‘ไม่ใช่’ ถ้าใช้คำว่า ‘บ้าน’ ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก มันต้องเป็น ‘คฤหาสน์’ มากกว่า เพราะมันช่างใหญ่โตโอ่อ่าและสวยงามเหลือเกิน แถมตั้งโดดเด่นเป็นสง่ากว่าบ้านใครในระแวกนี้
และยิ่งได้ก้าวผ่านประตูรั้วเข้าไปแล้ว ก็ยิ่งเห็นเนื้อที่กว้างขวางโอบล้อมคฤหาสน์หลังงามเอาไว้ กะด้วยสายตาแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าห้าไร่
“คุณวิให้ไปรอในห้องรับแขกค่ะ”
เด็กรับใช้ร่างผอมเดินนำแขกทั้งสองไป แต่เดินยังไม่ถึงประตูบ้านดีนัก ธีรนันท์ก็หยุดยืนอย่างคนรู้งาน ทำเอาสองสาวต้องพลอยหยุดไปด้วยแล้วหันกลับไปหาเขา
“ผมจะรออยู่ข้างนอกนะครับคุณแจม”
“ค่ะ”
วิวรรญายิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะก้าวตามเด็กสาวเข้าไปด้านในที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ดวงตาคู่สวยเศร้ามองตามแผ่นหลังเด็กรับใช้ไป ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกอันสวยหรูหรา
ในใจก็มีสองความรู้สึก หนึ่งคือดีใจที่แม่ไม่ได้ตกระกำลำบากอย่างที่เคยคาดคิดเอาไว้ กับสองคือน้อยเนื้อต่ำใจเหลือจะทานทน ที่แม่มีความเป็นอยู่อย่างดีเยี่ยมแล้ว แต่กลับไม่เคยหวนคืนไปหาลูกคนนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ภาพสองเด็กหญิงชายที่มีแม่กับหนุ่มหัวแดงยืนขนาบข้างอยู่ในกรอบเงินราคาแพง เป็นคำตอบได้ในระดับหนึ่ง ว่าที่แม่ไปหาไม่ได้เพราะคงจะยุ่งวุ่นวายกับลูกคนใหม่ กับสามีใหม่ กับบ้านหลังใหม่ และกับชีวิตใหม่
จากภาพเด็กหญิงชายสายตาก็เลื่อนไปหาอีกภาพ ที่ทั้งสองอยู่ในวัยหนุ่มน้อยสาวน้อย ในชุดนักเรียนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าค่าเทอมคงจะแพงลิบลับเป็นแน่ ผิดกับตัวเองที่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนธรรมดา มีชีวิตที่ธรรมดาเมื่อไม่มีพ่อและแม่อยู่ร่วมกันอีกต่อไป
หัวใจที่โหยหาอ้อมกอดของแม่มาถึงสิบแปดปีเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อรับรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จะได้พานพบกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าแม่จะหน้าตาเป็นยังไง เพราะห้าขวบตอนแม่จากไปนั้นมีใบหน้าแม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำน้อยนิดเต็มที
“สวัสดีค่ะ เห็นเด็กบอกว่าคุณมาหาฉัน”
ร่างบางที่ยืนจ้องมองกรอบรูปอยู่ค่อยๆ หันกลับไปหาตามทิศทางของเสียง ก็เห็นหญิงสาวและยังคงสะสวย หุ่นดี ท่าเดินสง่างามราวนางพญาตรงเข้ามาหา เพียงแค่นั้น น้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลรินออกมาได้ไม่ยากแล้ว
“คุณเป็นใครคะ มาหาฉันหรือว่ามาหาคุณเดวิด”
วิกานดาเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ จ้องมองไปยังแขกแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือถ้าเคยก็อาจจะลืมเลือนว่าเห็นกันมาจากที่ไหน เมื่อไหร่ และแขกมาหาด้วยเรื่องอะไรกันแน่ เพราะไม่ได้นัดใครไว้เลย
“แจมเองค่ะแม่ จำแจมลูกสาวแม่ได้หรือเปล่าคะ”
ใบหน้าลูกที่เปล่งคำว่าแม่ออกไปนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าใบหน้าแม่กลับตกใจ ไม่คาดคิด และซีดเผือดไร้ซึ่งสีใดๆ เจือปน แต่ก็ยังจ้องมองไม่วางตาจากใบหน้าสวยใส
“แจม! แล้วนี่มาได้ยังไงเหรอ รู้ได้ยังไงว่าแม่อยู่ที่นี่”
ลูกที่อยากโผเข้ากอดแม่เป็นสิ่งแรก กลับยืนนิ่งอยู่กับคำถามอันไม่คาดฝันว่าจะได้ยินจากแม่ แล้วสีหน้าท่าทางที่ไม่ได้ดีอกดีใจเอาเสียเลยของแม่ ก็เรียกร้องให้สองมือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากสองพวงแล้ว แล้วนั่งลงตามมือแม่ที่ฝ่ายเชื้อเชิญอย่างเหินห่าง
“แจมให้คนช่วยตามหาว่าแม่อยู่ที่ไหนค่ะ แจมมาบ้านนี้เมื่อเดือนก่อน แต่เด็กรับใช้บอกว่าแม่ไปอังกฤษค่ะ”
“เหรอ! แล้วที่ตามหาแม่ มีอะไรหรือเปล่า มีใครเป็นอะไรมั้ย พ่อเรายังสบายดีอยู่หรือเปล่า มีเมียมีลูกไปกี่คนแล้วล่ะ...”
วิกานดาหยุดยิงคำถามไว้ชั่วครู่เมื่อเด็กรับใช้ยกน้ำเข้ามาต้อนรับแขกด้วยท่าทีนอบน้อม แถมยังเกรงกลัวสายตาคุณผู้หญิงอีก
“ออกไปอยู่หน้าบ้านนะแสง ถ้าคุณเดวิดกับน้องๆ มาให้โทรบอกฉันด้วย และถ้าฉันไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”
“ค่ะ”
วิวรรญาจ้องมองท่าทีหวาดเกรงของเด็กสาวที่มีต่อแม่แล้วก็ถอนใจ และไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดที่ดีมากน้อยแค่ไหน กับการตามมาหาแม่เพราะความรักและแรงคิดถึง แต่ดูเหมือนจะได้ความหมางเมินจากแม่เป็นเครื่องตอบแทน
“ว่าไงแจม! ตกลงที่มานี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า มีอะไรให้แม่ช่วยมั้ย หรือมีใครเป็นอะไรไปเหรอ”
แม้จะไม่ใช่คนมองใครหรือมองอะไรในแง่ลบนัก แต่ ณ วินาทีนี้ วิวรรญาจับน้ำเสียง สีหน้าและท่าทางของแม่ออกได้ค่อนข้างชัดเจน ว่าแม่หาได้ยินดียินร้ายกับการมาของลูกคนนี้ไม่
“ไม่มีค่ะแม่ แจมแค่คิดถึงแม่ เลยอยากรู้ว่าแม่เป็นอยู่ยังไงบ้างก็เท่านั้นค่ะ”
จึงรีบแจ้งความจำนงไปหาแม่อย่างชัดเจนว่าเพราะอะไร ส่วนผู้แม่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยท่าทีโล่งอก แต่สายตาก็จับจ้องอยู่กับใบหน้าลูกที่ดูเหมือนจะไม่มีเค้าผู้พ่อให้เห็นเลย แต่กลับเหมือนตัวเองตอนสาวๆ ไม่มีผิดเพี้ยน
“แม่ก็สบายดี ไม่มีอะไรนอกจากชีวิตใหม่ที่ดีกว่าชีวิตเก่าตอนอยู่กับพ่อเราคนละเรื่อง สามีใหม่ของแม่ใจดี รักแม่ ให้เกียรติแม่ในฐานะเมีย ไม่ใช่ในฐานะตุ๊กตาที่เอาไว้ชื่นชม เวลาเบื่อก็เก็บเข้าตู้โดยไม่สนใจอะไร...”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ มือถือก็ดังขึ้น วิกานดารีบกดรับ และไม่ได้พูดอะไรนอกจากตัดสายไปเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นเป็นเชิงบอกให้ลูกรู้ว่าหมดเวลาเยี่ยมกันแล้ว
“ขอโทษนะ แม่ต้องไปเตรียมตัวแล้วล่ะ พอดีมีงานเลี้ยง ว่าแต่แจมไม่มีอะไรกับแม่แน่นะ”
ลูกสาวลุกขึ้นตามไม่ห่าง แม้จะผิดหวัง แม้จะเจ็บปวดใจกับท่าทีของแม่ แต่ก็พยายามเก็บงำเอาไว้ในใจเท่านั้น