ปานมาศออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเซ็กซี่เหมือนเมื่อคืนแต่วันนี้เครื่องสำอางบนหน้าของเธอถูกล้างออกไม่เหลือคราบแม่เสือสาวหิวสวาทจนดูเหมือนเป็นคนเจี๋ยมเจี้ยมคนหนึ่ง เพราะเธอกำลังทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“กาแฟหน่อยไหม คุณน่าจะต้องการมันนะ”
ชายหนุ่มที่แต่งชุดด้วยชุดสูทชุดใหม่ยืนเด่นเป็นสง่า หล่อออร่าแยงตาไม่พอ ยังมีน้ำใจยื่นกาแฟให้เธออีก
“ขอบคุณค่ะ” ปานมาศลองจิบแล้วก็เบ้หน้าเพราะความขม กาแฟในแก้วมีฟองเยอะจนเธอนึกว่ามีนมกับน้ำตาลอยู่ข้างล่างพอกินแล้วถึงได้รู้ว่าเธอเข้าใจผิด ที่เขาชงมันคือช็อตเอสเพรสโซ่ล้วนๆ ถึงขมตาแตกขนาดนั้น
เธอหันไปแกะนมสดขวดเล็กในตู้เย็นใส่กาแฟที่นาวินทำให้ “คือปานชอบลาเต้ไม่ใส่น้ำตาลมากกว่ากาแฟดำค่ะ” เธอบอกเสียงแปร่ง
สถานการณ์ค่อนข้างกระอักกระอ่วนเพราะเธอต้องซ่อนความแรดให้มิดเลยไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
หญิงสาวจิบกาแฟไปหลายอึกแล้วก็ดื่มน้ำเปล่าตามไป คนที่ยืนพิงโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่กลางห้องถึงเริ่มพูด
“เมื่อคืนนี้ ผมได้ยินเสียงกระแทกที่ประตูห้องเลยไปเปิดดู ผมเห็นคุณเมาคอพับ แล้วมีหัวหน้าแผนกช่าง กับหัวคนสวนหิ้วปีกอยู่คนละฝั่ง คุณบอกกับพวกเขาว่าผมเป็นสามีแล้วก็เข้ามาในห้อง ผมคิดว่าคุณเมามากแล้วจะช่วยพาไปห้องทีหลังเลยให้สองคนนั้นกลับไป แต่พออยู่กันสองคน...” เสียงนาวินสะดุดเล็กน้อย
ส่วนปานมาศนั้นลุ้นตัวโก่ง
“อยู่สองต่อสองแล้วยังไงต่อนะคะ”
“คุณร้องไห้โวยวายไม่ยอมกลับห้อง จะอยู่ห้องนี้ ผมเลยปล่อยให้นอนเตียง คุณบอกว่าต้องกอดสามีแล้วส่งเสียงดัง ผมกลัวคนเข้าใจผิดเลยยื่นแขนไปให้จับ จากนั้นคุณก็ไม่ยอมปล่อยขยับนิดหน่อยก็โวยวาย ผมเลยหลับไปทั้งอย่างนั้นจนเช้า ก่อนนอนผมไม่ได้ถอดชุดคลุมแล้วคุณก็สวมเสื้อผ้าครบนะ ถึงจะตื่นเช้ามาแล้วเสื้อผ้าหลุดไปไหนก็ไม่รู้แต่ผมยืนยันได้ว่าไม่ได้ทำอะไรคุณแน่นอน” ในขณะที่นาวินเล่า เธอเห็นชัดว่าหูเขาแดงขึ้นเล็กน้อย
ก็แหงล่ะ เขาไม่ได้ทำ เธอเป็นคนทำเอง ตอนเมาแล้วหลับเธอชอบทำอะไรเพี้ยนๆ ปานมาศเลยไม่ปล่อยตัวให้เมามากเท่าไหร่แต่เมื่อคืนมันเสียใจเล็กน้อยที่คำทำนายเรื่องมรดกของหมอดูไม่แม่น จากที่หวังลึกๆ ว่าจะหายเหนื่อยด้วยการรวยทางลัด พอผิดหวังก็เลยเสียใจแล้วดื่มหนักจนได้เรื่องในวันนี้...
