หญิงสาวเฝ้ารอจนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปจึงหมุนตัวเดินไปที่รถในขณะที่แม่เลี้ยงของเธอนั้นกลับไปพร้อมกับทุกๆ คนในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่จะถึงที่หมายต้นแขนของเธอกลับถูกกระชากอย่างรุนแรง และคนที่ทำนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลยนอกจากเหนือตะวัน
“พี่เหนือ!”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน มานี่!” เหนือตะวันไม่ปล่อยให้อีกคนได้ขัดขืนอะไรเขาพูดจบก็จัดการลากเธอไปยังรถยนตร์คันหรูของตนเองก่อนจะเหยียบคันเร่งพาแม่ตัวดีขับออกจากวัดด้วยความเร็ว
เขาขับรถพาคนที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทางมาไกลก่อนรถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง จะถูกเหยียบเบรกอย่างแรงเมื่อถึงที่หมาย
“จะเงียบอีกนานไหม!” เหนือตะวันตวาดลั่นราวกับเขากำลังจะสูญเสียการควบคุมตัวเองในไม่ช้าหากคนข้างกายยังเลือกที่จะเล่นสงครามประสาทกับเขาอยู่อย่างนี้ ความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเมื่อแก้วกานดาทำเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านนั้นมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาและเธอทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันมี
“พี่เหนือมีอะไรจะคุยกับแก้วก็ว่ามาได้เลยค่ะ” หญิงสาวยังคงวางตัวเป็นปกติเพราะคิดว่าเหนือตะวันคงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนเธอจะคาดการณ์ทุกอย่างผิดหมดเมื่อเขาตวาดขึ้นมาอีกรอบและครั้งนี้มันรุนแรงมากพอที่จะทำให้เธอสะดุ้งไปทั้งตัว
“เธอกล้าดียังไงไปเหยียบเรือนหอของฉันกับอร!!” ชายหนุ่มร้องถามก่อนจะหงุดหงิดเมื่ออีกคนยังคงวางตัวทำเป็นผู้ร้ายปากแข็ง
“พะ…พี่เหนือพูดอะไรกันคะ แก้วไม่รู้เรื่อง”
“อย่าให้ฉันต้องทวนความจำกับเธอบนรถแก้วกานดา! บอกมาว่าเธอต้องการอะไรจากฉันอีก หรืออยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่น!”
“แก้วไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นนะคะ แล้วที่แก้วต้องถือวิสาสะไปเหยียบเรือนหอของพี่เหนือก็เพราะแก้วอยากให้เหนือไปหาอร ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นแก้วไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากพี่เหนือทั้งนั้น!” เมื่อถูกอีกคนตวาดใส่หน้าไม่หยุดหย่อนแก้วกานดาจึงตอบโต้กลับออกไปบ้าง เธอจ้องมองเหนือตะวันทั้งน้ำตานองหน้า รู้สึกเกลียดรอยยิ้มของเขาที่เผยให้เห็น เหมือนคำตอบเมื่อสักครู่ทำให้เขาพอใจ
“ก็ดี! เพราะถึงเธอจะเรียกร้องอะไรจากฉันฉันก็ไม่มีอะไรจะให้เธอเหมือนกัน แล้วก็อย่าคิดเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาแบล็คเมล์ฉันเป็นอันขาด เพราะว่าผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักคืออรดีไม่ใช่เธอ!” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถึงเขาไม่พูดเธอก็รู้ว่าคนที่เขารักคืออรเท่านั้น
“แก้วไปได้รึยังคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นหลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบงำจิตใจอยู่เนิ่นนานสิ่งเดียวที่ต้องการที่สุดในเวลานี้คือพาตัวเองไปให้ไกลจากคนใจร้ายตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“ทำไม! อยู่กับฉันมันทำให้เธอทรมานนักรึไง!” เหนือตะวันขบกรามแน่นยามที่ต้องเอ่ยถามบางสิ่งที่มันรบกวนอารมณ์ของเขาอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเขาไม่คุ้นชินกับท่าทีที่เหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ของคนตรงหน้าสักเท่าไหร่ โดยปกติแล้วแก้วกานดามักจะชอบวิ่งเข้าหาเขามากกว่า เพราะนิสัยนั้นเองที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาไม่ค่อยชอบเธอ
“แก้วว่าเป็นพี่เหนือมากกว่าที่ทรมานเวลาที่อยู่กับแก้ว” แก้วกานดาตอบกลับไปก่อนจะทำท่าจะเดินลงจากรถแต่ก็ช้ากว่าคนพาลที่เอื้อมมือมากระชากแขนเธอเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอลงจากรถโดยง่าย
“หวังว่าจากนี้เธอกับฉันคงไม่ต้องเจอหน้ากันอีก” ทว่าคำพูดต่อมาของเขานั้นมันกลับร้ายแรงยิ่งกว่าการกระทำทั้งหมดจนหญิงสาวต้องหันไปมองหน้าเขาทั้งน้ำตา ก่อนจะเปลี่ยนมันให้เป็นรอยยิ้ม
“ค่ะ ถ้านั่นคือความต้องการของพี่เหนือ…นับจากนี้ไปแก้วจะไม่เสนอหน้าไปให้พี่เหนือเห็นจนต้องรำคาญใจอีก พี่เหนือเองก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ลาก่อนค่ะ” เธอรับคำก่อนจะดึงต้นแขนของตัวเองกลับคืนมาซึ่งครั้งนี้เหนือตะวันก็ไม่ได้กักขังเธอเอาไว้ เขายอมปล่อยให้หญิงสาวเดินลงจากรถไปด้วยดี ทว่าข้างในใจมันกลับรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดเมื่อสักครู่ของเธอ คำพูดที่เหมือนกับว่าจากวินาทีนี้ที่เธอเดินลงจากรถไปแล้วเขาจะไม่มีวันได้พบเจอเธออีกก็ไม่ผิดเพี้ยน
แต่ขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะว่านี่มันคือสิ่งที่เขาต้องการมาแต่แรกอยู่แล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าเขาหรือแก้วกานดาก็ตาม
แก้วกานดาพาตัวเองกลับมาบ้านในสภาพที่ใครต่างก็พาสงสัยแต่ไม่กล้าถามเพราะคิดเอาเองว่าคุณหนูคนโตของบ้านคงจะยังรู้สึกเศร้าเสียใจ กับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของอรดีอยู่
“คุณน้าล่ะคะป้าเจียม” แก้วกานดาเอ่ยถามแม่นมของตนเอง เมื่อพยายามมองหาแล้วไม่พบเจอกับแม่เลี้ยงในห้องรับแขก
“อยู่ที่ห้องของคุณอรค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของตัวบ้านมุ่งหน้าสู่ห้องนอนของอรดีเมื่อได้คำตอบ
“คุณน้าคะ” เธอร้องเรียกเบญจวรรณที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดหมอนในโปรดของลูกสาวอยู่บนเตียง ใบหน้าของแม่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาทำให้แก้วกานดาทนมองอยู่เฉยๆ ไม่ไหวอีกต่อไป เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งเคียงข้างโผเข้ากอดอีกฝ่ายทั้งน้ำตา
“หนูแก้ว น้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณน้า คุณน้ายังมีแก้วนะคะ แก้วจะดูแลคุณน้าเองไม่ต้องห่วงนะคะ” แก้วกานดาปลอบโยนพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับจะยืนยันให้แม่เลี้ยงได้รู้ว่าทุกคำที่เธอพูดล้วนออกมาจากใจของเธอทั้งสิ้นและเธอจะทำตามที่พูดออกมาจริงๆ