ฉันที่นั่งอยู่ดีแม่งสะดุ้งขึ้นมาเลยอะ เดี๋ยวนะแล้วมันจะถามทำไมวะหรือจะล้อฉันถ้ายังไม่มีแฟนแล้วถ้าทำแบบนั้นคือคนบ้านะฉันคิดกับตัวเองแล้วก็ได้ยินเสียงเขาถามขึ้นมาอีกรอบ
“หึหึ ฉันถามเธอว่าเธอมีแฟนหรือยัง หูมีปัญหาอีกแล้วเธอเนี่ย”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆเพราะถ้ายัยนี่มีแฟนก็จะไม่ยุ่งหรอก ไม่ใช่คนดีนะ จะบังคับให้แม่งเลิกกับแฟนนี่แหละ ดูเลวใช่ไหมจริงๆแล้วผมคนเลวครับ เอาเถอะด่ากันตามสบายได้ยินมาเยอะแล้วทั้งชั่ว ทั้งเลว ด้านหมดแล้วผมอะ
“นายถามฉันทำไม”
“เอ้า ฉันก็แค่อยากรู้ปะ”
“ยังไม่มีจะทำไมฉัน ถ้าล้อฉันโอนค่าโมโหมาให้ฉันอีกแสนหนึ่งด้วย”
ฉันบอกไอ้บ้านี่ออกไปต้องดักทางไว้ก่อนไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
“หึ ใครเขาจะล้อเธอไม่ใช่เด็กอนุบาลปะ คนคุยละ”
“นายจะเอาข้อมูลฉันไปทำไร แบบสอบถามของคณะ”
ผมหัวเราะออกมาเพราะรู้สึกว่าเสียงของยัยนี่เริ่มจะกังวลขึ้นมาเลยตอบออกไป
“ก็แค่ถามดูเพราะดูแล้วน่าจะมีไง”
“ก็มีนั่นแหละเรียนหมอ”
“อืม เลิกคุย”
ฉันขมวดคิ้วก่อนถามเขาออกไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
“เฮ้ย นายรู้ได้ไงว่าฉันเลิกคุยไปแล้ว นายชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหรอเนี่ยนิสัยป้าข้างบ้านเหรอคะ”
ผมขมวดคิ้วตอนแรกคือสั่งให้ยัยนี่เลิกคุยแล้วพอได้ยินก็ อ๋อ ยัยนี่เลิกคุยไปแล้วเลยบอกกับยัยนี่กลับไป
“อืม ดีละฉันจะได้ไม่ต้องทำบาปเยอะ”
“นายโทรมาถามเรื่องแค่นี้อะนะ”
ฉันขมวดคิ้วก่อนจะคิดทุกอย่างรวมกันไม่ใช่ว่าไอ้บ้านี่จะจีบฉันหรอกนะเพราะฉันก็มีเพื่อนมีลูกน้องที่เป็นผู้ชายเยอะแล้วก็สนิทพอสมควรเลยเห็นประมาณนี้ค่อนข้างเยอะ อะไรที่ฮิตๆอะ คุยแต่ไม่ได้คบเหรอ อืม นั่นแหละ สักพักก็ได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา
“ใช่สิ เรื่องสำคัญอยากรู้ก็ถาม”
“เดี๋ยวนะ ฉันถามตรงๆ ได้ไหม”
ผมหลับตาแม่งตอนรู้เริ่มรู้สึกง่วงแต่ก็ได้ยินเสียงของยัยนี่อยู่
“อืม ว่า”
