ลาซาลอสคุกเข่าลงข้างฟูกขนาดหกฟุตที่มีร่างตุ้ยนุ้ยของฟาลอสนอนหลับปุ๋ยอยู่ แสงไฟจากโคมไฟสีเหลืองนวลที่ถูกเปิดอยู่ด้านในสุดของห้องทำให้ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้าของเด็กชายได้อย่างถนัดตา จนสรุปได้ว่าฟาลอสมีความเหมือนนิโคลัส เพื่อนรักของเขามากกว่าผู้เป็นแม่อย่างสุพรรษา
ลมหายใจหนักหน่วงถูกพ่นออกมา ภาพเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนค่อยๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัว และความชัดเจนของมันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ลาซาลอสนั่งมองหน้าฟาลอสอยู่อีกครู่ใหญ่ จึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง บานประตูเปิดกว้างออก พร้อมกับร่างของพาขวัญที่ยืนรออยู่ด้านหลังบานประตู
เขาเม้มปากสนิทและเมินหน้าหนี พยายามต่อสู้กับอะไรบางอย่างภายในใจอย่างสุดความสามารถ
“คุณสุกลับมาแล้วค่ะ อยู่ที่ห้องรับแขก” เป็นพาขวัญที่พูดเสียงขึ้นจมูกทำลายความเงียบออกมาก่อน
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มตวัดจ้องมอง “ขอบใจที่มาบอก ฉันกำลังอยากพบสุอยู่พอดี”
แล้วร่างสูงใหญ่แสนสง่างามก็ก้าวผ่านหน้าพาขวัญไป พร้อมๆ กับความโหดร้ายของสายลมหนาวที่พัดเข้ามาใส่ร่างกาย พาขวัญเหน็บหนาวจนต้องยกสองแขนขึ้นกอดรอบตัวเองเอาไว้ หยาดน้ำตาคลอสองหน่วยตาเจียนจะรินไหล
“ถูกแล้ว...เธอทำถูกแล้วพาย...ทำถูกแล้ว...”
เขาสองคนเคยรักกันมาก่อน แม้อุปสรรคจะแยกพวกเขาให้ห่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรแยกหัวใจของพวกเขาได้ เขาสองคนกำลังจะกลับมารักกัน...อีกครั้ง
ในขณะที่หล่อนคือส่วนเกินที่ควรจะซ่อนตัวอยู่ในหลืบมืดดำให้ลึกที่สุด
หยาดน้ำตาทะลักออกมาอย่างสุดจะกลั้น หลังมือขาวสะอาดรีบยกขึ้นป้ายมันทิ้ง หัวใจบอบช้ำทรมานเจียนจะขาดใจ หล่อนคงกลับเมืองไทยไปแล้ว หาก...ไม่มีฟาลอส
พาขวัญที่สะอึกสะอื้นค่อยๆ พาตัวเองกลับเข้าไปในห้องที่มีฟาลอสนอนหลับใหลอยู่ในสภาพของคนที่หมดเรี่ยวแรง
“คุณลาซ...”
สุพรรษาที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่รีบฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นลาซาลอสเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ หล่อนขยี้ปลายบุหรี่ที่ติดไฟลงกับถ้วยเขี่ยบุหรี่ตรงหน้า พร้อมกับลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปสอดแขนรัดลำแขนกำยำของชายหนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“สุนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องมาหาสุ”
“ผมมาเยี่ยมฟาลอสครับ”
ลาซาลอสดึงมือของสุพรรษาออกจากแขนของตัวเอง และขยับออกห่าง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มว่างเปล่า ห่างเหิน
สุพรรษาเห็นท่าทางอึดอัดของชายหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อที่จะไม่ให้ลาซาลอสหนีหายไปจากชีวิต
“ฟาลอสคงหลับอยู่น่ะค่ะ แกเลี้ยงง่าย กินอิ่มแล้วก็จะนอนหลับปุ๋ยแบบนี้เสมอ”
หญิงสาวพูดไปอมยิ้มไป ทั้งๆ ที่ไม่เคยแม้แต่จะกล่อมลูกชายนอนสักครั้งเดียว มีแต่พาขวัญเท่านั้นที่คอยดูแลฟาลอสไม่ห่างราวกับเป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง
“ผมหวังว่าคุณจะรักแก เหมือนกับที่รักนิคเพื่อนของผม”
สุพรรษาขยับเข้ามาคว้าแขนของลาซาลอสเอาไว้ และเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างสำนึกผิด
“สุ...สุรู้ว่าตัวเองผิด สุขอโทษ...”
