาดนี้ แกกลับไปเลยดีกว่า” เพราะเครื่องแต่งกายที่ทำให้ตนเหมือนตัวประหลาด จึงทำให้เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะล้อเล่น
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แค่นี้ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ ฉันอุตส่าห์จะไปส่งแกที่สนามบินเชียวนะ ไหนๆ ก็ไหนแล้ววันนี้แกก็เป็นผู้ชายให้ฉันควงสักวันก็แล้วกัน อุ๊ย! ขอเก็บรูปไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ย! ระลึกหน่อยนะ” ยังไมทันที่แก้วมุกดาจะได้ปฏิเสธ สุดที่รักก็ฉวยแขนอีกฝ่ายมากอดไว้ แล้วก็กดถ่ายทันที
“ว่าแต่สองคนนี้ใครล่ะ” สุดที่รักบุ้ยปากไปยังฝรั่งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“คนนั้นชื่ออีวาน ส่วนนี่ก็ไซมอน สองคนนี้เป็นคนที่พี่เจฟส่งมาดูแลฉัน อ้อ! นี่เพื่อนฉันเอง อาจจะจุ้นวุ่นวายไปบ้าง ก็อย่าถือสานะ” สุดที่รักที่ถูกเพื่อนเพื่อนแนะนำแบบเสียๆ หายๆ ทำหน้ามุ่ย
“สวัสดีค่ะ ฉันยาหยียินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้ายังไงก็ฝากดูแลเพื่อนฉันด้วยนะ อย่าให้เขาไปทำอันตรายใครได้ล่ะ ถ้าจะให้ดีก่อนไป พาไปฉีดยาป้องกันเอาไว้สักหน่อยก็ดี” สุดที่รักได้ทีเอาคืน
“ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่หมานะ เดี๋ยวแม่กัดให้จมเขี้ยวเลยนี่” ว่าแล้วสองสาวก็หันมามองหน้ากันก่อนจะพากันหัวเราะ ด้วยทั้งคู่มักจะหยอกเล่นกันอย่างนี้เสมอ จากนั้นก็อดใจหายไม่ได้เมื่อจะต้องจากกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ฮือๆๆๆ ไปอยู่ไกลบ้านแกต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ กินข้าวให้ตรงเวลา อย่านอนดึก แล้วก็ห้ามอั้นฉี่นะ เดี๋ยวจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ” เกือบจะดีอยู่แล้วแต่ก็ต้องหลุดขำเพราะท้ายประโยคของสุดที่รักอีก
“บ้า พูดจาน่าเกลียด ฉันไม่เคยอั้นฉี่ย่ะ แกเองก็เหมือนกัน ฉันไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองให้ดี ฉันเป็นห่วงแกนะ” ว่าแล้วสองสาวก็โผกอดกันแทนคำบอกลา
หลังจากล่ำลากันเสร็จแก้วมุกดาก็เดินทางไปขึ้นเครื่อง โดยไม่ให้สุดที่รักตามไปส่ง ด้วยไม่อยากให้ทั้งตนและเพื่อนต้องร้องไห้ให้อายคนอื่นเขา อีกอย่างรูปลักษณ์ภายนอกของเธอตอนนี้มันก็ไม่เอื้ออำนวยให้ร้องไห้ในที่สาธารณะสักเท่าไหร่ด้วยสิ
ท่าเทียบเรือมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินชาลส์เดอโกว์แล้ว ทั้งสามคนก็ต้องนั่งรถต่อมายังท่าเทียบเรือมาร์แซย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญเรือสำราญที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั้น มันก็ช่าง...
“โห! นี่เหรอเรือสำราญ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นชัดๆ จุคนได้เท่าไหร่เนี่ย” แก้วมุกดาตื่นตะลึงกับเรือสำราญลำโตที่กำลังจะได้ขึ้นไปสัมผัสด้วยตัวเองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ราวๆ พันกว่าคนครับ” เป็นอีวานที่ตอบสีหน้าเรียบเฉยอีกตามเคย
“ดับอารมณ์เป็นบ้าเลย นี่ไซมอนถามจริงเหอะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานายเคยเห็นอีวานทำหน้าอย่างอื่นนอกจากทำหน้านิ่งท่อนไม้อย่างนี้ไหม เห็นแล้วเมื่อยแทน” แก้วมุกดาว่าพลางทำหน้าเมื่อย
“ฮ่าๆๆ อยู่ๆ ไปอีกเดี๋ยวคุณแก้วก็ชินเองนั่นแหละครับ เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ หมอนี่ก็มีข้อดีนะครับ” เห็นแก้วมุกดาทำหน้าอยากรู้ ไซมอนจึงพูดต่อ “นอกจากหน้านิ่งแล้ว หมอนี่ยังพูดน้อยด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ”
“เนี่ยนะ ข้อดี” แก้วมุกดากลอกตาไปมา
“ครับ นี่ล่ะครับข้อดี ไม่มีปากมีเสียง ไม่เถียง ไม่พูดเลยก็มีนะครับ” ไซมอนยังคงนินทาเพื่อนอย่างสนุกปาก
“งั้นก็สมแล้วล่ะที่พวกนายสองคนอยู่ด้วยกัน จะได้ไม่ต้องแย่งกันพูด คนนึงก็พูดไม่หยุด อีกคนก็ไม่พูด เฮ้อ! นี่ฉันต้องทำใจให้ชินกับนายสองคนจริงๆ ใช่ไหม” เธอมองทั้งสองคนสลับกันไปมาก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงๆ
“ครับ” ไซมอนตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้ายิ้มๆ แบบที่เห็นแล้วไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย
“อืม! แล้วฉันจะพยายาม ว่าแต่พวกนายว่าตอนนี้ฉันเหมือนผู้ชายจริงๆ แล้วใช่ไหม” ก่อนที่เธอจะพาตัวเองเหยียบย่างขึ้นไปบนเรือสำราญลำนั้น ก็อดกังวลอีกไม่ได้
“ครับ” เป็นอีวานที่ตอบสั้นๆ อีกตามเคย
“เฮ้อ!” เป็นอีกครั้งที่แก้วมุกดาต้องถอนหายใจ เมื่อคำตอบของอีวานไม่ได้ช่วยอะไร มิหนำซ้ำยังทำให้กังวลยิ่งกว่าเดิม
“เอาเป็นว่าจากนี้ไปคุณคือดราโก จำแค่ว่าคุณชื่อดราโกไม่ใช่แก้วมุกดา ห้ามเผลอแล้วก็ห้ามลืมตัวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเท่ากับว่าที่เราลงทุนมาทั้งหมดจะสูญเปล่า ที่สำคัญมันเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวคุณเอง และต่อไปเราสองคนจะเรียกคุณว่าหัวหน้าทั้งต่อหน้าและลับหลังคนอื่น จะได้เคยชินกันเอาไว้นะครับ” อีวานบอกเสียงเครียด แต่เพราะได้ฟังประโยคยาวๆ ครั้งแรกของเขาเลยทำให้คนฟังไม่ได้รู้สึกเครียดไปด้วย