“ว่าแต่ ระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่มี”
“คุณไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่ใช่สิ ไม่ชอบฉันเหรอคะ ทำไมเราอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้คุณไม่ได้ทำอะไรเลย”
“คุณไม่มีสติ ผมไม่แน่ใจว่าคุณจำสามีผิดคนหรือเปล่าด้วย”
“เมื่อคืนน่าจะเมาจนเพ้อ แต่ตอนนี้มีสติ คุณจะเปลี่ยนใจไหม” เธออยากรูดเนกไทแล้วถอดสูทสีเข้มออกจากตัวเขาแล้วกอดพ่อคนหุ่นหมีให้หนำใจ แล้วชวนเขาทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เคยจินตนาการในฝัน
“...” นาวินเลิกคิ้ว
“ฉันล้อเล่นค่ะ” เธอหยิกขาตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลาไม่กินเบ็ด “เอ่อ คุณคงเสียหายเพราะฉันเมาแล้ววุ่นวายจนคุณต้องลำบาก ฉันต้องรับผิดชอบอะไรไหมคะ”
“ไม่มีอะไรเสียหายหรอก แต่คราวหน้าหากคุณเมาน้อยกว่านี้ก็ดีต่อตัวคุณเองนะ” เอาจริงๆ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่ง เขาจะพาเธอไปเลิกเหล้าที่ศูนย์บำบัดภายในวันนี้เลย แต่เธอเป็นแค่เพื่อนพี่สาว เขาคงเตือนได้แค่นี้
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก แล้วก็ขอบคุณที่ดูแลฉันตอนเมานะคะ เราลืมๆ เรื่องเมื่อคืนไปก็ได้เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เสียหายอะไร” เธอหยิบกระเป๋ามาคล้องไหล่ ค้อมหัวให้เขาแล้วรีบเดินกึ่งวิ่งออกไป
ชายหนุ่มมองตามไปแล้วก็ส่ายหัว เมื่อคืนที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่เรื่องเธอไม่มีสติอย่างเดียวเท่านั้น แต่เพราะวีน่าเคยบอกว่าเพื่อนในกลุ่มของเจ้าตัวมี ‘ผัว’ กันหมดแล้ว เขาเลยต้องทนให้หญิงสาวทั้งล้วงทั้งควักและดึงทึ้งเสื้อผ้าจนหลุดลุ่ย โดยที่เขาทำได้เพียงนอนอดกลั้นอยู่นิ่งๆ
นาวินส่ายหัว เขาไม่เข้าใจปานมาศเลย แต่ที่แน่ๆ ภาพจำที่เขามีต่อเธอมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แค่คิดถึงเป้ากางเกงก็เหมือนจะคับ เพื่อนยัยวีน่าร่ายมนตร์อะไรใส่เขาหรือเปล่านะ
หลังจากเกิดเรื่องน่าขายหน้ากับนาวินในวันวิวาห์ของเจ้านาย ปานมาศก็กลับมาเป็นลูกค้าประจำกาแฟรถเข็นของป้า แม้ว่าจะไม่มีผัวไปอวดเพราะกลัวเจอนาวินที่มักจะไปดื่มกาแฟกับบอสที่ร้านนั้นในตอนเช้า
เมื่อก่อนหญิงสาวชอบไปส่องความหล่อของเขาแต่ตอนนี้เธอยังอายอยู่เลยต้องหลบเลี่ยงจนกว่าจะทำใจให้ไม่คิดอกุศลกับเขาได้ ไม่เช่นนั้นตอนเจอหน้ากันคนหวงตัวเองเขาคงกลัวเธอจนต้องวิ่งหนีแน่
ปานมาศหิ้วแก้วกาแฟที่มีเครื่องหมายสตาร์ลัคที่ป้าทำเลียนแบบกาแฟแบรนด์ดังเข้ามาที่โรงแรมเดอะวนา เมื่อเจอกับนีราที่เดินมาจากทางลานจอดรถเธอก็ไหว้ทักทายอีกฝ่าย
“น้องปาน เป็นไงบ้าง น้องดามีข่าวดีมาเซอร์ไพรส์แล้ว น้องปานล่ะ มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม” เสียงนีราเอ่ยทัก ปานมาศหันไปทำปากยื่นใส่หัวหน้าแผนกห้องอาหารที่ใครๆ ต่างเรียกด้วยความเคารพยำเกรงว่า ‘แม่หมอ’
“เจ๊ ไหนบอกว่าน้องจะมีผัวก่อนยัยดาไงคะ ตอนนี้ยัยดามีผัวไปแล้ว น้องนี่ชวดทั้งผัวทั้งมรดก”
“หืม แต่ภาพที่พี่เห็น หนูมีคนที่หนูเรียกว่าผัวก่อนน้องดาจะแต่งงานแน่นอน พี่เห็นหนูเรียกตอนผมสีเข้ม” นีราทักเพราะวันแต่งงานบอสปานมาศไปเปลี่ยนสีผมเป็นสีสว่างจนทุกคนทักเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยแปลกตาขึ้นมากเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยทำอะไรกับผมสีดำยาวสลวยของตัวเองนัก “พี่จำได้แม่นเลยว่าเห็นในภาพนิมิตตอนน้องปานอยู่กับผู้ชายหุ่นหมีแล้วใส่ชุดสีเหลืองเซ็กซี่ แล้วชุดนั้นน้องปานใส่วันน้องดาแต่งงาน”
นีราเองก็ติดตามผลของการทำนายของตัวเองเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นเห็นจากภาพนิมิต บางครั้งก็มีเสียงกระซิบจากคนที่เธอมองไม่เห็นให้ตีความสู่ผู้ฟังอีกที เธอเลยฝึกฝนแปลความหมายของสิ่งที่รับรู้ให้เต็มที่ เพราะเบื้องบนเลือกเธอแล้วจึงต้องทำให้ดีที่สุด
ขนของปานมาศลุกเกรียว เธอไม่น่าท้าทายความแม่นของแม่หมอเลย เพราะจะว่าไปเธอก็มีผัวก่อนยัยดาจริงๆ เพียงแต่เป็นผัวทิพย์ที่ยังไม่เลื่อนเป็นผัวจริง
แสดงว่าแม่หมอแห่งเดอะวนา ดูดวงแม่นน่ะสิ
“มันก็เกิดขึ้นเหมือนที่เจ๊พูด แต่แค่ได้กอด ไม่ได้ฟินน่ะสิเจ๊” เธอบอกอ่างเสียดาย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เจ๊ แล้วเรื่องมรดกเจ๊เห็นภาพยังไงนะ”
“โฉนดตราครุฑ หนูถือมือสั่นเลย น้ำตาหยดใส่ด้วย แต่ตอนนั้นหนูมีแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายนะ”
“ผัวให้เหรอคะ”
“พี่ไม่แน่ใจ” นีราทำท่าเหมือนคิดว่าจะอธิบายภาพในหัวของตัวเองอย่างไร “แต่เหมือนไม่ใช่ผัวหนูเลย มือเหี่ยวมาก แล้วก็ตัวไม่หุ่นหมีเหมือนหุ่นผัวหนูด้วย... เขาเอาโฉนดให้หนู เหมือนหนูจะมีผัวก่อนได้มรดกอะ เพราะตอนนี้ที่นิ้วหนูไม่มีแหวน”
“...” ปานมาศมองนิ้วนางข้างซ้ายที่ว่างเปล่า ครั้นจะซื้อมาใส่เองก็กระดาก แต่เธอจะหาผัวมาจากไหนก็ไม่รู้ ที่รู้แน่ๆ คือเธอต้องมีผัวเพื่อให้มีมรดก
แรงฮึดอย่างมหาศาลผุดขึ้นในใจของหัวหน้าแผนกบัญชีสาว เธอแยกย้ายกับแม่หมอผู้สร้างความหวังให้ตนเองแล้วเดินกลับเข้าแผนก
“หัวหน้า วันนี้กินกาแฟร้านป้าอีกแล้วเหรอ... ประหยัดไปไหนเนี่ย” อังคนาเพื่อนในแผนกที่ทำงานเสริมเป็นเจ้าของร้านซักรีดในโครงการคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งเอ่ยทัก
“ปานกินร้านป้านานแล้วนี่ ร้านป้าเข้มข้นกว่าเยอะ” สุชาดาเพื่อนในแผนกอีกคนบอกแทน
“ถูกกว่าเยอะด้วย ฉันร้อนเงินน่ะช่วงนี้ ใครมีดีลตรวจบัญชีทำไม่ไหว ส่งมาให้ด้วยนะ”
“โหย ที่ทำอยู่ก็เยอะมากแล้ว ปานต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ จะรวยอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องสวยด้วย อย่าทำงานจนโทรมรู้ไหม” สุชาดาผู้ไม่เคยมีคำพูดบั่นทอนจิตใจใคร ยังเอ่ยเรื่องให้รู้สึกดีที่ได้ฟังเสมอ ต่างจากอังคนาที่พูดไปแขวะไปไม่ค่อยน่าฟัง แต่ใดๆ สองคนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีเพราะพวกเธอทำสนธิสัญญากันไว้ว่า ตีกับแผนกอื่นได้ แต่จะต้องไม่ตีกันเองเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการทำงาน
ปานมาศยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะตอบสุชาดา
“ฉันไม่หักโหมมากหรอก มีเวลาพักอยู่” หญิงสาวนั่งลงพร้อมกับควักน้ำตาเทียมออกจากกระเป๋าถือมาตั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์
สุชาดากับอังคนาถอนหายใจดังพรืดแทบจะพร้อมกัน เมื่อเพื่อนจ้องตัวเลขในโปรแกรมบัญชีจนตาแห้งต้องพกน้ำตาเทียมและแว่นกรองแสงเป็นอวัยวะที่สามสิบสาม หัวหน้าแผนกสาวขยันจนน่ากลัวจะตายก่อนรวย เพื่อนๆ ในที่ทำงานได้แต่เตือนให้ดูแลตัวเองบ้าง
“ทำงานเหมือนเป็นหนี้เลยเพื่อนฉัน เอ้านี่เกือบลืมเอกสารประชุมประจำเดือนที่เธอให้ฉันไปเข้าแทน”
ปานมาศยิ้มน้อยๆ เมื่ออังคนาเอาแฟ้มมาให้
“เป็นยังไงบ้าง”
“ก็คุยสรุปเรื่องปัญหาเคสที่ระบบบัญชีเจอปัญหาไม่ลิงก์กับคอมแม่บ้านตอนกลางเดือนนั่นแหละ ตอนฉันเข้าประชุมมีแต่คนตกใจนึกว่าแกลาออกฉันถึงไปแทน” อังคนาเล่าให้ฟัง
ปานมาศยิ้มแหยๆ เล็กน้อย เมื่อวานเธอให้ลูกน้องเข้าประชุมแทน คงทำให้ทุกคนที่ไม่เคยเห็นเธอลาหรือมาสายตกใจกันบ้าง เมื่อวานเธออ้างว่าปวดท้องเพราะมีรอบเดือนและรีบกลับไปพักก่อน ที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการจะหลบหน้าประธานการประชุมอย่างนาวินที่เข้าประชุมแทนบอสเพราะรู้สึกว่ายังเข้าหน้าเขาไม่ติด
“คุณนาวินถามหาแกด้วย เห็นบอกมีเรื่องจะถาม ฉันเลยบอกว่าแกมาทำงานวันนี้ เดี๋ยวเขาคงมาหาที่แผนก”
คำพูดของเพื่อนร่วมงานทำให้ปานมาศชะงัก
นาวินจะตามหาเธอทำไม หรือว่าเขาเปลี่ยนใจจะให้เธอรับผิดชอบ ถ้าเขาจะเรียกร้องค่าเสียหาย นังปานคนนี้จะเอาที่ไหนมาชดใช้ เมื่อเขาสมบูรณ์แบบจนประเมินค่าไม่ได้ขนาดนั้น
“ปานเป็นอะไร หน้าซีดจัง ปวดท้องอีกเหรอ บอกว่าให้เมนส์หมดก่อนค่อยมาทำงานก็ไม่เชื่อ” อังคนามองเห็นหน้าซีดๆ ของเธอแล้วก็ถาม
“นั่นสิยัยปาน เหงื่อออกเต็มไปหมด แกกลับไปพักที่ห้องก่อนไป กลับไหวไหม”
ปานมาศมองเพื่อนตาปริบๆ เธอกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ วันนี้งานไม่ยุ่งมาก ถ้านาวินจะมาหาที่แผนก เธอก็ขอบายก่อนล่ะ
นาทีนี้คงต้องขอโทษบริษัทที่เธอลาป่วยโดยไม่จำเป็น ถือว่าชดเชยที่เธอไม่เคยลาเลยตลอดเวลาที่ทำงานมาก็แล้วกัน!