บทที่ 16 หนังสือรับรองการตัดขาด

1641 Words
เว่ยอ้ายเหม่ยอดไม่ได้จึงพูดขึ้นอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับมองไปที่หลานชายและหลานสาวเล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคต่อมา “อีกอย่างหากทำอย่างที่พ่อพูดอาชุนกับเสี่ยวเหมยก็คงจะไม่ได้เรียนหนังสือกันพอดี พ่อมองดูสิคะว่าชีวิตพวกเขาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร พ่อเคยคิดถึงอนาคตของหลานทั้งสองคนบ้างไหมคะ” เธอหยุดหายใจสักครู่ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “แล้วเรื่องที่ป้าสะใภ้ทำกับฉัน จนฉันบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย พวกเขาเคยเห็นใจบ้างหรือเปล่า มาเยี่ยมถามข่าวสักครั้งก็ไม่มี แถมยังทำตัวลอยนวลเหมือนไม่ใช่ความผิดของตัวเอง พวกเขาคิดว่าชีวิตคนบ้านรองอย่างพวกเราเป็นแค่ผักแค่ปลาอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างนะคะอาการของฉันสาหัสถึงกับควรต้องส่งโรงพยาบาลด้วยซ้ำ แต่นี่พวกเขากลับให้ค่ายามาแค่ไม่กี่หยวน เงินที่พวกเราส่งให้เป็นกองกลางนั้นพวกเขาเอาไปใช้อะไรหมด ทำไมเวลาบ้านรองเกิดเหตุฉุกเฉินถึงไม่สามารถใช้เงินส่วนนั้นได้ แบบนี้แล้วจะมาพูดว่าเป็นกองกลางได้ยังไงกันคะ” เว่ยอ้ายเหมยพูดแทบจะไม่เว้นช่องหายใจเลย เพราะเธอดูจากน้ำเสียงของพ่อเมื่อครู่นี้ มีความลังเลไม่น้อย ดังนั้นหากจะตัดขาดบ้านใหญ่และต้องการเป็นอิสระ เธอจะต้องไม่เว้นช่องให้พ่อได้คิดมากนัก เวลานี้ทั้งหลี่ฟางเจียว พี่ชายทั้งสองรวมถึงพี่สะใภ้ พอได้ฟังคำพูดของเว่ยอ้ายเหม่ยแล้วก็เห็นด้วยขึ้นมาทุกอย่าง ที่เด็กสาวพูดนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามันไม่จริง เพราะพวกบ้านใหญ่ทำกับบ้านรองของพวกเขาอย่างนั้นจริง ๆ “ผมเห็นด้วยกับน้องเล็กนะครับพ่อ เห็นด้วยอย่างที่สุด เพราะที่ผ่านมาพวกบ้านใหญ่โหดร้ายกับพวกเรามากเกินไป ถึงเวลาที่บ้านรองของเราจะต้องปกป้องตัวเองแล้ว” เว่ยตงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาบ้าง เวลานี้เขาเชื่อว่าทุกคนในบ้านต้องการเป็นอิสระจากบ้านใหญ่แล้วเหมือนกัน หลังจากนั้นก็มีเสียงสนับสนุนจากคนอื่น ๆ พูดเหมือนกันว่าเห็นด้วยกับเว่ยอ้ายเหม่ย “ที่ผ่านมาบ้านใหญ่ไม่มีความเป็นธรรมเลย กรณีของอ้ายเหม่ยทำให้พวกเรารู้แล้วว่าบ้านใหญ่เห็นแก่ตัวมากแค่ไหน ดังนั้นพวกเราจะไม่ส่งเงินเข้ากองกลางอีกแล้ว เพราะกองกลางอะไรกันพวกเราแทบไม่ได้ใช้เลย แล้วต่อไปหากบ้านเรามีความต้องการใช้เงินขึ้นมา จะไปขอเบิกเงินจากกองกลางพวกบ้านใหญ่ก็คงไม่ให้อยู่ดี” เว่ยอู่ซินพูดขึ้นมาบ้าง “จริงอย่างที่ลูก ๆ พูดนะพ่อ พวกเราทำเรื่องตัดขาดกันเถอะ แยกตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย เงินเดือนนี้พวกเราจะได้เก็บไว้ใช้กันดีกว่า” หลี่ฟางเจียวพูดโน้มน้าวพร้อมเขย่าแขนเว่ยเฉียนไปหลายครั้งเพื่อให้เขาเห็นด้วย เมื่อฟังเหตุผลแล้วเว่ยเฉียนก็คิดได้ เขาเห็นด้วยกับลูก ๆ และภรรยาแล้ว ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พวกบ้านใหญ่มากดขี่ข่มเหงหรือว่ารังแกคนในครอบครัวของเขาอีก ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ดี ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านตอนนี้เลย ไปขอหนังสือรับรองเพื่อขอตัดขาดกัน” “ครับ เดี๋ยวผมไปกับพ่อเอง” เว่ยอู๋ซินอาสาทันที เพราะหากให้พ่อไปเพียงคนเดียวคงไม่ดีแน่ และที่สำคัญเรื่องนี้ยังไม่ได้รับความยินยอมจากปู่กับย่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ” เว่ยเฉียนพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านมาทันที โดยมีทุกคนในบ้านรองเว่ยเดินมาส่งที่หน้าบ้าน เว่ยเฉียนและเว่ยอู่ซินเมื่อเดินออกจากบ้านแล้วก็รีบตรงไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที คนที่เหลือพากันมองหน้ากันอย่างยินดี พอคิดว่าจากนี้ต่อไปพวกเขาก็จะเป็นอิสระแล้วแถมจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ และจะมีเงินเก็บกันเป็นกอบเป็นกำ เด็กน้อยทั้งสองคนก็คงจะได้เรียนหนังสือหากว่าฐานะทางการเงินของบ้านดีขึ้น “อ้าวนั้นคนบ้านรองเว่ยไม่ใช่เหรอ มากันทำไมค่ำ ๆ มืด ๆ อย่างนี้ละ” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นคนสองคนเดินเข้ามาที่บ้าน ตายังหรี่มองว่าคนที่มาว่าใช่คนบ้านรองเว่ยจริง ๆ หรือเปล่า “ใช่แล้วครับหัวหน้าหมูบ้าน ฉันเองเว่ยเฉียนเอง วันนี้มีเรื่องจะมารบกวนหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย และต้องขอโทษที่มาเวลานี้” เว่ยเฉียนตอบกลับไปเสียงดังพอให้ได้ยิน “มา ๆ เข้ามานั่งข้างในก่อน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกัน” หัวหน้าหมู่บ้านกวักมือเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาในบ้านก่อน เมื่อเข้ามาแล้วก็ชี้บอกให้เว่ยเฉียนกับเว่ยอู๋ซินนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วรินน้ำชาจากกาให้คนละหนึ่งถ้วยอย่างมีน้ำใจ “ขอบคุณครับ” เว่ยเฉียนก้มหัวพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ถึงแม้ว่าน้ำชาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ได้ใช้ชาราคาแพงแต่ก็ชุ่มคออยู่ไม่น้อย หากเทียบกับบ้านรองเว่ยที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อใบชาแล้วละก็ การได้จิบชาที่นี่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของสองพ่อลูกแล้ว เว่ยเฉียนจิบชาเสร็จแล้วก็วางถ้วยชาลง ก่อนจะพูดเข้าเรื่องที่มาที่นี่ “ที่ผมจะมาขอรบกวนหัวหน้าหมู่บ้านในวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราบ้านรองเว่ยอยากจะตัดขาดจากบ้านใหญ่น่ะครับ หัวหน้าหมู่บ้านช่วยทำหนังสือรับรองให้หน่อยได้ไหม” “ในที่สุดก็มีวันนี้สักทีนะ ฉันเห็นคนบ้านรองเว่ยทนทุกข์มานานแล้ว มีอย่างที่ไหนขอแยกบ้านแต่ยังต้องส่งเงินทั้งหมดเข้ากองกลาง อย่างมากก็ส่งให้บางส่วนเท่านั้น เฮ้อ...ในที่สุดก็ตัดสินใจทำเรื่องตัดขาดได้สักที เอาสิ ฉันสนับสนุนเต็มที่ เดี๋ยวฉันจะทำหนังสือให้ตอนนี้เลย” หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นมาคล้ายกับพอใจในสิ่งที่เว่ยเฉียนบอกออกมา เป็นเพราะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาเห็นว่าบ้านรองเว่ยถูกรังแกจากบ้านใหญ่ตลอดก็รู้สึกสงสารไม่น้อย แต่ว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ต่อให้หวังดีมากสักเท่าไรเขาก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนี้ก็ตาม ยิ่งมาเห็นตอนที่เว่ยอ้ายเหม่ยถูกทำร้ายจนปางตายก็ยิ่งสงสารหนักเข้าไปอีก ดังนั้นเมื่อเว่ยเฉียนมาขอหนังสือรับรองเพื่อตัดขาด เขาจึงรีบทำให้ทันที หัวหน้าหมู่บ้านไปหยิบเอกสารที่เป็นหนังสือรับรองการตัดขาดมา แล้วเขียนรายละเอียดลงไป ก่อนจะส่งมันให้กับเว่ยเฉียน แม้ว่ายังมีความกังวลเนื่องจากยังไม่ได้รับความยินยอมจากสองผู้เฒ่าจากบ้านเว่ย แต่การที่สองพ่อลูกมาขอหนังสือรับรองตัดไปก่อนนั้นย่อมหมายความว่าบ้านรองเว่ยย่อมมั่นใจแล้วว่าจะตัดขาดจากบ้านใหญ่ได้ “ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านมาก” เว่ยเฉียนยื่นมือไปรับมาและก้มหัวขอบคุณอีกครั้ง และรู้ดีว่าเมื่อได้ลายนิ้วมือของพ่อมาแล้วเขาจะต้องนำเอกสารชุดนี้กลับมาให้กับหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง เพื่อส่งเรื่องไปยังสำนักงานพลเรือนในอำเภอ “แล้วมีที่อยู่ใหม่กันหรือยังล่ะ หาไว้แล้วใช่ไหม” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามเรื่องสำคัญที่สุด เพราะการที่ขอตัดขาดนั้นหมายความว่าบ้านหลังเดินที่อยู่รั้วเดียวกันกับบ้านใหญ่จะอยู่หรืออาศัยกันอีกไม่ได้แล้ว “ยังไม่ได้หาเลย พวกเราเพิ่งตัดสินใจกันได้เมื่อตอนเย็น คิดว่าได้หนังสือแล้ว พอพรุ่งนี้ไปแจ้งเรื่องการตัดขาดกับบ้านใหญ่ แล้วเดี๋ยวค่อยจะหาบ้านใหม่ อาจจะเป็นบ้านใครที่ให้เช่าสักหลัง” เว่ยเฉียนตอบไปตามจริง เขาก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเหมือนกัน คงต้องไปปรึกษากับทุกคนอีกครั้งเสียแล้ว “ไม่ต้องไปหาเช่าที่ไหนหรอก ที่ท้ายหมู่บ้านมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง หลังใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว เจ้าของเขาไม่ได้อยู่แล้วที่นี่แล้ว ลูกหลานเขาทำงานอยู่ในเมืองก็พาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย เดี๋ยวฉันจะคุยกับเขาให้ว่าจะขอให้บ้านรองเว่ยอาศัยอยู่ชั่วคราวได้หรือเปล่า ก่อนที่พวกนายจะหาซื้อบ้านได้ หรือถ้าจะซื้อบ้านหลังนี้ ฉันก็จะเจรจาเรื่องราคาที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายให้” หัวหน้าหมู่บ้านเสนอขึ้นมา และอาสาจะไปคุยกับเจ้าของบ้านให้อีกด้วย “ขอบคุณมากเลยครับหัวหน้าหมู่บ้าน ขอบคุณจริง ๆ พระคุณครั้งนี้พวกเราบ้านรองเว่ยจะไม่มีวันลืม” เว่ยอู๋ซินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงดีใจเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับโค้งคำนับให้หัวหน้าหมู่บ้านหนึ่งครั้ง “ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านมากเลยนะครับ” เว่ยเฉียนพูดขึ้นอีกคน “ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านมากเลยนะครับ” เว่ยอู๋ซินเองก็ลุกขึ้นและทำเช่นเดียวกันกับผู้เป็นพ่ออีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD