พาขวัญที่ก้มหน้ามองพื้น กัดฟันช้อนตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้า
“ผ้า...ผ้าเช็ดหน้าค่ะ คุณ...คุณลาซทำตกเอาไว้ในห้องของฟาลอส”
ชายหนุ่มหรี่ตาจ้องมองดวงหน้านวลนิ่ง แม้แสงสว่างจะน้อยนิด แต่เขาก็มองเห็นความอ่อนเยาว์จากสตรีตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ เตือนตัวเองในใจว่าอย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้อีก เพราะไม่อย่างนั้น...เหตุการณ์แบบเมื่อสองปีก่อนจะเกิดขึ้นอีก และเขาก็จะกลายร่างเป็นซาตานแบบนั้นอีกครั้ง
“ฉันไม่ต้องการมันแล้ว วานเธอทิ้งให้ด้วยก็แล้วกัน”
แล้วคนตัวโตก็หันไปกระชากประตูรถให้เปิดกว้างออก และขับออกไปด้วยความเร็วสูง
พาขวัญยืนมองท้ายรถหรูของลาซาลอสไปทั้งน้ำตา พยายามหักห้ามตัวเองให้หยุดรัก แต่กลับทำไม่ได้เลย
“แม้แต่...แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนมือของพาย...คุณลาซก็ยังไม่ต้องการมันเลย...” หญิงสาวสะอึกสะอื้นด้วยความทรมาน ขณะหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องของฟาลอสราวกับคนไร้วิญญาณ
“ไปไหนมา นังพาย!”
เมื่อมาถึงหน้าห้องของฟาลอส สุพรรษาก็โผล่ออกมาจากมุมมืด พาขวัญสะดุ้งตกใจ รีบซ่อนผ้าเช็ดหน้าของลาซาลอสเอาไว้ด้านหลัง
“คุณสุ!”
“หึ!” สุพรรษาจ้องหน้าของพาขวัญอย่างรู้ทัน “คงจะไปแอบให้ท่าคุณลาซอีกสินะ”
“พาย...พายไม่ได้ทำแบบนั้นนะคะ” พาขวัญส่ายหน้าปฏิเสธ “พาย...พายไม่ได้ทำ...”
“อีตอแหล! เพราะมึง กูกับคุณลาซถึงต้องพบจุดจบแบบนี้!”
สุพรรษาโป้ปดซ่อนความชั่วของตัวเองด้วยการโยนบาปให้แก่คนอื่นอย่างไร้ความละอาย
“เพราะแก...เพราะความร่านของแก อีพาย!”
หน้าผากของพาขวัญถูกจิ้มแรงๆ จนหงายไปด้านหลัง หญิงสาวน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ
“พาย...พายไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...”
“อย่ามาตอแหล มึงคงคันมากสินะ”
“คุณ...คุณสุก็รู้ว่าพายไปที่นั่นเพราะคำสั่งของคุณสุเอง แล้วทำไมคุณสุถึงได้มาโทษแต่พายอย่างเดียวล่ะคะ”
สุพรรษาถลึงตาใส่พาขวัญเมื่อหญิงสาวกล้าเถียง “นี่มึงหาว่ากูเป็นคนส่งมึงไปนอนกับคุณลาซอย่างนั้นเหรอ”
“โอ๊ย!...”
พาขวัญถูกจิกผมแรงๆ ก่อนจะถูกตบจนหน้าสะบัด
“อีขี้ข้า มึงกล้าว่ากู อีระยำ!”
“ปล่อย...ปล่อยพายนะ คุณสุ พายเจ็บ...”
ไม่หยุด สุพรรษาไม่ยอมหยุด ยังคงตบตีพาขวัญซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งมีร่างของใครบางคนก้าวเข้ามาขวางเอาไว้นั่นแหละ หล่อนถึงได้หยุดการกระทำร้ายกาจลง
“คุณลาซ!”
สุพรรษาตกใจเบิกตากว้าง
“คุณ...คุณกลับมาทำไมอีกคะ”
ลาซาลอสเอาตัวบังร่างสั่นเทาของพาขวัญเอาไว้ ขณะหรี่ตามองสุพรรษาด้วยความไม่พอใจ
“ผมก็แค่ลืมบอกบางอย่างกับคุณน่ะสุ”
“ลืมบอก...อะไรคะ”
“ตำรวจจับมือปืนที่ยิงนิคได้แล้ว อีกไม่นานก็จะรู้ว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร”
สุพรรษาเบิกตากว้าง คาดไม่ถึงกับข่าวที่ได้ยิน “จับคนร้ายได้แล้ว...”
“ครับ”
“แต่มันจะมีคนบงการได้ยังไงกันคะ ในเมื่อ...นิคมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นมาก่อนที่จะถูกลอบยิง...”
