EP 38

1140 Words
“ผมขอพูดกับทุกคนตรงๆ เลยนะครับว่าผมกับลูกและทีมงานทุกคนตั้งใจจะมาช่วยดึงช่วยกู้ให้ที่นี่ลุกขึ้นมาก้าวเดินต่อไปครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงอยู่เลย เพราะวีทีเค มิลลิ่งกับพีซีซีซี เทรดดิ้ง กรุป ก็ไม่ใช่อื่นไกลแล้ว แต่เป็นทองแผ่นเดียวกัน ผมจึงอยากจะฝากทุกคนให้ช่วยผมกอบกู้ภาวะวิกฤตตอนนี้ให้สุดความสามารถ ใครมีไอเดียอะไร ข้อติติงตรงไหน ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือต่อเสริมเติมแต่งยังไงก็อย่าเก็บไว้คนเดียว แต่เราจะมาระดมสมองช่วยกันทุกคน นิสัยของผมคือ ถ้าผมอิ่มคนรอบข้างก็ต้องอิ่มตามไปด้วย ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวและไม่ใช่พวกชอบกดขี่หรือเอาเปรียบพนักงานไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหน ผมมีความยุติธรรมให้เสมอๆ และไม่เคยเอาเรื่องครอบครัวคนในครอบครัวมาปะปนกับเรื่องงาน ใครผิดก็ว่าไปตามผิดไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผมเอง เป็นเมีย เป็นลูกสาว ลูกชาย หรือแม้แต่ลูกเขยลูกสะใภ้ผมก็จะจัดการขั้นเด็ดขาดทันที ผมหวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจผมดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ” เสียงปรบมือจากทุกคนในห้องเรียกให้วิวรรญาต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ และต้องยอมรับว่าคำพูดของพ่อสามีนั้นดูดีไร้ที่ติ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินถึงแผนการซุกซ่อนอยู่ป่านนี้เธอก็คงจะน้ำตาไหลเพราะความตื้นตันเป็นแน่แท้ คงไม่เพียงแค่ตีหน้าเรียบเฉยและอยู่ในท่าทีสำรวมแบบนี้ “เฮียไจ้มีอะไรจะเสริมอีกหรือเปล่าครับ” ประมุขหันไปหาคู่ดอง ด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ “ไม่มีครับ เฮียพูดถูกทุกอย่างแล้วครับ” ไกรเดชก็ยิ้มให้เช่นกัน แต่เป็นการยิ้มเพียงภายนอกเท่านั้น ซึ่งผิดกับภายในโดยสิ้นเชิงที่เฝ้าหวาดระแวงตั้งแต่วินาทีที่ได้รับรู้จุดหมายปลายทางของประมุขจากปากเมียปากลูกแล้ว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอปิดประชุมนะครับ จะได้แยกย้ายไปทำงาน ผมกับอาตี๋เล็กก็จะต้องรีบกลับไปประชุมที่ออฟฟิศอีก ช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ โดยเฉพาะเจ้าหนุ่มนี่มีอะไรอีกมากมายรออยู่เลยล่ะ เพราะกลับจากอังกฤษก็มาทำงานได้แค่ปีกว่าๆ ก็ขอไปหาประสบการณ์เป็นรั้วของชาติกับเพื่อนแล้ว แถมยังหนีไปจีบว่าที่เจ้าสาวอีกตั้งครึ่งค่อนปี กลับมาคราวนี้ผมจะต้องอัดงานให้เต็มเหยียดเลยทีเดียว จะได้ไม่แอบหนีเที่ยวอีก ไม่ไหวๆ โตแล้ว แต่งการแต่งงานแล้วต้องตั้งใจกว่าตอนเป็นหนุ่มโสดหน่อย ตอนเรียนอยู่ผมปล่อยให้ใช้ชีวิตหนุ่มเต็มที่แต่ตอนนี้ถึงเวลาต้องทำงานจริงๆ จังๆ แล้ว” วิวรรญาไม่ได้เอาคำพ่อสามีมาใส่ใจนัก นอกจากรีบลุกออกจากห้องประชุมตรงไปห้องทำงานของตัวเองทันที ปล่อยหน้าที่ส่งแขกให้พ่อเป็นคนรับไป เพราะใจตอนนี้อยากจะทุ่มเทให้กิจการของครอบครัวมากกว่า จะได้เก่งเร็วๆ จะได้รู้เท่าทันคนที่หมายจะมาฮุบไปไว้ในมือเร็วๆ   “คุณแจมจะไปทำงานแล้วเหรอคะ ไม่รอทานมื้อเช้าพร้อมคุณซีเหรอคะ” เจียเพิ่งเปิดประตูบ้านเข้ามาเห็นเจ้านายสาวสะพายกระเป๋าลงมาในเวลาหกโมงนิดๆ เท่านั้นเลยรีบถาม “ไม่จ้ะ ฉันรีบ ตอนเย็นก็ไม่ต้องเตรียมอาหารไว้ให้ฉันหรอกนะจ๊ะ ฉันจะกินมาจากข้างนอกเลย หรืออาจจะซื้อผลไม้นิดๆ หน่อยๆ ติดมาเอง” วิวรรญาส่งยิ้มน้อยๆ ให้ ก่อนจะก้าวลงบันไดไม่กี่ขั้น หลังใส่รองเท้าส้นไม่สูงมากเสร็จ แล้วรีบเดินไปหาสูดอากาศยามเช้าเข้าปอดลึกๆ ในใจก็อดคิดถึงปิ๊กอัพคู่ใจไม่ได้ แต่ถ้าจะเอามาใช้งานก็สงสารลุงกับป้า เวลาจะไปไหนต่อไหนอยากให้มีรถดีๆ ขับ แทนที่จะใช้รถขนผักเข้าออกตลาดคันเก่าไปไหนมาหาให้อายคน และทันทีที่เงินเดือนออก จะไปจองรถคันใหม่ให้ตัวเองเป็นเรื่องแรก แต่สำหรับตอนนี้ก็ทนเดินเท้าไปก่อน ความจริงการนั่งแท็กซี่ไปทำงานก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายนัก ถ้าไม่นับรวมเรื่องที่ต้องทนรำคาญคนขับพูดมากบางรายที่พล่ามเรื่องการเมืองโดยไม่สนใจว่าผู้โดยสารอยากจะฟังหรือไม่ “วันหลังพ่อจะให้เจ้าก่ำวนไปรับที่บ้านก่อนแล้วค่อยมารับพ่อดีหรือเปล่าล่ะแจม แต่ต้องตื่นเช้ากว่าปกติสักชั่วโมงนะไหวหรือเปล่า” ไกรเดชลงจากรถมาทันได้เห็นลูกลงจากแท็กซี่พอดิบพอดี เลยตัดสินใจแก้ไขปัญหาให้ลูก แม้บ้านของตัวเองกับบ้านลูกจะอยู่คนละมุมเมืองก็ตามที “ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ แจมมาเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร” ส่วนลูกก็เลือกจะไม่รบกวนพ่อ แล้วตรงเข้าห้องทำงาน ไม่นานเทรนเนอร์หนุ่มก็มาถึง เขามักจะพึงพอใจกับความฉลาด สมองไวของผู้บริหารมือใหม่เสมอๆ กับเวลาไม่กี่วันที่ทุ่มเทสอนงานให้มันดูเป็นการไม่เสียแรงเปล่าเลยสักนิด ยิ่งก้าวเข้าสู่อาทิตย์ที่สอง วิวรรญาก็ยิ่งเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็ว และไม่อายที่จะถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ อุปนิสัยก็จะเงียบๆ เรียบๆ เฉยๆ คล้ายผู้พ่อ แต่ธีรนันท์มั่นใจว่าเวลาที่เธอโมโหคงจะไม่ได้เศษเสี้ยวที่ผู้พ่อเป็นอย่างแน่นอน นี่ค่อยทำให้พนักงานมีอิสระทางความคิดมากขึ้น ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นเอาใจเจ้านายเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง แม้จะส่งผลกระทบกับบริษัทมากมายจนเกือบจะล่มลงแล้ว หากไม่มีคนมือถึง เงินถึงมาดึงเอาไว้ แถมยังรู้แกวด้วยการกันไกรเดชออกไปไม่ให้เข้ามายุ่งหลังการโอนถ่ายงานหนึ่งเดือนไปแล้ว นี่เขาถือว่าเป็นเรื่องดีและเห็นแววว่าจะผ่านวิกฤตไปได้อยู่มาก ถึงแม้ใจนั้นจะรักและเคารพไกรเดชเปรียบเสมือนพ่ออีกคนหนึ่ง เพราะเขามีวันนี้ได้ก็เพราะน้ำเงินของเจ้านายช่วยหยิบยื่นโอกาสดีๆ การศึกษาดีๆ ให้ แต่งานก็คืองาน ส่วนดีส่วนเสียควรจะแยกออกจากกัน เรื่องส่วนตัวเรื่องงานก็ควรจะแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่ควรเอามาปะปนกันจนยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนที่ผ่านๆ มา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD