"เธอคิดกับพ่อฉันถุงเท่าไร" แววตาของปฐพีในตอนนี้เหมือนเสือพร้อมที่จะขย้ำเหยื่อตรงหน้าทุกเวลา แค่เธอตอบตกลงเขาจะไม่ลีลาสักวินาที
"ถุง??" รุ่งฤดีทวนคำพูดซ้ำเป็นเชิงถาม เพราะเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงถุงอะไร ทำเอาปฐพีถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่ก็ยังยอมใจเย็นเปลี่ยนคำถามใหม่
"ถ้าคำว่าถุงไม่รู้ ถ้างั้นฉันถามใหม่ เธอคิดกับพ่อฉันน้ำล่ะเท่าไร" เสี่ยงทุ้มเปล่งออกมาเพียงเบาๆ
"น้ำ!??" ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ ตั้งแต่คำว่าถุงนั่นแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอมาขอยืมเงินพ่อของเขา
"แล้วพวกเธอใช้ศัพท์อะไรในการพูดกันล่ะ"
"คุณกำลังจะสื่อเรื่องอะไรก็บอกมาเลยดีกว่า ทำไมต้องมีศัพท์ด้วย"
"ทำเป็นหน้าตาใสซื่อ แต่มาหาผู้ชายถึงบ้านเนี่ยน่ะ ฉันคงเชื่อตายล่ะ" ไม่ว่าจะพูดยังไงปฐพีก็ไม่เชื่อว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ และคิดว่าที่รุ่งฤดียังไม่ยอมเขาง่ายๆ เป็นเพราะอยากจะอัพราคาค่าตัวให้มากกว่าเดิม
"วันนี้ฉันคงจะคุยกับคุณไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ วันหลังฉันค่อยมาหาคุณอาใหม่แล้วกัน" พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินมาที่ประตูและกำลังจะเปิดมันออก ยังไงซะตอนนี้แม่ของเขาก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ออกไปตอนนี้คงจะดีที่สุด
"หนึ่งล้านบาท" ชายหนุ่มเสนอราคาไป เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดมาตรงๆ
"หนึ่งล้านบาทไม่พอหรอก" ฝีเท้าของหญิงสาวชะงัก ก่อนที่เธอจะหันกลับมาพูดกับอีกฝ่าย
"ถ้าหนึ่งล้านบาทไม่พอเธอต้องการเท่าไร แต่ฉันบอกได้เลยนะว่าเธอคือผู้หญิงคนแรกที่ฉันให้ราคาสูงขนาดนี้"
"สิบล้านบาท" รุ่งฤดีพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง เธอต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาแม่ที่ป่วย
"สิบล้าน?" เขาถึงกับทวนคำพูดของเธออีกที ถึงมันจะเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย แต่สำหรับคนรวยอย่างปฐพีไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด "หึ.. ถ้าฉันให้เธอสิบล้านจริง เธอทำได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการไหมล่ะ"
"ฉันทำได้ทุกอย่าง แต่คุณต้องเอาเงินมาให้ฉันก่อน"
"เอาเงินก่อนด้วย ฮ่า ฮ่าา" เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมกับสายตาของเขาที่กวาดมองเรือนร่างเธออย่างดูแคลน
"ฉันต้องการจะใช้เงินก้อนนั้นจริงๆ ถ้าคุณจะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาได้เลย แต่ฉันขอร้องเอาเงินมาให้ฉันก่อนได้ไหม" เพราะยิ่งได้เงินมาเร็วเท่าไรมันก็ยิ่งดีต่อการผ่าตัดของแม่เธอเท่านั้น
"เงินตั้งสิบล้านเธอจะไม่ให้ฉันคิดก่อนเลยเหรอ.."
"ฉันคิดว่าเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งคุณคงจะไม่ร่วงหรอก"
"เข้าใจพูดดีนะ วันนี้ฉันยังไม่มีเงินให้เธอหรอก และฉันก็ไม่มีอารมณ์ด้วย"
"ฉันให้คุณได้เต็มที่พรุ่งนี้"
"หึ เธอนี่เซอร์ไพรส์ฉันได้ตลอดเลยนะ" ปฐพียอมรับว่าเขาสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอมีบางอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจและอยากที่จะค้นหา ทว่าไม่ใช่การพิสวาทหรือหลงใหลในความสวยแต่อย่างใด
"ได้! พรุ่งนี้ไปเจอฉันตามที่อยู่นี้" ชายหนุ่มเดินไปหยิบนามบัตรมาส่งให้กับเธอ
"ฉันไปไม่ถูกหรอก และเงินค่ารถก็ไม่มีด้วย" เธอมองดูนามบัตรนั้นแล้วก็บอกเขาไปตามตรง
"หึ..เอาเข้าไป..เธอยังมีอะไรให้ฉันแปลกใจอีกไหมเนี่ย" ปฐพีเดินไปหยิบแบงก์พันจากกระเป๋าตัง ก่อนจะยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้กับรุ่งฤดี "คงพอสำหรับค่าแท็กซี่นะ แค่เธอยื่นนามบัตรให้แท็กซี่ดูเขาก็พาไปถึงที่แล้ว"
"แค่นี้พอแล้ว" หญิงสาวหยิบเอาเงินเท่าที่คิดว่าจะพอแล้วคืนส่วนที่เหลือให้เขาไป
ปฐพีค่อนข้างงุนงงกับการกระทำของผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่เมื่อครู่เขาควักเงินออกมาให้เธอเป็นหมื่นๆ ทว่าเธอกลับหยิบจากมือเขาไปแค่สองพันบาท หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะประจบขอเงินจากเขาไปหมดกระเป๋าแน่ๆ
[โรงพยาบาล]
"หนูไปไหนมาลูก" รุ่งนภามองดูลูกสาวที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยรวม ก่อนจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นลูกสาวหายไปนานขนาดนี้มาก่อน
"หนูไปหายืมเงินมารักษาแม่ค่ะ" รุ่งฤดีตัดสินใจบอกไปตรงๆ เพราะไม่ช้าก็เร็วแม่ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี
"เงินตั้งมากมายหนูจะไปยืมใครล่ะลูก" คนเป็นแม่ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอถอดใจยอมแพ้ตั้งแต่ได้ยินค่าผ่าตัดแล้ว "แม่ว่า.."
