แสงตะวันเองต่างหากกลับเป็นฝ่ายเอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาปะปนกับเรื่องงาน ด้วยไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าเด็กเพิ่งเรียนจบมาจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้มากกว่าอยากเอาเงินไปถลุงเล่นๆ เท่านั้น
“ฉันการันตีไม่ได้หรอกค่ะว่าทุกอย่างที่คิดไว้จะสำเร็จ แต่เราก็มาช่วยกันคิดต่อยอด หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นี่คะว่าควรจะทำยังไงไม่ให้โปรเจกต์ล้ม อย่าเพิ่งคิดถึงกำไรเลยค่ะ คิดแค่ว่าทำยังไงไม่ให้มันล้มก่อนก็พอ แล้วที่ได้ตามมานั่นค่อยถือว่ากำไร” เหมือนดาวเองก็บอกตามตรงไปเช่นกัน แม้จะหาข้อมูลและวิเคราะห์มาอย่างดีตอนทำโปรเจกต์เสนอและสำรวจคู่แข่งมาอย่างดีแล้วก็ตามที แต่ก็ไม่กล้าฟันธงได้เต็มร้อย
“นั่นประไรล่ะ คนเสนอโปรเจกต์ยังไม่กล้าการันตี แล้วเจ้าของเงินจะกล้าด้วยเหรอ คิดอะไรให้กว้างๆ ให้เหมือนผู้ใหญ่คิดหน่อยสิคุณ ไม่ใช่เล่นขายของนะ นี่มันเงินจริงๆ ชีวิตจริงๆ หมดจริงๆ ได้จริงๆ คุณไม่ใช่คนจ่ายถ้าเจ้งมาจะเดือดร้อนอะไรล่ะ แต่ผมกับป๋านี่สิต้องคิดหนัก เงินเป็นร้อยล้านเป็นพันล้านหายวับไปกับตาใครจะกล้าเอามาเสี่ยงกับเด็กขาดประสบการณ์อย่างคุณบ้างล่ะ”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เหมือนดาวไม่เอาคำของเขามาเป็นอารมณ์แล้วตอบโต้กลับทันควัน เพราะรู้ดีว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริง แม้จะมีอารมณ์ไม่พอใจร่วมด้วยอยู่บ้างก็พอทนไหวถ้านี่คืองาน
“จุดขายของหนูดาวอยู่ไหนบ้าง ลองแจกแจงให้พ่อฟังอีกทีสิ” อาทิตย์อดสงสารสะใภ้ไม่ได้ที่ถูกลูกชายต้อนจนไม่มีข้อโต้แย้ง
“หนูดาวคิดว่าจุดขายของเราก็คือ เปิดให้เข้าชมได้ตลอดปี ราคาบัตรก็ถูกกว่าที่อื่นครึ่งหนึ่ง คนแกคนพิการคนท้องเราคิดว่าจะไม่เก็บค่ะ อาหารที่ขายข้างในเราตั้งราคาเท่ากับข้างนอก หลีกเลี่ยงอาหารทอด หรือถ้ามีก็ให้ใช้น้ำมันทานตะวันของเราเท่านั้น”
“เพราะ” อาทิตย์อดสงสัยไม่ได้
“มันมีคอเลสเตอรอลน้อยค่ะ คนกำลังรักสุขภาพน่าจะเป็นจุดขายที่ดีได้”
“โอเค เข้าท่า ต่อ”
“ดอกไม้ที่เราจะเอามาจัดสวนหนูดาวอยากจะให้แบ่งเป็นสีตามฤดูกาลไปเลยค่ะ เช่นสีแดงก็แดงล้วนยืนไปสามเดือน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ชมพูหรือม่วงก็ว่าไปตามแต่เราจะหาดอกไม้ได้ค่ะ มีสนามหญ้ากว้างๆ ไว้ให้คนมาเป็นครอบครัวปูเสื่อนั่งเล่นกินอาหารร่วมกันไปด้วยอย่างมีความสุข อะไรประมาณนี้ค่ะ”
“ฝันเฟื่องไปหรือเปล่า” สามีเลยรีบเหน็บทันควัน แต่ภรรยาในนามไม่ได้ว่าอะไรนอกจากรายงานต่อ เพราะต่อหน้าผู้ใหญ่หลายคนไม่กล้าแผลงฤทธิ์มาก
“หนูดาวยังไม่ฟันธงนะคะว่าคอนเซปต์จะฟิกซ์อยู่แค่ตรงนี้ หนูดาวเปิดรับคำแนะนำจากทุกคนอยู่แล้วค่ะ เพราะไม่ได้เก่ง ไม่ได้มีประสบการณ์มาจากไหน เพียงแค่ใจอยากจะทำแล้วก็เอามาแตกประเด็นให้ทุกคนรู้เท่านั้นค่ะ”
ทุกคนในห้องประชุมต่างนิ่งอึ้งกับท่าทีของสะใภ้ป้ายแดงที่แจกแจงได้ชัดเจน และด้วยท่าทีนอบน้อมมีสัมมาคาระวะไม่อวดว่าตัวเองรู้แต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังถ่อมตัวจนน่าเอ็นดูอีกต่างหาก
“แล้วแผนของคุณเป็นยังไง จะทำอะไรก่อนหลัง จะเสร็จเมื่อไหร่เปิดเมื่อไหร่” แสงตะวันยังไม่วายสงสัย
