“ดีครับ” หมอเกาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “ตอนนี้คุณเฉินเองก็ฟื้นแล้ว ผมจะย้ายเธอไปที่ห้องพักผู้ป่วย ถ้าหากคุณเฉินหรือว่าญาติมีความประสงค์ที่จะพาเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ทางโรงพยาบาลก็ไม่ขัดข้องอะไร ทางครอบครัวสามารถทำเรื่องขอตัวคนป่วยกลับได้เลย” ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพราะมีคนป่วยหลายคนที่อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน ในวันที่จะต้องจากลากับครอบครัว
“ครับ เรื่องนี้ผมขอถามความสมัครใจของน้องสาวก่อน บางทีเธออาจเลือกบ้านของเธอเป็นสถานที่สุดท้าย ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ และผมก็เข้าใจดีว่าคุณหมอเองก็พยายามถึงที่สุดแล้ว” เฉินเหว่ยถิง พูดขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับหมอเกาหนึ่งที เพื่อเป็นการขอบคุณแล้วเดินออกจากห้องไป
น้ำตาลูกผู้ชายไม่ใช่ว่าจะไหลออกมาได้ง่าย ๆ แต่นี่เป็นถึงน้องสาวคนเดียวของเขา และเธอกำลังจะตาย เฉินเหว่ยถิงจึงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่าถ้าหากไปบอกทุกคนด้วยสภาพน้ำตานองหน้าอย่างนี้ ทุกคนคงจะหัวใจสลายแน่ ๆ ชายหนุ่มจึงหลบมุมจัดการกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุดรวมถึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินกลับไปหาครอบครัวที่กำลังรอความคืบหน้าอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่ทำใจกันแล้วใช่ไหม” ทันทีที่เดินเข้ามาชายหนุ่มจึงได้เอ่ยถามพ่อกับแม่ที่นั่งจับมือให้กำลังใจกันอยู่
พ่อของเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนออกอย่างปลงตกในขณะที่แม่ของเขามีน้ำตารื้นขึ้นมา
“ว่ามาเถอะ พ่อกับแม่ทำใจแล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นเมื่อตั้งหลักได้แล้ว มือของเขาประสานกับมือภรรยาไว้แน่น
“หมอบอกว่าเราทำได้มากที่สุดแค่ประคับประคอง ตอนนี้น้องฟื้นแล้ว เดี๋ยวผมจะถามน้องเองนะครับว่าอยากจะอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ หรือว่าอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้าน” เฉินเหว่ยถิงบอกออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเจือไปด้วยความเศร้าสร้อยผสมกับความเจ็บปวดที่ยากจะรับ
ผู้เป็นพ่อไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่พยักหน้าให้ลูกชายหนึ่งทีส่วนแม่นั้นตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้มไปแล้ว คนที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกคนหนึ่งก็คือป้าหลี่นั่นเอง
“โถคุณเฉินของป้า”
รถเข็นเปลคันหนึ่งถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นรถผ่านหน้าญาติของเธอ หญิงสาวที่ฟื้นแล้วทำได้แค่เพียงหันไปมองหน้าพ่อแม่และพี่ชายเท่านั้น เพราะว่าเธอไม่มีแรงแม้แต่จะพูดออกมา
เมื่อทุกคนเดินตามไปที่ห้องพักผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ย้ายหญิงสาวไปที่เตียงนอนก่อนที่จะขอตัวออกไป คนในครอบครัวต่างก็ยังไม่พูดอะไรตอนนี้ เพราะรู้ว่าเฉินชิวเยว่เหนื่อยมากแล้ว จึงได้แต่ยืนส่งสายตาให้กำลังใจอย่างเงียบ ๆ แม้แต่เด็กน้อยอย่างเฉินเสี่ยวเป่าเองก็ยังเข้าใจสถานการณ์ว่าเป็นยังไง ซึ่งเขาทำเพียงแค่ไปเกาะขอบเตียงและลูบแขนอาชิวเยว่ของเขาเบา ๆ
“พี่เหว่ยถิง” หญิงสาวเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เฉินเหว่ยถิงได้ยินก็รีบเข้าไปหาน้องสาวทันที “พี่อยู่นี่ ชิวเยว่ เธออยากได้อะไรบอกพี่มา” ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปเพื่อฟังเสียงที่แผ่วเบาของน้อง
“ฉันอยากกลับบ้านค่ะ พี่พาฉันกลับบ้านนะคะ” หญิงสาวบอกถึงความต้องการของตนเอง หลังจากพูดเพียงไม่กี่คำเธอก็รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
“ได้สิ พี่จะไปบอกหมอนะ พวกเราจะพาเธอกลับบ้าน” ชายหนุ่มตอบกลับจากนั้นจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปแจ้งแก่พยาบาลถึงความต้องการของน้องสาวให้รับรู้
เฉินชิวเยว่นอนอยู่บนเตียงกว้าง กำลังมองเพดานบ้านที่คุ้นเคย เธอขออยู่คนเดียวในห้อง เนื่องจากต้องการทบทวนตัวเองสักพัก พ่อกับแม่แล้วก็ครอบครัวของพี่ชายอยู่กันที่ห้องโถง ส่วนป้าหลี่นั้นก็เตรียมอาหารให้ทุกคนอยู่ในครัว
ชีวิตที่ผ่านมาของหญิงสาวนั้น หากจะบอกว่าเธอได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแล้วก็คงจะไม่เกินจริงเท่าไรนัก เนื่องจากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เติบโตมาทำธุรกิจจนร่ำรวย มีโรงแรมและรีสอร์ตอยู่ในเครือเฉินคอร์ปอเรชั่นมากมาย จนตอนนี้เป็นธุรกิจที่มั่งคั่งและส่งต่อให้กับพี่ชายของเธอดูแลแทนหลานชายที่เธอได้มอบให้ เลยทำให้ต่อจากนี้ไปครอบครัวจะอยู่อย่างสบาย
ที่สำคัญทุกอย่างที่เธออยากจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทั่วโลก การสร้างงานศิลปะที่ชอบ เธอล้วนได้ทำตามใจฝันทุกอย่างแล้ว หากตายไปก็คงจะไม่เสียดายอะไรอีก
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอยังไม่มีก็คือ เธอยังไม่มีสามีและลูก แต่ว่าสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเธอแล้ว การไม่มีสามีไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดให้หนักใจแต่อย่างใด ในเมื่อดูแลตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีสามีก็ได้
เฉินชิวเยว่ยกมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ขึ้นมา เธอพิจารณามือที่ผอมแห้งนั้นแล้วพูดกับตัวเองว่า “ถึงเวลาแล้วสินะ ชีวิตคนเราก็เท่านี้ เมื่อยามต้องจากไป ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้”
เจ้าหน้าที่ที่มาส่งหญิงสาวที่บ้าน ได้ติดตั้งปุ่มฉุกเฉินเอาไว้ให้เผื่อเวลาที่เฉินชิวเยว่ต้องการความช่วยเหลือ จะได้กดที่ปุ่มนี้แล้วคนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน
'กริ๊ง' เสียงกระดิ่งฉุกเฉินดังหนึ่งครั้ง คนในห้องโถงได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาให้น้องนอนของเฉินชิวเยว่ทันที
“ชิวเยว่ มีอะไร” เฉินเหว่ยถิงถามขึ้นอย่างร้อนใจเมื่อมาถึง
หญิงสาวพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะสั่งเสียทุกคนครั้งสุดท้าย
“พ่อ แม่ ฉันรู้ว่าฉันอยู่ได้อีกไม่นาน อาจจะไม่พ้นคืนนี้ ต่อจากนี้หากฉันไม่อยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็อย่าเสียใจเกินไปเลยนะคะ ฉันไม่อย่าให้ใครต้องมาทุกข์ใจเพราะการจากไปของฉัน ฉันอยากให้พ่อกับแม่รักษาสุขภาพให้ดี อยู่กับพี่เหว่ยถิง อยู่กับเสี่ยวเป่าไปนาน ๆ”
พ่อกับแม่ต่างก็พยักหน้ารับ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “พ่อจะดูแลแม่ให้เอง ชิวเยว่ไม่ต้องห่วงแม่นะ เหนื่อยก็นอนพักเสียเถอะลูก” ผู้เป็นพ่อบอกกับลูกสาวพร้อมกับบีบมือเธอเบา ๆ เหมือนกำลังให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลแม่แทนเธอเอง
“ขอบคุณค่ะพ่อ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เฉินชิวเยว่พักหายใจสักครู่ ก่อนที่จะหันหน้าไปทางพี่ชาย “พี่เหว่ยถิง ธุรกิจทุกอย่างของฉัน รวมทั้งบ้านหลังนี้ ฉันมอบให้เสี่ยวเป่าไปแล้ว ก่อนที่เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฉันต้องฝากพี่ดูแลให้ด้วย”
“ได้ ๆ ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลเสี่ยวเป่าของน้องให้ดีที่สุด พี่สัญญา” ชายหนุ่มรีบตอบรับทันที เขารู้ว่าน้องสาวรักหลานชายมาก
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปทางหญิงสาวอีกคนแล้วเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ ฉันต้องรบกวนพี่ดูแลพี่เหว่ยถิงกับเสี่ยวเป่าให้ดี หลังจากฉันไม่อยู่แล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข”
พี่สะใภ้พยักหน้ารับปากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา “ได้สิ พี่จะดูแลพี่เหว่ยถิง เสี่ยวเป่าและพ่อแม่แทนชิวเยว่เอง ไม่ต้องห่วงนะ”
“อาชิวเยว่ จะไปไหนเหรอครับ เสี่ยวเป่าไปด้วยได้ไหมครับ” เฉินเสี่ยวเป่าถาม สีหน้าของเด็กน้อยเศร้าลงและเหมือนกับจะร้องไห้เมื่อรู้ว่าอาสาวจะไปที่ไหนสักแห่ง
“อาชิวเยว่จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไกลแสนไกล ที่ที่เสี่ยวเป่าตามไปด้วยไม่ได้ เสี่ยวเป่าจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลทุกคนและต้องเป็นเด็กดีรู้ไหม” หญิงสาวพูดพร้อมยกมือที่แทบจะยกไม่ไหวนั้นมาลูบศีรษะของเฉินเสี่ยวเป่าเบา ๆ อย่างรักใคร่สุดหัวใจ
“ทุกคนคะ ฉันเหนื่อยจังเลยค่ะแล้วก็ง่วงมากด้วย ขอฉันหลับก่อนนะ” เฉินชิวเยว่พูดขึ้นเบา ๆ
“ได้ลูก ชิวเยว่นอนเถอะนะลูก เหนื่อยก็หลับเถอะ แม่จะอยู่ข้าง ๆ ลูกเอง นอนนะลูกนอนเถอะ” แม่เฉินเข้ามาจับมือของลูกสาวไว้และพูดกระซิบบอกเบา ๆ เหมือนกำลังกล่อมให้เธอนอนหลับฝันดี
หลังจากนั้นมือข้างที่จับไว้นั้นก็ค่อย ๆ ตกลงบนเตียง พร้อมกับใบหน้าที่หลับไปด้วยรอยยิ้ม และจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกตลอดกาล