เวลาผ่านไปได้สักพักลูกน้องของมุทิตาก็ตรงเข้ามา ก่อนจะหิ้วปีกของเธอเดินออกไปโดยไม่พูดพร่ำแต่อย่างใด
"ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วย" รุ่งฤดียังมองกลับไปทางด้านหลังเพื่อขอความช่วยเหลือจากปฐพี ถึงแม้ว่าความหวังที่เขาจะยอมช่วยมันมีเพียงน้อยนิด แต่เธอก็ยังหวัง
"เบื่อว่ะ!!" ปฐพีสบถขึ้นเสียงดังลั่นพร้อมกับเดินตามสองคนนั้นออกไป ก่อนจะคว้าแขนของเธอไว้อย่างแรง "ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของผม เดี๋ยวผมจะจัดการเอง ได้ยินว่าแม่จะออกไปดินเนอร์กับพ่อไม่ใช่เหรอก็ไปสิ" พูดจบเขาก็พาเธอกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง
ปั้ง!! หญิงสาวได้แต่พร่ำคิดในใจว่าเขาใช้มือหรือใช้เท้าปิดประตูกันแน่
"ปฐพี" มุทิตาทำท่าจะตามลูกเข้าไป ภายในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถาม
"ผมว่าเราไปดีกว่านะ อย่าไปกวนอารมณ์ลูกเลยเดี๋ยวมันก็หนีออกจากบ้านไปอีกหรอก" เมื่อสบโอกาสปราชญ์ก็รีบใช้จังหวะนี้พาภรรยาออกไปข้างนอก
"อย่าให้แม่รู้อีกนะว่าเอาผู้หญิงเข้ามาในบ้านแบบนี้ แม่ไม่ชอบ" แม้จะโดนสามีลากตัวมาแต่ว่ามุทิตาก็ยังตะโกนเข้าไปในห้องนอนเพื่อบอกปฐพี แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับจากคนข้างใน ปราชญ์รีบพาภรรยาเดินลงไปขึ้นรถเพราะกลัวว่าปฐพีจะรำคาญจนไม่ยอมช่วย
"ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ" รุ่งฤดีกล่าวขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า เพราะหากไม่ได้เขาช่วย ป่านนี้เธอคงถูกพาไปยิงทิ้งจริงๆ แน่ และความหวังที่จะได้เอาเงินไปรักษาแม่ก็ยิ่งจะริบหรี่ลงกว่าเดิม
"คนอย่างฉันไม่เคยช่วยใครฟรีๆ" คำพูดเจ้าเล่ห์ลอดผ่านออกมาจากช่องว่างริมฝีปากของปฐพี พร้อมกับสายตาแพรวพราวที่มองสำรวจเรือนร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
"คุณหมายความว่ายังไง.." เท้าเล็กก้าวถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณจนหลังชนกับผนัง ความกลัวค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ
ปฐพีขยับตามเธอช้าๆ อย่างใจเย็น ราวกับเสือที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อให้จนมุม
"ถามเหมือนไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไร" มือหนาวางขนาบกับผนังเพื่อกักขังคนตัวเล็กไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ส่วนอีกมือก็ค่อยๆ เชยปลายคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน "เธอคิดกับพ่อฉันถุงละเท่าไร"
"ถุง?"