‘นังเมียสารเลว! นังเมียไม่รักดี! ฉันอุตส่าห์ไปขุดมันมาจากท้องไร่ท้องนา ให้เกียรติเป็นอย่างดีด้วยการแต่งงานและจดทะเบียนสมรสด้วยความรัก จนมันได้ลอยหน้าลอยตาในสังคมผู้ดีทัดเทียมกับฉัน มันไม่น่าใฝ่ต่ำ ทำชั่วด้วยการคบชู้สู่ชายกับคนสวน เหยียบย่ำอยู่บนหัวฉันเลย ลูกที่มันบอกว่าเป็นลูกฉันปาวๆ จนป่านนี้แล้วฉันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันเป็นลูกฉันหรือลูกไอ้คนสวนชั้นต่ำนั่น มันไปตายที่ไหนก็ช่างหัวมัน จะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ช่างหัวมัน แล้วถ้าเธอรักจะอยู่กับฉันไปนานๆ ก็อย่าเอ่ยถึงมันให้ฉันได้ยินอีก จำเอาไว้นะปิ่น ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันร้ายก็แล้วกัน’
คำด่าทอของพ่อที่มักจะได้ยินเต็มสองรูหูเมื่อครั้งที่ลุงกับป้าพาไปบ้านในกรุงเทพฯ ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ กับเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ลูกคนแรกจะได้เห็นหน้าพ่อหรือได้อยู่กับพ่อเท่านั้น หลังๆ มา
ความพยายามจะให้พ่อลูกได้พบกันจึงลดน้อยถอยลง และหยุดไปเมื่อเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดังที่บางแสน หลงเหลือเพียงไปบ้านพ่อปีละครั้งหรือสองปีครั้งด้วยซ้ำไป
“ลินอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ดูท่าคงไม่ได้มาเป็นทหารตามเกณฑ์อายุหรอกใช่มั้ย”
เสียงเจียงดึงหัวใจที่เจ็บช้ำเรื่องพ่อของวิวรรญาให้กลับมาอยู่กับโต๊ะอาหารอีกครั้ง จึงมีโอกาสได้เหลือบไปมองหนุ่มผู้ถูกถามที่นั่งเคี้ยวอาหารอย่างไม่รีบร้อนชั่วครู่ ก่อนจะตอบเจ้านายด้วยท่าทีนอบน้อมตามเดิม
“ครับคุณลุง ผมผ่อนผันเอาไว้ตั้งแต่เรียนแล้วครับ พอจบก็บวชให้คุณพ่อคุณแม่หนึ่งพรรษาแล้วก็ทำงานช่วยคุณพ่อที่บ้านจนหมดกำหนดผ่อนผันผมกับเพื่อนถึงได้มาสมัครเป็นทหารเลยครับ”
“เหรอ ทำไมไม่เสี่ยงจับใบแดงใบดำล่ะ เผื่อฟรุ๊คจะได้ไม่ต้องเป็นไงล่ะ”
เกรียงไกรอดอยากรู้ไม่ได้
“ผมกับเพื่อนอยากเป็นทหารเองครับ เผื่อจะได้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ บ้าง แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ อีกอย่างก็เป็นแค่ปีเดียวไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาอะไรมากนักครับ”
เขาเองก็ตอบตามความจริงทุกอย่าง เพราะได้อะไรใหม่ๆ จากการเข้าสมัครเป็นรั้วของชาติจริงๆ
“อืม! ก็ดีนะที่คิดแบบนี้ เรียนจบแล้ว เป็นทหารแล้ว บวชก็แล้ว เมื่อไหร่จะเบียดล่ะทีนี้”
อรพินเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะน้อยๆ
“ยังไม่รู้ครับคุณป้า คนจนไร้ที่นอนหมอนหมิ่นไร้ที่อยู่ที่กินอย่างผม คงไม่กล้าพาใครมาลำบากด้วยหรอกครับ”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ใบหน้าเศร้าน้อยๆ จนทุกคนอดสงสารไม่ได้ เกรียงไกรเลยชวนคุยเรื่องอื่น
“ดีแล้วล่ะที่คิดได้อย่างนี้ เราไม่พร้อมก็ไม่ต้องดึงผู้หญิงมาเสี่ยงด้วย ว่าแต่ตอนนี้นายอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“ยี่สิบแปดครับคุณลุง”
“อื้ม! เพิ่งแค่นี้เอง เรื่องลูกเมียไว้ค่อยคิดตอนสามสิบกลางๆ ยังทัน ตอนนี้ก็สร้างเนื้อสร้างตัวไปก่อน ว่าแต่ถ้าฉันสอนเรื่องสวนๆ ไร่ๆ เสร็จแล้วนายจะกลับไปทำอะไรต่อล่ะ แล้วมีที่มีทางที่จะทำเหรอ”
ปกติแล้วเกรียงไกรไม่ค่อยจะคุยมาก แต่วันนี้กลับอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของหนุ่มมาดขรึมและอาภัพคนนี้ขึ้นมา
“ก็มีที่สวนไม่กี่ไร่ครับ ผมอยากจะกลับไปใช้ชีวิตสงบๆ และทำมาหากินแบบเรียบง่าย เลยคิดว่าทำสวนผสมน่าจะพอเลี้ยงตัวเองได้บ้างครับ”
“ถ้าขยันทำมาหากินนะ ทำอะไรก็ไม่มีทางจนหรอก นายคิดไม่ผิดที่มาหาฉัน เอาเป็นว่าถ้าทำตามที่ฉันสอนรับรองไม่กี่ปีก็ลืมตาอ้าปากได้ และฉันรับรองว่าไม่มีอะไรจะสุขใจเท่ากับการมีชีวิตที่สงบและเรียบง่ายหรอก อาจจะลำบากกายหน่อยแต่สบายใจแน่นอน ไม่งั้นฉันไม่ทิ้งชีวิตเมืองกรุงมาอยู่ที่นี่หรอก มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยล่ะ”
เกรียงไกรยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข ขณะมองไปหาลูกจ้างคนใหม่
“ขอบคุณครับคุณลุง ผมจะจำคำนี้ไว้ครับ”
ลินยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สองผัวเมียพึงพอใจในกิริยามารยาทไม่น้อย ส่วนวิวรรญานั้นมีความสงสารและเห็นใจมอบให้ลูกจ้างคนใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา พออิ่มแล้วก็จัดการเก็บล้างถ้วยชาม โดยมีทหารหนุ่มเป็นคนคอยช่วยอย่างไม่เกี่ยงงอน และไม่พูดคุยอะไรแม้แต่คำเดียว
เสร็จงานแล้วและได้เครื่องนอนแล้วเขาก็ออกจากบ้านไปทันที ไม่มีพิรีพิไรให้รำคาญหูรำคาญตาเหมือนคนก่อน กระนั้นวิวรรญาก็ยังไม่อยากจะเทคะแนนให้ทั้งหมด เพราะอยากจะดูไปนานกว่านี้หน่อย
แล้วหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในการเริ่มงานของลูกจ้างคนใหม่ ก็ยิ่งได้ใจนายจ้างสองผัวเมียมากขึ้น เพราะลินขยันทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ไม่มีปริปากบ่น แม้งานจะยากหรือหนักแค่ไหนก็ไม่เคยเกี่ยง
เสร็จจากงานก็ไม่เคยมายุ่มย่ามบ้านใหญ่ แต่จะไปขลุกอยู่ในกระท่อมของตัวเอง ยกเว้นเวลาอรพินจะเรียกให้มาช่วยทำอาหารเย็นเท่านั้น
“วันนี้ป้าว่าจะทำปลาเผากับส้มตำ มีต้มกระดูกหมูใบผักติ้วด้วยนะแจม โทรไปหานายลินจะให้มาช่วยก่อไฟหน่อยก็ไม่รับสาย ลุงเราก็ยังไม่กลับมาสักที แจมช่วยเดินไปดูที่กระท่อมให้ป้าหน่อยสิลูก”
เฉกเช่นเย็นนี้ที่อรพินต้องการความช่วยเหลือเลยรีบบอกหลานตั้งแต่กลับจากที่ทำงานเลยทีเดียว แต่หลานกลับไม่อยากเดินไปยุ่มย่ามกับลูกจ้างหนุ่มให้มากมายนัก
“ไม่เป็นค่ะป้า เดี๋ยวแจมจัดการเองค่ะ”
เพราะปกติถ้าไม่มีคนช่วยวิวรรญาก็ทำเองอยู่แล้ว วางกระเป๋าสะพายได้ก็ขึ้นไปเปลี่ยนกระโปรงให้เป็นกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย แล้วเดินทะลุประตูหลังครัวไปหากองฟืนกองถ่านที่อยู่ใต้เพิงเล็กๆ มุงหลังคาใบจากอย่างเคยชิน แต่เท้าดันเหยียบลงไปกับพื้นที่มีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่จนลื่นล้มถ่านในมือตกกระจาย
“โอ๊ย!!!”