"ยังไงหนูก็ไม่ยอมให้แม่ตาย แม่ไม่ต้องมาห้ามหนูเลยนะ แม่ลืมแล้วเหรอชีวิตนี้เรามีกันแค่สองคน ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วหนูจะอยู่กับใคร" ที่เธอพูดทุกอย่างออกไปตรงๆ เพราะรู้ว่าเวลาของคนเป็นแม่เหลือไม่มากแล้ว หากมัวแต่อ้อมค้อมก็กลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
"แต่เงินมันตั้งมากมาย ถึงแม่หายเราก็ไม่มีปัญญาหาเงินไปใช้คืนเขาหรอกลูก" รุ่งนภาตัดพ้อด้วยความปลง เธอไม่กลัวตัวตายเสียด้วยซ้ำ ทว่าเธอห่วงพะวงก็แต่ลูกสาวคนเดียวตรงหน้า เพราะหากเธอลาจากโลกนี้ไปจริงๆ ก็ไม่รู้ว่ารุ่งฤดีจะใช้ชีวิตตัวคนเดียวต่อไปได้ยังไง
"แม่ก็รู้ว่าหนูเก่ง เรื่องแค่นี้หนูทำได้อยู่แล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงยังมองไม่เห็นแม้แต่หนทางจะชดใช้คืน แต่เธอก็พูดออกไปเพื่อให้ผู้เป็นแม่รู้สึกสบายใจ
บทสนทนาของทั้งคู่ตกอยู่ภายใต้การได้ยินของผู้ป่วยเตียงข้างๆ ที่ฟังกันอย่างเงียบๆ ด้วยความเข้าใจ เพราะแต่ละคนต่างก็เจอกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ห้องของคุณหมอ..
"อาจารย์หมอจะมาเมื่อไรเหรอคะ" รุ่งฤดีใจร้อนอยากสอบถามรายละเอียดเรื่องการผ่าตัดเอาไว้ก่อน เพราะอีกไม่นานเธอคงจะได้เงินก้อนนั้นมา และอยากที่จะให้แม่ได้รับการผ่าตัดอย่างเร็วที่สุด
"อาทิตย์หน้าแต่ยังไม่คอนเฟิร์มวันที่นะ"
"อาจารย์หมอจะมาอยู่ประเทศไทยนานไหมคะ"
"ท่านได้รับเชิญให้มาเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยช่วงซัมเมอร์ แต่ถ้ามีงานด่วนท่านก็สามารถปลีกตัวมาทำได้" คุณหมอเองก็เห็นใจญาติคนไข้อยู่มาก
"พรุ่งนี้หนูจะมาให้คำตอบของคุณหมออีกทีนะคะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ" มือเรียวยกขึ้นมาพนมไหว้ ก่อนที่จะออกมาจากห้องของคุณหมอ ก่อนจะกลับไปหาแม่ที่ห้องพักผู้ป่วย
"หนูเหนื่อยไหมลูก" คนเป็นแม่ถามลูกสาวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า เธอรับรู้ว่าตอนนี้รุ่งฤดีกำลังวิ่งเต้นเรื่องการหาเงินมายื้อชีวิตตนอย่างสุดความสามารถ
"หนูไม่เหนื่อยเท่าแม่หรอกค่ะ แม่เจ็บมากไหม" รุ่งฤดีนั่งลงข้างเตียงของแม่แล้วกุมมือท่านไว้
"แม่ไม่เจ็บเลย" ถึงจะเจ็บมากแค่ไหนก็ไม่เคยเอ่ยออกมาให้ลูกได้ยิน เพราะรู้ว่าลูกจะรู้สึกแย่ตามไปด้วย
"เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะแม่" ไม่ว่าจะพยายามเข้มแข็งขนาดไหน แต่ก็ยังมีมุมอ่อนแอ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แท้ๆ แต่รุ่งฤดีก็ทำไม่ได้
เธอสะอึกสะอื้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม ความเหนื่อยและความหวังกำลังตีกันจนทำให้อยากปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นออกมา
เช้าวันต่อมา..
"ไปตามที่อยู่นี้นะคะลุง" รุ่งฤดียื่นนามบัตรที่ปฐพีให้มาส่งให้คนขับแท็กซี่ดู
"ได้ครับ" เห็นที่อยู่ในนามบัตรนั้นแล้วแท็กซี่ก็ขับพามาถึงที่
[คอนโดหรูใจกลางเมือง]
ติ๊งต่อง.. มาถึงหน้าห้องหญิงสาวก็กดกริ่งส่งสัญญาณให้คนข้างในรู้
แอดดดด~
"เข้ามาสิ" ปฐพีเดินมาเปิดประตูด้วยตัวเอง
"คุณเตรียมเงินมาด้วยไหมคะ" นี่เป็นประโยคแรกที่เธอถามทันทีเมื่อเจอหน้าเขา
"ถ้าเป็นเงินสด ฉันไม่มีหรอก แต่ฉันจะเซ็นต์เช็คให้เธอ รับรองได้ว่ามันไม่เด้งแน่" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินไปหยิบเช็คที่เตรียมไว้ออกมาวางให้เธอเห็น แต่ทว่าใบนั้นยังไม่มีลายเซ็นของเขา..