“เสี่ยอินทัช” มีมี่เดินลงจากรถก็เจอเข้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เธอรีบดึงลูกชายมาหลบอยู่ข้างหลังทันที “เสี่ยมาถึงที่บ้านเพราะอะไรคะ ดิฉันพึ่งจ่ายเงินงวดที่สองไปเอง”
“เอาตามตรงเลยนะหนู เสี่ยคิดถึง”
มีมี่รีบย่อตัวลงหันไปปิดหูลูกชายไว้ทันที เสี่ยอ้วนพุงย้วยกระดุมแทบจะปริออกมาแล้วกำลังกระตุกยิ้มโชว์ฟังเรียงตัวกัน
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเสี่ยจะไม่มาที่นี่”
“เหรอ เสี่ยเคยพูดอย่างนั้นเหรอ กูเคยพูดเหรอวะ” หันไปถามลูกน้องแล้วพากันหัวเราะอย่างชอบใจ
“ผมไม่เคยได้ยินนะครับ สงสัยคุณผู้หญิงคิดไปเอง”
“คุณผู้หญิง...มึงเรียกเข้าท่าดีวะไอ้หยอง ลองเสนอให้คุณผู้หญิงของมึงไปอยู่บ้านเพื่อลดหนี้ดูสิวะ” พูดจบก็หันมามองผู้หญิงใบหน้าสะสวย เมื่อก่อนได้แต่เดินผ่านเพราะความหยิ่งยโสของเธอเองแต่ตอนนี้เขากลับกลายมาเป็นคนเหนือกว่า “บอกตรงๆ หนูตรงสเปกเสี่ยมาก” สายตาโลมเลียทำให้มีมี่อยากมีสี่มือจะได้ปิดตาลูกชายไว้ด้วย
“ไหนเราตกลงกันแล้ว”
“จุจุ จะว่าก็ว่าแต่เสี่ยชอบหน้าตาหนูตอนพยศมากๆ มาอยู่กับเสี่ยสิแล้วชื่อเสียงหรืองานของหนูจะกลับมา”
ใช่เมื่อก่อนเธอเป็นคนรักศักดิ์ศรีและหน้าตาอยู่พอควร ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เชิดหน้าคอตั้งอยู่เสมอเงินทองมีเต็มกระเป๋า แม่ก็ดีลูกก็ประเสริฐทำให้เธอไม่คิดว่าจะมีวันตกต่ำจนสิ้นเนื้อประดาตัวขนาดนี้เหมือนกัน คนที่เกลียดเธอก็คงมีมากเพราะความยโสและเย่อหยิ่งของเธอในเมื่อก่อน
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพราะต้องมีกิน เพื่อให้ลูกได้เรียนได้รักษาบ้านนี้ไว้
“ฉันจ่ายหนี้เสี่ยครบแน่นอนค่ะ ตามที่เราตกลงกันไว้”
“ตอนนี้มันขึ้นมาสิบล้านห้าแสนแล้วนะหนู” เสี่ยมันพูดน่าชวนอ้อนอวัยวะเบื้องล่างมากทีเดียว
“คะ? ฉันจ่ายไปสองล้านห้าแล้วทำไมมันยังเหลือเยอะกว่าเดิม”
“ดอกเบี้ยไงหนู”
มีมี่รู้สึกว่าฟ้ากำลังจะถล่มลงมาใส่ตัวและไม่คงไม่มีใครมาช่วยค้ำมันไว้ให้เธอกับลูกแน่นอน ขอแค่ใครสักคนที่โผล่มาตอนนี้เธอจะตอบแทนให้หมด ไม่อยากให้ลูกมาเห็นภาพมาได้ยินอะไรแบบนี้เลย เธอจะทำยังไงดีคิดไปน้ำตาก็รื้นขอบตาสวรรค์เล่นตลกกับชีวิตเธอเกินไปหรือเปล่า ต่อให้เธอจะหยิ่งจะเชิดแต่ก็ไม่เคยด่าทอช่างแต่งหน้าไม่เคยตบตีช่างทำผมหรือดึงหัวผู้ช่วยสักหน่อย ทำไมต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย แค่นี้มันยังไม่พอใช่ไหม
“อ้าวหนูมีมี่”
แม่กับลูกพร้อมกับชายหน้าเหี้ยมหันไปมองด้านหลังตามเสียงทันที คนสวยขมวดคิ้วเพราะไม่รู้จักกับคนที่มาเป็นการส่วนตัวทำไมถึงได้เรียกเธอราวกับสนิทสนมขนาดนั้น มีมี่ปล่อยมือจากหูสองข้างเลื่อนลงไปจับแขนเล็กไว้แทนแล้วพาลูกน้อยวิ่งไปหลบทางด้านหลัง...พ่อเลี้ยงเรวัช
“พ่อเลี้ยงนี่เองคิดว่าใครที่ไหน” เสี่ยอินทัชกระตุกยิ้มมองดูผู้หญิงหอบลูกวิ่งหนีเขาเหมือนเจอผีก็ได้แต่กำกระเป๋าถือไว้แน่น
“อ้าวเสี่ยทัช” พ่อเลี้ยงละสายตาจากสองแม่ลูกด้านหลังตัวเองหันหน้ากลับมามองเสี่ยอินทัชด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“พ่อเลี้ยงมาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่า” สายตาดูถูกดูหมิ่นทำให้พ่อเลี้ยงกำหมัดเหมือนกัน
“ผมมาเยี่ยมว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของผมครับ”
....มีมี่เงยหน้ามองพ่อเลี้ยงในทันที
“ลูกสะใภ้? ตลกหรือเปล่าครับพ่อเลี้ยงนี่ผมต้องขำไหม” เสี่ยอินทัชหันไปหัวเราะชอบใจกับลูกน้องตัวเอง
“ไม่ต้องขำครับ เพราะมันคือเรื่องจริง” พ่อเลี้ยงมีท่าทางจริงจังจนมีมี่ไม่กล้าขัดอาจจะเพราะอยากหาอะไรมาช่วยบังหน้าไปก่อนเลยพูดแบบนั้นก็ได้ เธอขอแค่เสี่ยพุงย้วยกับลูกน้องหน้าเหี้ยมออกไปจากบ้านเธอก็พอ สงสารก็แต่ลูก
“งั้นรู้ไหมครับว่าที่ลูกสะใภ้พ่อเลี้ยงเป็นหนี้ผมอยู่เท่าไหร่” เสี่ยอินทัชหุบยิ้มพลันแล้วยกเรื่องหนี้ขึ้นมาแทน
“จะว่าหนี้ของหนูมีมี่ก็ใช่ว่าเธอยืมเสี่ยมาเสียหน่อย”
“หนี้ของแม่ลูกก็ต้องจ่าย” เสี่ยอินทัชสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้รู้สึกเสียดายที่มองหน้าสวยๆ ของหญิงสาวยังไม่เต็มอิ่มเลย
“ครับ หนี้ของหนูมีมี่ทางไร่ราชาจะเข้าไปจัดการเอง ต่อไปนี้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วเสี่ยก็ไม่ควรมาที่นี่นะครับ”
“ก็ดี” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่มือกำหมัดแน่น คิดว่าคนอย่างเขาจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือไง “แต่ผมอยากบอกอะไรไว้หน่อยเป้าหมายที่ผมเล็งไว้ไม่เคยปล่อยให้รอด”
พูดจบก็พาร่างอ้วนพุงย้วยของตัวเองเดินออกไปจากบริเวณหน้าบ้าน มีมี่ถอนหายใจเฮือกก่อนจะก้มบอกให้ลูกเข้าไปในบ้านเพื่อเอาน้ำมาเสิร์ฟผู้ใหญ่เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่านอนสอนง่าย
“พ่อเลี้ยงดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะ” มีมี่ผายมือให้พ่อเลี้ยงเดินเข้ามานั่งที่ศาลาหน้าบ้าน “ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
พ่อเลี้ยงเรวัชมองหน้าเด็กชายที่เอาน้ำมาวางให้เขาดูก็รู้ว่าเป็นเด็กที่ถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีแน่นอน แล้วแบบนี้เขาจะทำใจทนมองอยู่เฉยๆ ได้ยังไง