อือหื้อพอจะถามแม่งจริงๆก็ใจสั่นเหมือนกันนะ แล้วถ้าถามไปแล้วไอ้้บ้านี่หัวเราะแล้วหาว่าฉันคิดไปเองละวะ เออบางทีอาจจะคิดไปเองก็ได้แต่เหรอวะ แล้วคือเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง เฮ้อ ช่างแม่งเหอะ
“หื้อ เธอหลับปะวะ”
ผมถามออกไปแล้วก็ยกหน้าจอมาดูก่อนจะเอามาแนบหูอีกรอบเพราะได้ยินแต่เสียงซีรี่ย์ไม่ใช่แม่งหลับไปแล้วหรอกนะ
“โอ๊ย ดูเสียงตัวเองก่อนเนาะ ไปนอนซะนายอะโทรมากวนชาวบ้านเขา แค่นี้”
“ไม่ เอาไว้แบบนี้แหละคาสายฉันจะหลับละ”
ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมคือการกระทำแม่งเหมือนคนเป็นแฟนกันอะ ไม่ได้ ไม่เอาสถานะไม่ชัดเจนไม่ได้ค่ะ ตอนนี้แม่งยังไม่รู้สึกอะไรเดี๋ยวแม่งวันหนึ่งถ้าทำแล้วเราคิดเองเจ็บแน่ไม่เอาค่ะ ไม่ลงไปเล่นกับความสัมพันธ์แบบนี้เด็ดขาดจ่ะ
“นายจะนอนก็ไปนอนแค่นี้”
“ถ้าเธอวางฉันก็โทรทั้งคืนให้เธอรำคาญ”
“หึ ฉันก็บล็อกนายซะจบเนาะ”
“ฉันก็ขับรถไปบ้านเธอ จบเนาะ”
ผมวางโทรศัพท์ไว้บนที่บนแล้วก็กดเปิดลำโพง เออ แบบนี้แม่งสบายกว่าเยอะไม่ต้องถือสักพักก็ได้ยินเสียงยัยตัวแสบถามกลับมา
“แล้วนายจะเอายังไง! พูด!”
“ก็คาสายไว้แบบนี้แหละ เธอจะดูซีรี่ย์จะนอนก็ปล่อยมันไว้แบบนี้แหละ”
ฉันถอนหายใจก่อนจะถามไอ้บ้านี่ออกไปเพราะสุดจะทนละมองหน้ากันไม่ได้ก็ปล่อยแม่งมันแต่มันคาใจอะ
“นายทำแบบนี่คือจีบฉันเหรอ หรือชอบฉัน หรือเหงาอะไรยังไงฉันงง หรือไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย หรือจะกวนประสาทฉัน เลือกอันไหนพูดออกมา”
ผมที่นอนหลับตาอยู่หัวเราะออกมาเบาๆกับคำถามของยัยตัวแสบที่แม่งถามยาวเป็นขบวนรถไฟ
“หึหึ เออ กำลังจีบเธออยู่ ลองคุยกันสามวันแล้วเป็นแฟนเลยเตรียมตัวด้วยอาทิตย์หน้าจะไปรับมาอยู่ด้วย บอกกับพี่ชายเธอไว้ละ”
“ห๊ะ!!”
เออ เอาอะไรมาไม่ตกใจอะตอนแรกยังตกใจเรื่องไอ้เพ้นท์ที่แม่งมีผัวเร็วตอนนี้แม่งมาถึงฉันแล้วเหรอวะเนี่ย
“หึหึ ตกใจอะไรของเธอ นี่ให้เวลาปรับตัวแล้วนะ เอาไง”
“นายชอบฉัน เหรอวะ”
ผมนอนฟังยัยตัวแสบที่เหมือนจะถามกับตัวเองมากกว่าที่จะถามผมนะ ผมหัวเราะออกมาเบาๆแล้วตอบกลับยัยนี่กลับไป
“เออ ฉันชอบเธอชัดปะ! ได้ยินไหม!”
“ฉันงงวะ เจอกันแค่ไม่กี่วันเอง”
“เอ้า คนชอบอะเจอไม่ถึงห้านาทีก็ชอบละชอบก็จีบมันก็แพทเทิร์นทั่วๆไปปะ”
ฉันเบาเสียงจากทีวีก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่นายชอบฉันจริงๆ ไม่ได้เมาหรือพนันกับเพื่อนอะไรใช่มะ พูดซิ”
“หึหึ ฉันเมาอะไร ตอนนี้อาบน้ำนอนอยู่บนเตียงละแล้วใครเขาจะไปพนันอะไรปัญญาอ่อนเงินมีเหลือใช้ครับทุกวันนี้”
ผมบอกยัยตัวแสบออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม่ง ใครจะเหมือนยัยนี่มั่งเจอคนมาจีบแล้วแล้วดูงงๆยิ่งประโยคที่พูดขึ้นมาทำให้ผมหัวเราะอีกรอบ
“เออ ฉันว่านายง่วงจนไม่มีสติละไปนอนไป นายมีสติค่อยคุยกับใหม่นายอาจจะง่วงจนเบลออะไรแบบนี้”
ฉันบอกเขาออกไป เพราะเอาจริงๆฉันก็งงๆอยู่วะแก หรือสมัยนี้มันเร็วแบบนี้หรือเพราะเป็นนายนี่เลยมองว่าแปลกวะ
“หึหึ เออ คาสายจะทำอะไรก็ทำเดี๋ยวพรุ่งนี้เธอมีสติจะคุยด้วยใหม่ ไม่ต้องวางสายถ้าวางสายฉันคงได้เลื่อนสถานะเป็นผัวเธอวันนี้”
“โอ๊ย! นายนี่เนาะ เอาไปไว้ในห้องน้ำแม่ง”
ฉันลุกขึ้นและตัดสินใจกับตัวเองนี่แหละทางออกที่ดีแล้วก็ได้ยินเสียงไอ้นี่พูดมาอีก
“หึ ถ้าฉันเรียกแล้วไม่ได้ยินเสียงเธอฉันก็ไป”
“เออ!! จะตดให้แม่งฟัง”
“หึหึ ก็ถือว่าเรื่องของเราเดินเร็วดีเพราะจริงใจขนาดตดให้ว่าที่ผัวฟังได้แล้ว ดีละจะได้ชิน”
“ไอ้บ้าเอ๊ย เออ ฉันจะดูซีรี่ย์ละ เงียบ ใช้สมาธิอ่านซับ”
ฉันถอนหายใจแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงก่อนจะหันมาสนใจดูซีรี่ย์แล้วก็เปิดลำโพงไว้หลังจากนั้นสมาธิก็กลับมาอยู่ที่ซีรี่ย์ต่อ
ผมค่อยๆหลับตาลงแล้วสติก็ดับไปเลยเพราะมันเหนื่อยแล้วก็ล้าที่ตาตอนที่เล่นเกมส์เหมือนกันนี่ขนาดใส่แว่นนะแต่มาสะดุ้งในจังหวะที่พลิกตัวเหมือนมีอะไรตกอะ
ตุบ!
“หื้อ แม่งเที่ยงคืนยังไม่หลับไม่นอนหรือแม่งตกเตียงวะ”
ผมปรือตามามองหน้าจอแล้วเหมือนยัยนี่แม่งยังไม่นอนอีกผมเลยเรียกยัยนี่ไปเสียงดัง
“ญ่า!!”
“อุ้ย ใครเขาเหยียหางแม่งอีก”
ฉันเก็บขวดน้ำที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วก็ปิดเสียงทีวีพร้อมกับทำเสียงให้เบามากที่สุด แล้วก็ไม่ได้ตอบไอ้บ้านี่กลับไปเพราะจะได้เข้าใจว่าฉันนอนแล้ว แม่งกูมาถึงจุดนี้ได้ไงวะจุดที่เหมือนผัวจับได้แล้วต้องแกล้งตายอะ
“หึ! ฉันรู้ว่าเธอยังไม่นอน!! ตอบ!!”
“โอ๊ย!! อะไรของนายอีก!”