“ตอนนี้ต้นตุลาคม ถ้าโปรเจกต์ผ่านการพิจารณาเราก็เริ่มงานได้เลยค่ะ สิ่งแรกจะต้องทำคืองานพวกก่อสร้างต่างๆ เช่น โรงแรม ในสวนก็จะปรับพื้นที่สร้างศูนย์อาหาร ร้านค้า ห้องน้ำ ถนน แปลงนา สะพานข้ามแปลงนา เวทีการแสดงระบบไฮโดรลิคค่ะ” เหมือนดาวอธิบายอย่างใจเย็น “แล้วไงต่อ” แต่คนฟังออกจะหัวเสียนิด ที่เจ้าหล่อนไม่ติดขัดอะไรในการรายงาน
“จากนั้นฉันก็จะต้องไล่ปลูกพืชที่ใช้ระยะเวลาหลายเดือนเพื่อกะเวลาให้ทันเปิดสวนในเดือนตุลาคมปีต่อไป เพราะเป็นช่วงเข้าหน้าหนาว ใกล้เทศกาลปีใหม่ เราควรจะเปิดในช่วงนี้”
“แน่ใจเหรอว่าจะทำได้ จะทำทัน ของจริงกับของเล่นที่คุณเข้าใจมันไม่เหมือนกันนะ”
“แน่ใจค่ะ ถ้าเงินพร้อม คนพร้อม ฉันคิดว่าเราสามารถสร้างเสร็จได้ภายในปีเดียว เพราะตอนนี้ฉันหาข้อมูลทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแต่โปรเจกต์อนุมัติก็เริ่มลงมือได้เลยค่ะ ฉันเข้าใจว่าเงินลงทุนเป็นร้อยหรืออาจจะถึงพันล้าน และกว่าจะคืนทุนต้องใช้เวลา แต่ถ้าเราพร้อมใจกัน เห็นดีด้วยกันร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำให้มันเกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าไม่มีอะไรเกินความสามารถของพวกเราค่ะ ฉันไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน จะต้องพึ่งทุกคนทุกคำแนะนำเพื่อให้สวนนี้เกิดขึ้นมาให้ได้ค่ะ”
แสงตะวันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเมียฟันน้ำนมไม่ได้แสดงออกว่าเก่งกาจอะไร หากแต่หันมาโน้มน้าวจิตใจเขาและคนอื่นๆ แทนเพื่อเรียกคะแนนเอ็นดูสงสาร “แล้วคนอื่นๆ ว่ายังไง”
อาทิตย์เห็นทุกคนเงียบเลยมองไปรอบๆ โต๊ะจนครบทุกคน แต่ก็ได้คำตอบเดิมคือเงียบ “งั้นเอาอย่างนี้ มาโหวตลับๆ กัน หนูดาวทำกระดาษเล็กๆ มา มีให้กาสองช่องคือเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย แล้วให้ทุกคนในห้องตัดสินใจเองก่อน เอากล่องนั้นมาให้หย่อนผลลงไปแล้วเรามานับกันตรงนี้เลย”
เหมือนดาวกับสองเพื่อนรีบช่วยกันทำทันที แล้วก็ยืนระทึกกับผลที่จะได้เมื่อกล่องอยู่ในมืออาทิตย์แล้ว “จะขานทีละคะแนนนะ เตรียมจดเลยหนูดาว” ปากกากับกระดาษมีพร้อมแล้ว หัวใจก็ระทึกไปด้วย
“เย้!!! สำเร็จแล้ว” แล้วทั้งสามก็ตบมือใส่กันอย่างชอบใจเมื่อผลออกมาชนะไปถึงสองคะแนน แม้จะเป็นแค่สองแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้แสงตะวันต้องนั่งถอนหายใจออกมาหนักๆ ได้ทันที เพราะคงจะต้องเหนื่อยอีกหลายยกกว่าโปรเจกต์นี้จะสำเร็จ และต้องลุ้นอีกหลายปีกว่าจะคืนทุนมาได้ หรือไม่ก็ต้องนั่งถอนหายใจอีกหลายร้อยรอบหากเงินต้องสูญเปล่า
“เป็นอันว่าหนูดาวรับตำแหน่งผู้จัดการโปรเจกต์ไป ให้เจ้าตะวันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสนะ ส่วนคนอื่นๆ ค่อยแบ่งหน้าที่กันทำ รวมทั้งสองหนุ่มสาวคู่นี้ด้วยต้องมาช่วยงานเท่าที่จะทำได้ งั้นปิดประชุม”
“เย้!!!!”
อีกครั้งที่สามชีวิตดีใจจนออกนอกหน้า ทำเอาผู้ใหญ่ในห้องประชุมต่างยิ้มด้วยความขำไปตามๆ กัน จะมีก็เพียงแสงตะวันเท่านั้นที่ทำหน้าบึ้งใส่ โดยเฉพาะเมียในนามที่มักจะหาแต่เรื่องปวดหัวให้เขาไม่เคยว่างเว้น นับตั้งแต่กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งหลังเรียนจบ คิดๆ แล้วเขาก็อยากจะย้อนเวลาคืนไป แล้วหย่าและคืนทุกอย่างให้เจ้าหล่อนให้รู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ต้องมาหัวเสียกับการหลงสะใภ้เด็กของพ่ออยู่แบบนี้