ตอนที่ 13

1144 Words
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที “ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก” ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับ ยิ้มกับตัวเอง “คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ” เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้องใจกล้าหน้าด้านมากกว่านี้ ต้องไม่ตื่นกลัว เช้านี้น่านน้ำลงมาช้ากว่าเวลาอาหารที่กำหนดไว้ ภูชิตนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะ เมื่อหญิงสาวเดินลงมาจากบันได แล้วนั่งประจำที่ เขาเพียงลดหนังสือพิมพ์ลงชำเลืองตามองเธอแล้วยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านเหมือนเดิม น่านน้ำยิ้มให้นางแตงอ่อน แต่ก็ไม่วายลอบสังเกตอาการของคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ “ช่วงเช้าคุณน้ำเคลียร์งานให้เสร็จนะครับ กลางวันเราต้องไปทานข้าวเที่ยงกับกำนันช้าง” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงเบาหวิว “นี่ของคุณน้ำจ้ะ ไข่ลวกห้าฟอง กับนมสดแก้วใหญ่ ตามที่สั่งไว้เมื่อวาน” น่านน้ำยิ้มฝืนๆให้นางแตงอ่อน เธอเหลือบมองไปทางคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขายังคงนิ่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอพ่นลมหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอก แต่ขณะที่น่านน้ำกำลังจะลงมือจัดการอาหารเช้าตรงหน้า เสียงทุ้มก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “จะบำรุงอะไรนักหนา ผมว่า...ที่มีอยู่ก็พอดีตัวแล้วนะ” นางแตงอ่อนหันหน้ามาช้าๆสบตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่ คนที่กำลังจะส่งไข่ลวกเข้าปากชะงักมือค้าง ใบหน้างามงอง้ำอย่างลืมตัว “ก็น้ำอยากกิน” ไม่รู้จะหาอะไรมาเถียง เขาพูดแทงใจดำสุดๆ “แตงอ่อนไปทำความสะอาดห้องฉันได้แล้ว เดี๋ยวค่อยลงมาเก็บโต๊ะ” “จ้ะ...นาย” แตงอ่อนเกาหัวแกรกๆ เดินขึ้นบันไดบ้านไปทันที ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ ภูชิตพับหนังสือพิมพ์ วางบนโต๊ะ แล้วจ้องมองใบหน้าเนียนไม่วางตา “คุณจะกินเข้าไปทำไมตั้งห้าฟอง แล้วก็ไอ้นมแก้วใหญ่นั่นอีก จะเอาไปบำรุงตรงไหน มันไม่ใหญ่โตขึ้นในวันสองวันหรอก อีกอย่าง...ผมชอบแบบนี้แหละพอดีตัวทุกส่วน” “เอ่อ...น้ำขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” เมื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมกล้าที่มองมา เล่นเอาเธอไปไม่เป็น น่านน้ำจึงสั่งตัวเองว่าเธอขอไปตั้งหลักก่อนดีกว่า ร่างเล็กลุกขึ้นสาวเท้าเดินเร็วตรงไปที่ห้องทำงานทันที “ต้องกล้า ต้องไม่กลัวสิ” น่านน้ำหันหลังพิงประตูที่เพิ่งปิดลง แล้วพูดให้กำลังใจตัวเอง ปากบางจิ้มลิ้มห่อเล็กน้อยก่อนจะพ่นลมออกมายาวๆ “นายจะให้พวกผมตามไปด้วยไหมครับ” นายสินลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามทันที เมื่อภูชิตเดินออกมาจากประตูบ้าน โดยที่น่านน้ำเดินตามหลัง มาติดๆ “ไม่ต้อง วันนี้ไม่ได้ไปคุยเรื่องงาน ไม่น่าจะมีอะไร” นายสินพยักหน้ารับทราบ “ครับนาย” ภูชิตขับรถพาน่านน้ำออกจากไร่ก่อนเที่ยงประมาณสามสิบนาที ชายหนุ่มลอบชำเลืองคนนั่งด้านข้างเป็นระยะ หากแต่น่านน้ำก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำ ไอ้ประโยคปลุกระดมกำลังใจให้ตัวเองที่หวังจะเพิ่มความกล้า พอเอาเข้าจริงก็ไม่รู้ความกล้ามันหายไปไหนหมด “ผมกลัวคุณน้ำจะเบื่อ อยู่แต่ในไร่เห็นแต่หน้าผมกับคนงาน เลยอยากพาออกมาเจอสังคมอื่นบ้าง กำนันช้างเป็นผู้ทรงอิทธิพลในจังหวัดนี้ และเป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ ไร่ของเราส่งอ้อยขายที่นี่เป็นส่วนใหญ่” “ค่ะ” “หืม...ไม่ถามอะไรเพิ่มเติมหน่อยหรือ” ภูชิตกำลังรู้สึกหงุดหงิดที่คนตัวเล็กประหยัดคำพูด ตั้งแต่เช้ามาเธอพูดกับเขานับคำได้ หรือยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่นะ “จะให้ถามอะไรล่ะคะ” ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ก็อย่างเช่น ให้คุณน้ำมาด้วยในฐานะอะไร แล้วจะกลับตอนไหน” “น้ำก็มาในฐานะลูกน้องคุณภูชิต แล้วมาทานข้าวเที่ยง ทานเสร็จก็กลับไงคะ” “หึๆ...มาในฐานะคู่รัก แล้วข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว เราต้องไปงานเปิดตัวรีสอร์ตแพริมแม่น้ำของกำนันช้างต่อ อาจจะกลับดึกมาก หรือหากติดพันเราต้องนอนที่แพริมน้ำ” น่านน้ำหันตัวไปมองคนขับรถเต็มตา “คู่รัก! นอนแพริมน้ำ! ” อา...โอกาสมาแล้วสินะน่านน้ำ “เรียกผมว่าคุณภู เพราะคู่รักกันเขาไม่เรียกกันเต็มยศหรอก” “น้ำยังไม่ได้ตกลงเลยนะคะ” ต้องเล่นตัวสักหน่อย เดี่ยวจะหาว่าง่ายเกินไป “นี่เป็นคำสั่งของเจ้านาย กำนันช้างพยายามจับคู่ผมกับลูกสาวของเขา ซึ่งผมไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย ถ้าผมปฏิเสธปากเปล่าเขาก็คงไม่เชื่อ และหากเขาจับได้ว่าผมโกหกเขาอาจจะยกเลิกโควตารับซื้ออ้อยจากไร่ของเรา งานเราก็จะเสียหาย แล้วอีกอย่างงานเปิดตัวรีสอร์ตแพริมน้ำของกำนันช้างเราก็ต้องไป เพื่อสานสัมพันธไมตรีที่ดีไว้” ภูชิตพูดจบก็นิ่งเงียบรอฟังคำตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ให้คนอื่นมาเป็นคู่รักแทนน้ำก็ได้นี่คะ คุณศศิก็ได้ เธอคงยินดีมารับบทคู่รักของคุณมากกว่าน้ำ” น่านน้ำไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงของตัวเองเจือไปด้วยการประชดประชัน แต่ก็ขอหยั่งเชิงต่ออีกนิดเถอะ “ใครๆก็รู้ถึงสถานภาพระหว่างผมกับศศิ คุณเองก็น่าจะรู้จากแตงอ่อนแล้ว” น่านน้ำหันไปสบตาเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้างุด “คุณนี่แหละเหมาะสมแล้ว อยู่บ้านเดียวกับผม เป็นเพื่อนของภรรยาเจ้าของไร่ใกล้เคียงกัน ใครๆก็พอเดาออกว่า ยังไงผมต้องจริงจังกับคุณอยู่แล้ว” น่านน้ำหันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มจ้องเขม็ง สมองกำลังเร่งประมวลผลทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD