หญิงสาวเฝ้าดูแลจนอีกคนนั้นหลับไปจึงตัดสินใจเดินกลับมายังห้องนอนของตัวเองเพื่อพักผ่อน แต่จนแล้วจนเล่าเธอก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้เพราะทุกครั้งที่หลับตาลง ภาพของอรดีน้องสาวก็มักจะแทรกแซงเข้ามาภายในความคิดสุดท้ายจึงลุกขึ้นนั่งพิงผนักเตียงปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมากระทั่งผลอยหลับไป
หลับไปพร้อมๆ กับความปวดร้าวที่ยากกว่าใครจะยั่งถึง!
บ้านวรนาถ
คฤหาสน์หลังงามที่ดังโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองกรุงซึ่งเจ้าของของมันนั้นหาได้ใช่ใครอื่นไม่นอกจากคุณไพโรจน์กับคุณสุนิสา เจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาวหลายแห่งภายในประเทศ และไหนจะมรดกตกทอดที่ทั้งสองได้รับจากบรรพบุรุษ เลยยิ่งทำให้ความยิ่งใหญ่ของตระกูลนี้โด่งดังมากพอๆกับความหล่อเหลาเอาการของลูกชายพวกเขา เหนือตะวันจ้องมองบิดาและมารดาอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบอกบางสิ่งที่เขาใช้เวลาคิดทบทวนมันมาตลอดทั้งคืนจนกระทั่งได้คำตอบ คำตอบที่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
“ผมอยากย้ายไปอยู่กับคุณอานพที่อเมริกาสักพักครับคุณพ่อคุณแม่” คำบอกกล่าวของบุตรชายทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่เงยหน้าขึ้น และเป็นคุณสุนิสาเสียเองที่เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นานเป็นนาที
“ถ้ามันจะช่วยทำให้ลูกสบายใจขึ้นแม่กับพ่อก็ไม่ขัดหรอกนะเหนือ แต่อย่าให้ความโศกเศร้านี้มันกัดกินใจเราจนไม่เป็นอันทำอะไร หนูอรเองก็คงจะไม่สบายใจถ้าน้องรู้ว่าการจากไปของน้องทำให้ลูกใช้ชีวิตอยู่กับความจริงไม่ได้” เหนือตะวันเข้าใจในทุกคำที่มารดาเอ่ยขึ้น แต่ในเวลานี้เขาไม่สามารถทำใจต่อการจากไปของอรดีได้เลย ครั้นจะหลับตาลงก็มักจะเห็นใบหน้า รอยยิ้มที่แสนไร้เดียงสาของเธอ
นั่นเลยทำให้เขาตัดสินใจว่าควรหลบไปพักใจที่ไหนสักแห่ง ประจวบเหมาะกับผู้เป็นอาที่เดินทางไปเปิดโรงแรมที่อเมริกาเมื่อสามเดือนก่อนเคยได้ชักชวนให้เขาไปร่วมบริหารงานที่นั่นด้วยกัน แต่ครั้งนั้นเขาจำต้องบอกปัดท่านไป เพราะว่าเขาไม่อยากจากคนรักไปไหน
“ครับคุณแม่ ผมให้สัญญาจะกลับมาเป็นเหนือตะวันคนเดิมให้เร็วที่สุด คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เมื่อได้ยินคำมั่นสัญญาของลูกชายผู้อาวุโสทั้งสองคน ได้แต่ยิ้มรับด้วยความเข้าใจดี
หากเวลาช่วยรักษาบาดแผลภายในจิตใจของเหนือตะวันได้จริงๆ มันก็คงจะดี เพราะดูเหมือนเวลานี้จะมีแค่เพียงเวลาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเยียวยาเรื่องราวร้ายๆให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
สองเดือนต่อมา
ร่างสูงใหญ่เดินลงจากรถที่มีลุงแช่มคนขับเก่าแก่ของบ้านขับไปรับถึงสนามบิน รอยยิ้มหยักเผยขึ้นเมื่อในที่สุดเขาก็ถึงบ้านเสียที บ้านที่จำต้องต้องลาจากไปรักษาแผลใจที่อเมริกานานถึงสองเดือนเต็มเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้น เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองกลับมา
“คุณแม่ล่ะครับป้าเรียม” ชายหนุ่มเอ่ยถามหามารดาเป็นคนแรกเพราะคิดถึงท่านมากกว่าใครๆ ในบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายก็คงเหมือนกัน
“อยู่ท่านทั้งสองรอคุณเหนืออยู่ด้านในค่ะ รีบเข้าไปหาท่านเถอะค่ะ” เหนือตะวันยิ้มรับก่อนจะเดินตรงเข้ามาภายในบ้านซึ่งตอนนี้นั้นพ่อและแม่ของเขานั่งรอต้อนรับกันอยู่ในห้องรับแขก
“ยอมกลับมาได้เสียทีนะตาเหนือ ไม่รู้รึไงว่าแม่คิดถึงแค่ไหน!” คุณสุนิสาเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้าไปสวมกอดลูกชายด้วยความคิดถึง แค่คิดถึงช่วงเวลาสองเดือนที่ไม่ได้เจอหน้าลูกน้ำตาของคนเป็นแม่ก็รินไหลเป็นทาง ภาพนั้นเองทำให้เหนือตะวันเริ่มรู้สึกผิดต่อท่านขึ้นมาที่เขาจากไปนานแถมยังไม่ยอมส่งข่าวให้ใครๆ ได้รับรู้
“อย่าร้องไห้สิครับคุณแม่ ผมก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ” แต่กว่าจะกลับมาได้ เขาก็ต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปนานกว่าที่คิดไว้มาก
“กลับมาแล้วห้ามไปไหนอีก ไม่งั้นแม่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย แล้วนี่แอบหาลูกสะใภ้ตาน้ำข้าวมาฝากแม่ด้วยรึเปล่า” ผู้เป็นแม่ถามแหย่เล่นๆ แต่หากมันเป็นจริงได้นางก็ยินดีเพราะด้วยอายุอารามนั้นก็มากแล้ว หัวอกคนเป็นแม่ก็ยังอยากเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นกับเขาไปเสียที
“ไม่มีหรอกครับคุณแม่”
“ตอบมาแบบนี้แม่แกคงเสียใจแย่ ขานั้นบ่นอยากอุ้มหลานอยู่ทุกวัน ว่ายังไงล่ะคุณ หรือว่าเราจะมีลูกคนที่สองกันเองซะเลย” เหนือตะวันทำได้แต่เพียงยิ้มรับคำบอกเล่าจากปากของผู้เป็นพ่อ แค่เรื่องจะเปิดรับใครสักคนเข้ามาในชีวิตมันก็ว่ายากแล้ว เรื่องที่จะมีลูกนั้นคงจะลืมไปได้เลย เพราะว่าเขาคงไม่คิดจะมีใครง่ายๆ ในตอนนี้
“แล้วนี่คุณน้าเบญเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่รู้ข่าวของท่านเลย” เหนือตะวันเอ่ยถามขึ้นเมื่อบังเอิญคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ขนาดเขาที่เป็นแค่คนรักยังยากที่จะลืมอรดี นับประสาอะไรกับคนเป็นแม่อย่างคุณน้าเบญจวรรณที่ต้องมาเสียลูกสาวสุดที่รักไปคนนั้น
“คุณเบญน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่หนูแก้วนี่สิแม่ว่าน่าสงสารมากเลย” คำตอบที่ได้ทำให้ชายหนุ่มชะงักไปเพราะมันมีชื่อของใครบางคนที่เขาเองต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อลบเธอไปจากใจ
“ทำไมเหรอครับคุณแม่ เธอเป็นอะไร”
“นี่เราไม่รู้เลยเหรอตาเหนือว่าน้องน่ะท้อง คุณเบญบอกว่าถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อเด็ก นี่แม่ก็ว่าจะหาเวลาว่างแวะไปเยี่ยมน้องอยู่เหมือนกัน” ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้เป็นแม่ที่มาพร้อมลมหายใจที่ถูกถอนออกมายามเมื่อคิดไปถึงแก้วกานดาซึ่งตอนนี้กำลังประสบปัญหาในชีวิตอย่างหนักหน่วง ปัญหาที่คงไม่มีใครช่วยอะไรหญิงสาวได้นอกจากตัวของเธอเองที่ต้องเป็นคนคิด และตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองต่อ
“ทะ…ท้อง กี่เดือนแล้วครับ”
“เห็นคุณเบญบอกเดือนกว่าแล้วนะ ช่วงนี้นี่แพ้ท้องแทบทุกวันเลย เราเองถ้าว่างๆ ก็แวะไปเยี่ยมน้องบ้างสิตาเหนือ” เหนือตะวันไม่ได้ตอบคำถามนี้ของผู้เป็นแม่ เขาเพียงแต่หลบสายตาของท่านซึ่งท่าทีที่ดูแปลกไปของบุตรชายกลับอยู่ในสายตาของคุณไพโรจน์ตลอดเวลา แต่ท่านก็ยังไม่กล้าที่จะสงสัยอะไรมากไปกว่าแค่คิดในใจ
เพราะหากทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่แอบคิด เห็นทีงานนี้คงได้พากันแก้ปัญหาใหญ่กันไม่จบสิ้นแน่ ปัญหาที่ลูกชายของเขาต้องแก้เอง