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว และผมก็ลืมมันไปหมดแล้วเช่นกัน”
“คุณลืมได้จริงๆ หรือคะลาซ ลืมว่าเคยรักสุได้จริงๆ เหรอคะ”
ทั้งสองสบประสานสายตากัน และก็เป็นลาซาลอสที่เป็นฝ่ายถอยออกห่าง
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ไม่ต้องเกรงใจ ผมยินดีเสมอ”
“ที่คุณทำแบบนี้เพื่อสุ หรือเพื่อนิคคะ”
“ผมทำเพื่อฟาลอส”
สุพรรษาหวังว่าจะได้เห็นเยื่อใยในสายตาของลาซาลอสบ้าง แต่กลับค้นหาไม่เจอแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว หล่อนเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ และก็เกลียดชังตัวเองเป็นที่สุดที่รักสนุกจนทำให้ชีวิตรักต้องพังทลาย
“ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ยังอุตส่าห์มีน้ำใจกับฟาลอสลูกชายของสุ”
“เพราะนิคเป็นเพื่อนสนิทของผม”
“แล้วสุล่ะคะ”
สุพรรษาพยายามเรียกร้องความสนใจ เพราะถึงหล่อนจะนอนกับผู้ชายสักกี่คน แต่คนที่หล่อนรักก็คือลาซาลอสเพียงคนเดียว นี่ถ้าหล่อนไม่ถูกจับได้เสียก่อน ป่านนี้หล่อนกับลาซาลอสคงแต่งงานกันไปแล้ว เพราะหล่อนโง่เองนั่นแหละ
“เลิกรื้อฟื้นอดีตเถอะ ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องแย่ๆ แบบนั้นอีก”
“ค่ะ สุจะไม่คิดถึงมันอีก แต่คุณต้องสัญญากับสุนะคะว่าจะมาหาสุ...เอ่อ มาหาฟาลอสบ่อยๆ”
สุพรรษาวางมือลงบนท่อนแขนของชายหนุ่ม แต่เขาก็แกะออกอย่างสุภาพและขยับออกห่าง
“ถ้าผมว่าง ผมจะมา”
ลาซาลอสทำท่าจะกลับ สุพรรษาเห็นก็รีบคัดค้านหาทางรั้งเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
“ดื่มกับสุสักแก้วก่อนได้ไหมคะ”
สายตาคมกริบตวัดมองมาอย่างดูแคลนจนสุพรรษาหน้าร้อนจัดจำต้องหันหน้าหนี
“คุณยังดื่มจากไนต์คลับไม่พออีกหรือ”
“คุณลาซ”
“ผมกลับละ”
แล้วคราวนี้ลาซาลอสก็ไม่ยอมให้สุพรรษาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้อีก เขาก้าวลงบันไดออกไปจากตัวบ้าน เดินตรงไปที่รถ และก็พบว่ามีใครบางคนยืนรออยู่
“คุณลาซ” พาขวัญขยับเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับยื่นของบางอย่างในมือคืนมาให้
คิ้วหนาดกที่ยาวขนานไปกับดวงตาคมกริบเลิกสูงขึ้น เพราะตรงนี้แสงสว่างมีไม่มากนัก ทำให้ไม่รู้ว่าในมือของหญิงสาวคืออะไร
“อะไรหรือ”