นัยน์ตาของลาซาลอสวาวโรจน์ “เรื่องนั้นตำรวจจะเป็นคนสืบสวนเอง คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอกสุ ยังไงซะนิคจะไม่ตายฟรีแน่นอน”
“ค่ะ...ค่ะ สุก็ขอให้จับคนบงการได้เร็วๆ นิคจะได้ตายตาหลับเสียที”
“ใช่ นิคจะได้ตายตาหลับเสียที” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของลาซาลอสทำให้สุพรรษาคล้ายกับจะเป็นลม หล่อนจึงต้องรีบปลีกตัวหนี
“ขอ...ขอตัวก่อนนะคะ สุง่วงนอนแล้ว”
ลาซาลอสไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายืนมองสุพรรษาที่เดินหายไปเงียบๆ และก็คงจะนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น หากพาขวัญจะไม่ละล่ำละลักพูดทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
“ขอ...ขอบคุณมากค่ะ” ร่างเล็กขยับถอยออกห่าง เนื้อตัวนุ่มนิ่มสั่นเทาจนน่าสงสาร
“เธอควรจะต่อสู้บ้าง ไม่ใช่ยอมให้คนอื่นทำร้ายเอาฝ่ายเดียว”
พาขวัญก้มหน้าร้องไห้ “พาย...พายไม่กล้าทำร้ายคุณสุหรอกค่ะ พายเป็นแค่ขี้ข้า...”
“แล้วเธอไม่ใช่คนหรือไงล่ะพาขวัญ”
หล่อนช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างปวดร้าว
“ถึงพายจะเป็นคน แต่พายก็เป็นคนที่อยู่ต่ำต้อยติดดิน ไม่อาจเอื้อมจะไปต่อกรกับคุณสุหรอกค่ะ” หญิงสาวสะอื้นไห้ “แต่...แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ที่...ที่บังเอิญมาช่วยเหลือ”
“ใช่ มันก็แค่เรื่องบังเอิญ” ลาซาลอสพึมพำเสียงกระด้าง ก่อนจะเดินกลับออกไป
พาขวัญยืนมองจนรถคันงามหายไปในความมืดทั้งน้ำตา “ขอบคุณ...ขอบคุณมากค่ะคุณลาซ”
มาริออสกระโดดมาขวางหน้าพี่ชายเอาไว้ เมื่อลาซาลอสเดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว
“มาร์ซ”
“ครับ ผมเองครับพี่ลาซ”
ลาซาลอสยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเองอย่างอ่อนล้า
“ยังไม่นอนอีกหรือ”
“ผมก็รอพี่ลาซนั่นแหละครับ”
“รอพี่”
“ใช่ครับ พอดีผม...”
มาริออสหยุดพูดเล็กน้อย ดวงตาสบประสานกับพี่ชายตลอดเวลา
“ผมเป็นตัวแทนของพี่เพนน์มาคุยกับพี่ลาซเรื่องของสุพรรษาน่ะครับ”
สีหน้าของลาซาลอสเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที “ถ้าเรื่องนี้พี่ไม่มีอะไรจะพูดหรอก ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ พี่เพลียมาก”
พี่ชายจะเดินหนี แต่มาริออสเดินตามไปขวางเอาไว้อีกครั้ง “แต่พวกเราไม่มีทางยอมรับผู้หญิงคนนั้นหรอกนะครับ”
“มันไม่มีอะไรหรอก พี่กับสุไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งต่อกันอีกแล้ว”
มาริออสมองอย่างไม่เชื่อ “แต่พี่ลาซก็แวะไปหาผู้หญิงคนนั้นทุกเย็น แถมบางวันก็อยู่จนดึกดื่น ผมเกรงว่า...”
“พี่ไปหาฟาลอส”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ด้วยนี่ครับ”
ลาซาลอสถอนใจเบาๆ ก่อนจะเค้นน้ำเสียงกระด้างออกมา “พี่จะจัดการกับเรื่องส่วนตัวของตนเองให้ดีที่สุด นายกับพี่เพนน์สบายใจได้ ขอตัวนะ”
แล้วลาซาลอสก็ก้าวยาวๆ หายไป มาริออสถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลัดกลุ้ม
“ดูท่าทางแล้วจะกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่าแน่ๆ”
“ไปยังไงบ้าง มาร์ซ”
คนที่ยืนพ่นลมหายใจเป็นว่าเล่นอยู่สะดุ้ง ก่อนจะหมุนตัวกลับหลังหันไปหาต้นเสียง และพอเห็นว่าเป็นใครก็ทำหน้าย่นใส่ทันที
“พี่เพนน์มาเงียบๆ ผมตกใจแย่สิครับ”
“นายจะขวัญอ่อนไปไหนเจ้ามาร์ซ” เพเรอคลิสที่เพิ่งก้าวลงมาจากบันไดเดินมาหยุดข้างๆ น้องชายคนสุดท้อง
“แล้วเจ้าลาซมันว่ายังไงบ้าง”
มาริออสส่ายหน้าน้อยๆ อย่างจนปัญญา “พี่ลาซบอกว่าจะจัดการกับเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดีที่สุดครับ”