EP 60

1108 Words
“ไม่ค่ะ แจมแค่อยากเห็นหน้าแม่ก็เท่านั้น” น้ำเสียงตอนท้ายๆ สั่นเครือเล็กน้อย หากเจ้าของเสียงไม่พยายามควบคุมเอาไว้ น้ำตาอาจจะไหลออกมาแล้วก็ได้ แต่แม่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นแต่อย่างใด นอกจากมองไปยังประตูที่มีชาวต่างชาติร่างสูงสง่าเดินเข้ามาพร้อมสองหนุ่มสาว “รอสักครู่นะคะที่รัก เดี๋ยวฉันตามขึ้นไปค่ะ” วิกานดาส่งประโยคภาษาอังกฤษให้สามีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วิวรรญาเลยรีบคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นบ่า แล้วหันไปหาแม่พร้อมกับยิ้มจางๆ ให้ก่อนเอ่ย “เอ่อ! งั้นแจมลาเลยก็แล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ” สองมือยกขึ้นไหว้แม่ “จ้ะ” ส่วนแม่ก็มีเพียงคำนี้คำเดียวเท่านั้นจริงๆ วิวรรญารีบเดินออกจากห้องรับแขกชนิดไม่เหลียวหลัง แม้หูจะได้ยินสามีใหม่แม่ ถามว่าแขกแปลกหน้าคนนี้เป็นใครก็ไม่คิดจะหยุดฟัง กระทั่ง “อ้อ! ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คนมาเสนอสินค้าเท่านั้น คุณขึ้นไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง” ได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากแม่ สองเท้าจึงหยุดก้าวเดิน แล้วหมุนกายไปหาแม่ จ้องมองใบหน้าแม่ จ้องมองแววตาแม่ที่มีให้ลูกคนนี้ มันช่างเป็นแววตาที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งเยื่อใยใดๆ ที่มีต่อกัน “ใช่ค่ะ ฉันแค่เอาสินค้ามาเสนอเท่านั้น” จำได้ว่าเปล่งคำนี้ออกไปให้คนทั้งสอง ก่อนจะหันหลังกลับไปทางเดิม แล้วรีบก้าวเดินออกไปให้พ้นประตูบ้านนี้ โดยไม่ได้สนใจธีรนันท์ที่แปลกใจกับการไปแบบรวดเร็วและง่ายๆ ของลูกที่ห่วงหาอกแม่มานานนม “กลับเถอะค่ะคุณธีร” นั่นเป็นเพียงประโยคเดียว ที่วิวรรญาเอ่ยบอก ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถเช่า แล้วไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลยแม้แต่คำเดียว   “แจมไม่เป็นไรค่ะ คุณธีรกลับบ้านไปเถอะค่ะ ดึกแล้ว” กระทั่งกลับถึงกรุงเทพฯ เข้าไปนั่งในออฟฟิศอย่างคนหมดแรงเท่านั้น เพราะเกรงใจผู้ช่วยหนุ่ม ที่ทำงานให้ไม่มีขาดตกบกพร่อง และไม่มีเกี่ยงงอนว่าจะเป็นงานราชหรืองานหลวง “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณแจมก่อนดีกว่า” แม้อยากรู้ใจจะขาดแต่เขาก็ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองแม่ลูกในคฤหาสน์หลังโตนั้น แต่ถ้าจะให้เดาก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ไม่อย่างนั้นลูกสาวผู้น่าสงสารคนนี้คงจะไม่มีอาการแบบนี้แน่ “คนธีรเป็นแค่คนอื่น ได้โปรดอย่ามาทำดีกับแจมมากมายนักเลยนะคะ ขนาดแม่แท้ๆ ของแจม ยังไม่เคยคิดจะทำอะไรให้แจมเลย” เพราะใจนั้นมีแต่เรื่องแม่อยู่ในหัวเต็มไปหมด จนคิดหรือพูดอะไรก็จะผูกโยงไปหาแม่เสียทุกเรื่อง ธีรนันท์ที่สงสัยอยู่เลยตัดสินใจ “เกิดอะไรขึ้นครับคุณแจม มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้ทุกเรื่องเลยนะครับ ผมยินดีรับฟัง” ถามไถ่ออกไป “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แจมก็แค่คิดไปเอง ว่าแม่จะรักจะคิดถึงแจมเท่านั้น” และเมื่อลูกโป่งที่มีแรงอัดแน่นอยู่ภายใน ถูกวัตถุแหลมคมจิ้มเข้าไป จึงเกิดแรงระเบิดออกมา น้ำตาที่สกัดกลั้นเอาไว้นับตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านแม่ ร่วงหล่นลงไปได้ไม่ยากเย็นนัก น้ำเสียงคนพูดก็สั่นเครือเต็มที “ทำไมครับ แม่คุณพูดอะไรให้คุณเสียใจเหรอครับ” “ไม่ค่ะ แม่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ว่าอะไร และแม่ไม่เคยคิดว่ามีแจมเป็นลูกแล้วด้วยซ้ำ แม่มีสามีใหม่ มีลูกใหม่ มีชีวิตใหม่ มีสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นในชีวิต จนแม่ลืมสิ่งเก่าๆ คนเก่าๆ อย่างแจม อย่างพ่อไปแล้วค่ะ แม่ไม่เคยรักไม่เคยห่วงแจมเลยด้วยซ้ำ แจมผิดเองค่ะที่ตามหาแม่ ผิดที่ไม่เชื่อคำคุณพ่อ ไม่เชื่อคำลุงกับป้า ผิดที่คิดว่าแม่มาหาแจมไม่ได้เพราะแม่มีปัญหาหลายด้าน แต่ทุกอย่างมันไม่ใช่เลยค่ะ แม่ไม่ได้รักแจมเลย คุณธีรได้ยินมั้ยคะว่าแม่ไม่เคยรักแจมเลยด้วยซ้ำ” แล้วอ้อมกอดใครสักคนที่อยู่ใกล้ ก็กลายเป็นที่พึ่งพิงให้สาวน้อยผู้หลงทางได้ซบลงไปหาไออุ่นแทนอกแม่ อกอิ่มที่ลูกเฝ้าฝันหามาตลอดสิบแปดปี กับความทรงจำดีๆ อันน้อยนิดที่ลูกมีเกี่ยวกับแม่ กับสมบัติที่เป็นสร้อยเพียงเส้นเดียวที่มีทิ้งไว้ให้ มันช่างเป็นของล้ำค่ามากมายด้วยราคาในความคิดลูกมาตลอดสิบแปดปี แต่ตอนนี้ทุกอย่างหมดสิ้นลงแล้ว “ใจเย็นๆ นะครับคุณแจม มองในแง่ดีอย่างน้อยๆ คุณแจมก็ได้รู้ว่าทั้งแม่และพ่อ เป็นใคร อยู่ที่ไหน มีความเป็นอยู่ยังไงนะครับ ผิดกับผมที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่เป็นใคร อยู่ที่ไหน มีชีวิตอยู่หรือตายจากไปแล้ว” เพราะเขาเข้าใจถึงหัวอกของคนอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวเดียวดายดี ว่าเป็นยังไง เมื่อตัวเองต้องเผชิญกับมันมาทั้งชีวิตก็ว่าได้ วิวรรญาแนบแก้มไปหาอกกว้าง อย่างคนขาดที่พึ่งพิง และกำลังเสียอกเสียใจกับสิ่งไม่คาดคิดจากการกระทำของแม่   ไม่ต่างจากเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่กำลังเสียใจ และไม่คาดคิดจากการกระทำของเมียตัวเอง ที่กอดกับชายอื่นอยู่ตอนนี้เลยสักนิดเดียว และถ้าไม่ได้เคยผ่านการฝึกฝนจากการเป็นรั้วของชาติมาแล้วนั้น เขามั่นใจว่าป่านนี้คงได้เข้าไปกระชากร่างเล็กๆ นั้นออกมาจากอ้อมอก ‘ไอ้งั่ง’ นั่นนานแล้ว แต่เพราะยังมีสติ เพราะยังมีความใจเย็นหลงเหลืออยู่บ้าง เลยทำให้หัวใจสั่งขาทั้งสองข้าง ก้าวเดินหนีไปจากภาพบาดตาบาดใจนั่นซะ หลังจากก้าวแรกที่มาถึงเมืองไทยหัวใจสั่งให้มันก้าวเดินเข้ามาหาเมียเพราะความห่วงใย และไม่เข้าใจว่าเมียไปไหน ทำไมไม่กลับบ้าน โทรเช็กกับ รปภ. ก็บอกว่ารถเมียจอดอยู่ออฟฟิศ ความห่วง ความกลัวว่าเมียจะเหนื่อย เรียกร้องให้เขารีบตามมาดู ตามมารับเมียกลับบ้านไปพักผ่อน แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้มาพบเห็นภาพที่ไม่พึงประสงค์อย่างนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD