ตอนที่ 4 เรื่องตลกบนโต๊ะกินข้าว
ราชามานิ่งงันไปก่อนจะกลั้วหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องขบขันบนโต๊ะกินข้าวไอ้นี่มันเข้าใจเล่นมุกนะ
“ตลกล่ะ”
“อือ ขอให้กูคิดไปเอง”
“แน่นอนอยู่แล้ว สเปกกูไม่ใช่ผอมแห้งเหมือนไม้ตะเกียบแบบนั้น”
“แต่มือมึงสั่นนะ”
“งานมึงน้อยมากสินะเดี๋ยวกูหางานให้” คนโดนจับได้ว่าแอบเสียอาการไปอยู่เหมือนกันรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที
“ไม่ต้อง ขอบคุณนะ” คำขอบคุณที่เต็มไปด้วยความประชดประชันทำให้พ่อเลี้ยงราชากระตุกยิ้ม “กูจะเข้าไปในเมือง”
“เชิญ”
“ไม่ไปหรือไง เห็นซื้อมาเยอะ”
“ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”
สองหนุ่มกอดคอกันเดินไปยังรถกระบะทันที แต่หารู้ไม่ว่าทุกประโยคเมื่อกี้มีคนแอบฟังอยู่บนบ้าน
“มีเด็กหน้าตาคล้ายลูกคุณด้วย หรือตารามไปไข่ทิ้งไว้แล้วไม่รู้” แม่เลี้ยงรัมภาหันไปมองหน้าสามีตัวเองสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม
“คงไม่ใช่หรอก หมามันยังไม่ทิ้งลูกตัวเองเลย” พ่อเลี้ยงคิดว่าลูกชายตัวเองมีความรับผิดชอบอยู่มากแม้จะเย็นชาต่อหน้าคนอื่นแต่ไม่ใช่กับคนในครอบครัวเดียวกัน “ยกเว้นมันไม่รู้นี่แหละ”
อันนี้แหละจะเป็นปัญหาอย่างมาก
“เจ็ดขวบขนาดนั้นถ้าใช่แม่เด็กคงไม่ต้องการลูกชายคุณแล้วล่ะค่ะ ฉันต้องหาโอกาสไปดูแน่นอน” พูดจบก็เดินเข้าในบ้านไปทิ้งให้ผู้เป็นสามีได้ยืนขบคิดอยู่คนเดียว
“ดูสิจากนางแบบหน้าตาเย่อหยิ่งเดี๋ยวนี้ได้มาเป็นคนจ่ายตลาดเอง แม่ตายครบสามเดือนแล้วไม่เห็นจะเศร้าเลย” มนุษย์ป้าเริ่มจับกลุ่มเม้าท์มอยตามประสาคนปากว่างไม่ได้
“ฉันก็เสียใจไม่ลงหรอกก่อนตายแม่ที่แสนดีสร้างหนี้ไว้ให้ตั้งเยอะแยะ อย่างว่าสวยๆ แบบนี้แหละเสี่ยอินทัชชอบ” ป้าแผงลอยข้างกันขยับเข้ามาเม้าท์มอยบ้าง มองดูทรวดทรงองค์เอวนั้นสิ “เมื่อก่อนหยิ่งนักหนาเดี๋ยวนี้หน้าหมองคล้ำเชียวหรือรับใช้เสี่ยอินทัชจนไม่ได้พัก”
“เองก็ว่าไปนะ ท้องก็ไม่มีพ่อสวยแต่หน้าจริงๆ”
“อ้าวแม่เลี้ยงรัมภา”
“มาขายของหรือมานินทาชาวบ้านกันแน่” แม่เลี้ยงรัมภาหยิบผักขึ้นมาดูปากก็พูดไปเรื่อย จนเจ้าของแผงลอยต้องขบเม้มริมฝีปากแล้วรีบสลายตัว
“ทั้งหมดเจ็ดสิบบาทจ้ะแม่เลี้ยง วันนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ” พูดพลางชะเง้อคอมองก่อนจะป้องปากเมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มรูปหล่อเดินตามหลังมาจริงๆ ด้วย “ลูกชายแม่เลี้ยงนี่มันหล่อจริงๆ เว้ยเฮ้ย”
“นี่จ้ะเจ็ดสิบบาท” แม่เลี้ยงรับถุงผักมาพลางส่ายหน้ารู้อยู่หรอกว่าลูกชายทั้งสองของเธอเป็นขวัญใจสาวเล็กสาวใหญ่ทั้งตำบลไม่สิอาจจะอำเภอเลยก็ได้ “พูดให้มันน้อยๆ ขายของให้มันมากๆ ถ้าพูดขายของเหมือนนินทาคนอื่นป่านนี้ผักคงหมดแผงไปแล้ว”
“จ้ะแม่เลี้ยง” แม่ค้าแผงลอยยิ้มเหย แม้ลูกชายจะหล่อเหมือนเทวดามาโปรดแต่ว่าที่แม่ผัวก็ปากร้ายเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
รัมภาหันไปมองพ่อเลี้ยงราชากำลังเลือกซื้อผลไม้สดใหม่ที่พึ่งส่งเข้ามาจึงเดินเข้าไปหา ไม่เห็นจะเคยมาเลือกอะไรแบบนี้แล้วที่ปลูกล้อมรอบบ้านมันไม่ใช่ส้มรึ แม่เลี้ยงมองผ่านทะลุไปยังอีกซอยตรงกันเห็นร่างอรชรยืนเลือกเครื่องเทศอยู่ก็ต้องกลับมามองลูกชายตัวเองอีกครั้ง
“อยากกินส้มเหรอ?”
“ครับ” พ่อเลี้ยงราชาตอบง่ายๆ
“ที่บ้านไม่ใช่ส้ม?” แม่เลี้ยงรัมภาเลิกคิ้วสูง ให้มันรู้ว่าใครเป็นแม่เป็นลูกกันแน่
“ผมแค่อยากลองชิมผลผลิตจากไร่อื่นดู”
แม่เลี้ยงส่ายหน้าก่อนจะบอกลูกชายว่าจะไปหาซื้ออะไรต่ออีกนิดหน่อยให้ลูกชายกลับไปรอที่รถเลยก็ได้ แม่เลี้ยงเดินมาอีกซอยเข้าใกล้แผงลอยที่มีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่จุดโฟกัสคือเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างแม่ ผิวขาวเหมือนเด็กในเมือง ส่วนสูงมาตรฐานสำหรับเด็กวัยนี้โตมามีแววสูงหุ่นดี ทรงผมทูบล็อกที่ไม่คิดว่าจะเข้ากับเด็กวัยแค่นี้จมูกโด่งเป็นสันตั้งแต่เด็กริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดง เวลาหันไปพูดกับแม่จะมีรอยยิ้มเสมอ เสียงเล็กๆ นั่นช่างน่าฟังให้แม่เลี้ยงฟังทั้งวันเลยก็คงได้
“น้องมีโออยากกินอะไรอีกไหมครับ” มีมี่ย่อตัวลงมาหาลูกในระดับเดียวกันแต่เธอต้องตกใจเมื่อลูกชายเดินมาย่อลงนั่งแล้วดึงชายกระโปรงเธอขึ้นจากพื้น
“พื้นไม่ค่อยสะอาดครับมีมี่ยืนขึ้นเถอะ” เด็กชายดึงให้แม่ลุกขึ้นพอแม่ทำตามอย่างที่ว่าก็ยืนมือไปปัดบริเวณที่แตะโดนพื้นเมื่อครู่
“ลูกชายแม่ปกป้องแม่เป็นแล้วเดี๋ยวแม่เช็ดมือให้นะ”
“ส่งทิชชู้มาก็พอครับผมโตแล้ว” เด็กน้อยคลี่ยิ้มน่าเอ็นดูทำเอาหัวใจคนเป็นแม่พองโต มันหายเหนื่อยได้เพราะรอยยิ้มของลูกนี่แหละ “สะอาดไหมครับ”
“จ้า สะอาดมากไปกันเถอะ” มีมี่ยื่นมือออกมาตรงหน้าให้ลูกชายจับแต่เด็กน้อยส่ายหัวแล้วดึงถุงผักที่ไม่หนักมากจากมือคนเป็นแม่ไปถือไว้เอง “ขอบคุณค่ะสุดหล่อ ไปกัน”
ภาพตรงหน้าทำเอาแม่เลี้ยงรัมภาคลี่ยิ้ม ในความรู้สึกของเธอมันเหมือนมากจะเหมือนกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ ถ้าลางสังหรณ์ของเธอไม่ผิดพลาดละก็งานนี้ลูกชายเธอเตรียมหมาได้เลย พูดแล้วก็หันไปมองแผงส้มดันสบตากับลูกชายเข้าพอดีเธอเลยส่งสายตาไปประมาณว่า
‘จะเลือกส้มทั้งวันเลยหรือไง’