นั่นไง ฮึ ทำไม่จะรู้ไม่ทันว่ายัยนี่ยังไม่นอน ผมเลยพูดกับยัยนี่ด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกรอบ
“ปิดนอนได้ละ ดูจะให้ตามันหลุดออกมาเลยหรือไงนี่มันเที่ยงคืนละ”
“ฉันใช้ตานายมาดูหรือไง”
“เออ เดี๋ยวรวมร่างแล้วตาฉันจะมีปัญหา!! ปิดนอนอย่าพูดยาก!!”
“ไอ้บ้า!”
“นอน ถ้าไม่นอนจะให้เฮียมันตัดไฟ”
“แล้วคิดว่าเฮียมันจะทำตามนายเหรอ”
“หรือจะลองดู”
“นายตั้งใจฟังฉันนะ”
“อืม ว่า”
ผมหลับตาแล้วสักพักแม่งต้องลืมตาขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงยัยนี่ดังขึ้นมาแล้วไม่ใช่เสียงพูดนะ
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!”
ฉันกรี๊ดออกมาจนสุดพลังแรงเกิดอะ นี่ขนาดแค่บอกว่าจะจีบนะแล้วถ้าคบกันฉันต้องเข้ารักษาปะวะ เยอะสิ่ง แล้วแทนที่มันจะรำคาญแกดูมันตอบ
“อืม ถือว่าเตรียมตัวดี เพราะมีผัวต้องใช้เสียงเยอะ กรี๊ดอีกเลยครับผม เฮ้อ ฟินจังเว้ย”
“ไอ้บ้า”
“หึหึ”
ฉันหยิบน้ำขึ้นมากินอีกรอบก่อนจะล้มตัวลงนอนและดึงผ้าขึ้นมาห่มพร้อมกับหยิบตุ๊กตากระต่ายตัวนิ่มมากอดแล้วนอนตะแคง อืม พอได้ที่ตาก็เริ่มปรือฉันกดปิดทีวีพร้อมกับกดเปิดไฟ LED บนเพดานห้องที่ทำไว้ที่เป็นเหมือนท้องฟ้าแล้วก็มีดาวระยิบระยับหลังจากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง แต่
“ญ่า”
“ฮื่อ”
“นอน”
“อือ”
“อืม งั้นนอน”
ผมบอกยัยตัวแสบเสร็จหลังจากนั้นมันก็มีแต่ความเงีบแล้วภาพผมก็ค่อยๆตัดไปอีกรอบแล้วรู้สึกมาตื่นอีกทีก็ตอนจะแปดโมงครึ่งแล้วมั้ง
08.24
“แม่งเงียบขนาดนี้ยังไม่ตื่นชัวร์”
ผมใช้หยิบแบตสำรองมาชาร์จโทรศัพท์แล้วเรียกยัยนี่อีกรอบ
“ญ่า ญ่า!”
“ฮือ”
ฉันสะดุ้งขึ้นมาหน่อยๆแต่ตาก็ยังไม่ลืมนะเหมือนมีใครมาเรียกอะหรือเฮียมันจะไปไหนวะ
“ญ่า ญ่า!!”
“ฮือ จะไปไหนก็ไปจะนอน”
“หึหึ เธอซ้อมเป็นหมูหรือไง นอนก็ดึกเช้าก็ไม่ตื่น”
ฉันค่อยๆลืมตาก่อนแล้วในห้องมันก็มืดอยู่อะสักพักก็ค่อยๆตั้งสติก่อนจะใช้มือเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ อือหื้อ แม่งคาสายกับนายนี่แปดชั่วโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย ฉันเลยถามคนตัวสูงออกไป
“นายจะแหกขี้ตาตื่นทำไมมันวันหยุดปะ”
“ใครเขาจะนอนสูบบ้านแบบเธอ”
“ฮือออ โอ๊ย เมื่อย”
ผมฟังเสียงยัยตัวแสบที่ตอนนี้แม่งน่าจะบิดขี้เกียจแหละเลยหัวเราะออกมาแล้วถามยัยนี่ออกไป
“หึหึ ทำกายภาพยามเช้าเหรอครับ”
“ปากเรียกแขกแต่เช้าเลยเนาะ”
“หึหึ แค่นอนก็ปวดเมื่อยเนาะร่างกายเธอเนี่ย”
“เออสิ ฉันหิววะ ฉันวางสายละไปหาอะไรกินก่อน”
ฉันบอกเขาพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นนอนอยู่สักพักก็เริ่มจะหิวขึ้นมาปกติตอนนี้ก็ต้องได้กินข้าวแล้วไงแล้วจังหวะที่จะกดวางสายก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นมา
“อืม อาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวไปรับพาไปหาอะไรกินประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงหน้าบ้านเธอ แล้วชุดอย่าขนาดเมื่อวานเพราะถ้าเห็นฉันจะเปลี่ยนชุดใหม่ให้เธอเอง แค่นี้ เข้าใจไหมที่พูดอะ หลับอีกรอบปะวะ”
“เออ! รีบมาอย่าช้าฉันหิวละ! สั่งๆเตรียมเงินมาเยอะๆด้วยนะนายอะฉันกินเยอะ”
“หึ เตรียมตัวเถอะเธออะ”
“อืมแค่นี้”
ฉันกดวางเสร็จก็มาพิมพ์บอกพวกไอ้มิวไปในกลุ่มแล้วก็บอกไปว่านายนี่ว่าจะจีบอะไรแบบนี้อะแหละแล้วพวกมันทำไงเหรอ ฮึ สนับสนุนไปอีก แต่เดี๋ยววันนี้จะคุยจริงจังอีกรอบเลยนัดกับนายนี่ไม่งั้นก็ไม่ไปหรอก เพราะอยากคุยแบบต่อหน้ามากกว่าไม่อยากคุยทางโทรศัพท์
ฉันอาบน้ำแต่งตัวโดยใส่ชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้แขนตุ๊กตาแต่ช่วงหน้าอกก็กว้างพอสมควรความยาวก็เนื้อเข่าขึ้นมา อือหื้อ ชุดคือเก็บส่วนเว้าส่วนโค้งดีมาก ฉันลงมาด้านล่างก็เดินเข้ามาในครัวพร้อมกับบอกพี่ดาวที่กำลังเอาน้ำผลไม้ที่ซื้อมาเพิ่มใส่ตู้เย็นพอดี
“พี่ดาวคะ ญ่าขอน้ำส้มสักแก้วสิคะ เดี๋ยวญ่าถือออกไปเองค่ะ”
“ได้จ้า”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วคุณญ่าจะทานข้าวเลยไหมคะป้าจะได้ให้เด็กๆตั้งโต๊ะ”
“เดี๋ยวญ่าไปข้างนอกค่ะป้านุ่ม”
“อ๋อได้ค่ะ”
“ป้านุ่มทานกันเลยนะคะ เฮียก็ยังไม่กลับแล้วไม่รู้จะกลับหรือเปล่ากับข้าวไม่ต้องแบ่งไว้หรอกค่ะ”
ฉันบอกป้านุ่มเพราะป้าเขาก็เริ่มจะตักอาหารแล้วเริ่มจะจัดโต๊ะกันแล้ว
“ค่ะๆ”
“งั้นญ่าไปห้องรับแขกนะคะ”
“ค่ะ”
ฉันเดินเข้ามาในห้องรับแขกนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่สักพักก็เห็นป๊าม๊าส่งรูปมาให้ในไลน์ส่วนตัว อ๋อ แล้วที่ยังไม่เห็นป๊าม๊าฉันเพราะว่าตอนนี้ไปเที่ยวกับคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ไอ้เพ้นท์นั่นแหละที่จีน นี่แหละคบกันมันมาตั้งแต่เบบี๋อะแกจะเอาอะไรมาไม่เหมือน
ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านที่ขับวนมาส่งยัยตัวแสบเมื่อวานก่อนจะเดินลงจากรถแล้วเข้ามาในบ้านก็เห็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นทักขึ้นมา
“เออ สวัสดีค่ะ มาหาพี่ญ่าเหรอคะ”
“ครับ ญ่าอยู่ไหนลงมาหรือยัง”
“พี่ญ่าอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ”
“อ๋อ ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มให้กับเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะเดินไปที่ห้องรับแขกแล้วเห็นยัยตัวแสบใส่ชุดเดรสสีขาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่พอดีเลยเดินเข้ามาหาก่อนจะใช้มือจับที่หัวของยัยนี่แล้วออกแรงหมุนให้หันมาทางผม
“ไป มั่วแต่เล่นโทรศัพท์”
“โอ๊ย ถ้าคอฉันหักนะ”
“แล้วหักยัง ฉันเห็นมีแต่หน้าเธอแหละที่หัก ไป หรือไม่หิวแล้ว”
“หิวสิ”
ฉันบอกคนตัวสูงพร้อมกับหยิบกระเป๋าแล้วก็ลุกขึ้นก่อนจะได้ยินเขาถามขึ้นมาอีกรอบ
“แล้วเสื้อคลุมไม่ใส่”
ผมถามยัยตัวแสบแล้วคือชุดมันเป็นเดรสแล้วช่วงหน้าอกนี่แม่งจะอะไรขนาดนั้น
“งั้นรอแป๊บขึ้นไปเอาข้างบนก่อน”
ฉันบอกเขาลืมไปเลยเหมือนกันเพราะจะได้เอาไว้ใส่เวลาเดินข้างนอกแล้วเจอแดด
“งั้นไม่ต้องขึ้นไปเอาในรถฉันก็มี ไป หิวแล้ว”
“นี่ แล้วต้องจับมือด้วย”
“เอ้า คนจีบกันเขาก็จับมือสิมีใครจีบกันแล้วจับตูดบ้างละ”
“นายนี่มันบ้าจริงๆ”
คนตัวสูงจับมือฉันให้เดินตามเขาออกมาพอมาถึงรถเขาสายตาฉันก็เห็นสแตมป์ที่เหมือนจะเดินไปที่สวนเลยหันมาบอกเขาแล้วเรียกสแตมป์ขึ้นมา
“แป๊บหนึ่งๆ สแตมป์! มาหาพี่ก่อน!”
ผมมองยัยตัวแสบเรียกเด็กน้อยที่เหมือนจะไปไหนสักที่แต่พอได้ยินเสียงยัยนี่เรียกก็รีบวิ่งมาหา
“คะพี่ญ่า”
“เราจะไปไหน แล้วทำไมไม่ไปกินข้าว”
“หนูทำรายงานเสร็จช้าค่ะพี่ญ่าเลยว่าจะไปรดน้ำต้นไม้ก่อน”
“ไม่ต้องๆ เข้าไปกินข้าว ไม่ต้องรดต้นไม้พี่ไม่ตายหรอกตอนเย็นค่อยมารดแล้วเราลืมอะไรหรือเปล่า”
ฉันมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดูสแตมป์เป็นลูกคนงานในโรงงานนั่นแหละแต่พ่อแม่ส่งเรียนไม่ไหวแล้วดันมาเลิกกันอีกเฮียกับฉันเลยเอ็นดูแล้วชวนมาอยู่ด้วยตอน ป.6 ตอนนี้ ม.3 แล้วฉันเอ็นดูเหมือนน้องสาวนั่นแหละไม่ได้ให้ทำงานแต่ไอ้เจ้านี่ก็ขอทำเลยให้รดน้ำต้นไม้แล้วก็ช่วยงานในโรงงานพวกงานเอกสารต่างๆที่น้องพอทำได้ให้เงินเดือนเอาไว้กินแล้วก็เปิดบัญชีเงินเก็บให้ด้วย น้องมันนิสัยน่ารักอะ ซื่อๆ อ๋องๆ อยู่บ้านก็เลยไม่เหงาถ้าว่างก็นี่แหละเพื่อนไปช็อป
“คะ แตมป์ลืมอะไรเหรอคะ”
“หึหึ แตมป์เอ๊ย เรานี่เนาะ แล้วจะไปยืนรดทำไมนู่นไปหมุนเปิดน้ำตรงนู้นมันก็รดอัตโนมัติแล้ว”
ฉันบอกเด็กน้อยตรงหน้าเพราะเมื่อวานที่อยากรดเองเพราะอยากคิดอะไรไปเรื่อยๆเหมือนได้อยู่กับตัวเอง
“อ๋อ ใช่ค่ะหนูลืม”
“หึหึ เข้าไปกินข้าวค่อยมารดตอนเย็นเปิดเอาไม่ต้องยืนรดดูเวลาไว้แล้วเราก็ไปทำการบ้านพอถึงเวลาก็ลงมาปิด”
“ค่ะ”
“ไปกินข้าวเลย ป้าๆเขากินกันอยู่ข้างใน เดี๋ยวพี่กลับมา”
“ค่ะพี่ญ่า”
ผมเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับพอยัยนี่เข้าไปนั่งผมก็ปิดประตูให้แล้วมาเข้ามานั่งฝั่งข้างๆพอขับรถออกมาก็เห็นเด็กน้อยกับยัยนี่บ๊ายบายกันอยู่เลยถามยัยนี่ขึ้นมา
“น้องสาวเหรอ”
“ใช่”
“แบบพ่อแม่เดียวกันอะนะ ทำไมรู้มาเหมือนเธอเป็นลูกคนสุดท้องอะ”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับอธิบายให้เขาฟัง
“ไม่ใช่ แต่ฉันเอ็นดูน้องเหมือนน้องสาว น้องเขาเป็นลูกพนักงานครอบครัวมีปัญหาเลิกกันไปตอนแรกอยู่กับพ่อแล้วพ่อส่งเรียนไม่ไหวเลยขอมาดูแลตอนนี้ก็มีครอบครัวใหม่กันไปหมดแล้ว ฉันก็เลยย้ายน้องมันมาเรียนเอกชนแถวๆนี้แหละเวลาที่โรงเรียนมีกิจกรรมเกี่ยวกับผู้ปกครองก็ป๊าม๊าไปบ้างถ้าว่างฉันก็ไปบ้าง”
“อ๋อ ฉันก็ว่าน้องใส่ชุดอยู่บ้านทั่วไปไม่ได้ชุดเหมือนพวกพี่ๆเขา”
“ก็น้องสาวฉันอะจะให้ใครว่าได้ไง ฉันตามตบทุกคนอะที่มาว่าเพราะดูสิน้องมันสู้คนที่ไหนร้องไห้อย่างเดียว นี่ขนาดฉันสอนยังได้แค่นี้เลยฉันเลยต้องลุยเอง”
ผมหัวเราะก่อนจะปรายตามองยัยตัวแสบที่อยู่ข้างๆ ตอนแรกก็ดูเหมือนจะแรงแต่เห็นมุมนี้คงไม่ขนาดนั้นแล้วก็ดูเหมือนจะใจดีกับคนรอบข้างอยู่นะ
“หึหึ ไม่ทึก ไม่แกร่งเท่าเธออะเนาะ”
“เออสิ จะกลัวใครทำไมมือก็มีเท่ากันทำอะไรมาก็สวนดิคะ”
“หึหึ ดีละมีแม่แบบเธอลูกฉันมันจะได้กล้าแกร่ง”