ทนไม่ไหว

1243 Words
และท่ามกลางอาคันตุกะมากหน้าหลายตานี้ นอกจากองค์หญิงผู้เลอโฉมมากมายจากต่างแคว้นแล้วยังมีเหล่าองค์ชายรูปงามและแม่ทัพผู้องอาจที่คอยอารักขาเหล่าองค์หญิงของตนที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยก็มีมากมายเช่นกัน สร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้แก่สตรีนางหนึ่งเป็นอย่างมาก นางหาใช่ใคร เจินเจิน นั่งเอง ภายในงานเลี้ยงต้อนรับบรรดาอาคันตุกะเหล่านี้นั้นได้จัดที่นั่งให้บรรดาอาคันตุกะและข้าราชบริพาร ให้นั่งตามลำดับตำแหน่งโดยแยกกันนั่งชายหญิงให้อยู่กันคนละฝั่ง ซึ่งเหล่าองค์หญิงต้องนั่งอยู่ด้านในสุดตรงข้ามกับเหล่าองค์ชาย และบรรดาข้าราชบริพารให้นั่งเยื้ยงกันถัดออกไปตามลำดับตำแหน่งใหญ่ๆไล่ลงไปตามตำแหน่งเล็กๆ โดยแบ่งฝั่งชายหญิงเช่นเดียวกัน อา... แบ่งฝั่งชายหญิงอย่างนี้ช่างดียิ่ง นางจะได้เมียงมองเหล่าบุรุษได้ถนัดถนี่ เจินเจินนั่งคิดในใจขณะกำลังไล่สำรวจบรรดาบุรุษที่นางพึงใจอยู่อย่างเพลิดเพลิน มันเป็นเป้าหมายหลักอันสำคัญยิ่งของเจินเจิน หญิงสาวได้ที่นั่งไม่ไกลกันจากบรรดาองค์หญิง ด้วยเพราะว่าตำแหน่งของนางนั้นนับได้ว่าไม่น้อยหน้าใคร นางกำลังใช้สายตาสอดส่ายไปมาเพื่อทอดมองไปทางแม่ทัพหนุ่มๆและเหล่าองค์ชายรูปงามแต่ละคน แต่ละคน นางสำรวจอย่างเพลิดเพลิน ทีละคน ทีละคน และนางก็ได้เจอ... อา... บุรุษผู้นี้ช่าง... ช่าง... หือ... อีกแล้ว! เจินเจินรีบกระพริบตาถี่รัวเมื่อเจอบุรุษที่ตนพึงใจที่สุด บุรุษผู้นั้นเป็นเจ้าของสายตาสีหมึกดำ ใบหน้าเขร่งขรึมที่แสนจะคุ้นตา หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาตนเองพลางสะบัดใบหน้าเบาๆ ก่อนจะเริ่มมองหาบุรุษคนใหม่ ต้องมิใช่องค์ชายหลี่เซียวเหยา... ต้องมิใช่.... ไม่ใช่... เจินเจินท่องเอาไว้ภายในใจก่อนจะพยายามเมียงมองหาบุรุษคนใหม่ที่ตนพึงใจ แต่ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปที่เหล่าบุรุษมากมายอย่างไร สายตาของนางก็มักจะมาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มเจ้าของสายตาคมกริบสีดำนิลคล้ายรัตติกาลที่แสนจะคุ้นเคยอยู่ร่ำไป เฮ่อ! ขอดื่มเหล้าย้อมใจก่อนเป็นไร ว่าแล้วก็ยกจอกเหล้าขึ้นกระดกลงคออย่างสวยงาม หลี่เซียวเหยาที่นั่งเยื้องกันกับฝั่งตรงกันข้ามนั้นได้ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าองค์หญิงต่างแคว้นเช่นเดียวกัน ด้วยเพราะว่าบรรดาองค์หญิงที่เดินทางมาเชื่อมสัมพันธ์ในครานี้นั้นมิได้มีเป้าหมายเดียวที่ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินแต่อย่างใด โดยพระอนุชาต่างมารดาอันได้แก่องค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงและองค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาย่อมตกเป็นเป้าหมายของพวกนางด้วยเช่นกัน เหล่าบรรดาองค์หญิงต่างทอดมองพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมหยาดเยิ้มยั่วยวนมาทางหลี่เซียวเหยาอย่างเป็นระยะๆมิได้ขาดสาย เพราะรูปร่างหน้าตาของหลี่เซียวเหยานั้นนับได้ว่ารูปงามไม่แพ้ใคร ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงโปร่งงามสง่าแฝงความล่ำสันอยู่ภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี ทั้งหมดนี้กำลังสร้างแรงปรารถนาให้แก่เหล่าสตรีเพศได้ไม่ยาก แต่หลี่เซียวเหยานั้นกลับมิได้สนใจนำพาใดๆกับสายตาของบรรดาองค์หญิง ด้วยกำลังสนใจสตรีนางหนึ่งอยู่ สตรีนางนั้นกำลังกวาดสายตามองหาบุรุษภายในงานเลี้ยงแห่งนี้อยู่อย่างเพลิดเพลินคล้ายไม่สนใจเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มเพียงนั่งกอดอกหรี่ตามองไปยังสตรีนางนั้นด้วยสายตาพิฆาตความคิดโหดเหี้ยม ถ้านางกระโดดไปขี่คอบุรุษคนใดคนหนึ่ง เขาจะเข้าไปปาดคอนางทันที คอยดู! เหล้าจอกแล้วจอกเล่าที่เจินเจินดื่มเข้าไปเพื่อย้อมใจนั้นดูเหมือนว่าจะมิได้ช่วยข่มใจของนางแต่อย่างใด ไม่ว่านางจะสอดส่ายสายตามองไปยังเหล่าบุรุษอื่นใดสักกี่คน แต่สุดท้ายนางก็ต้องมาสะดุดหยุดกึกกับสายตาสีดำนิลของหลี่เซียวเหยาอยู่ทุกทีสิน่า เฮ่อ! ดูเหมือนว่านางจะเป็นเอามากนะนี่ นางพญาจิ้งจอกอย่างเจินเจิน จะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับบุรุษผู้นี้หรืออย่างไร? เวลาผ่านไปจนดึกดื่นค่อนคืน... งานเลี้ยงได้จบลงไปอย่างสวยงามและหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าอาคันตุกะสิ้นสุดลงด้วยท่ามกลางสีหน้าอึมครึมของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินและฮองเฮาหงเหม่ยหลงนั้น เหล่าสาวงามที่มาสร้างความบันเทิงก็รีบพากันแยกย้ายกลับไป เหล่าอาคันตุกะและเหล่าองค์หญิงองค์ชายก็รีบพากันกลับเข้าที่พักกลับเข้าที่นอน เหล่าข้าราชบริพารต่างก็พากันแยกย้ายออกจากวังไป ทุกคนต่างพากันกลับกันไปจนหมดสิ้น ยังคงเหลือไว้แต่เพียงสตรีนางหนึ่งที่ยังคงเพลิดเพลินอยู่กับเหล่าสุราเลิศรส ซึ่งดูจะผิดวัตถุประสงค์ของนางตั้งแต่คราแรกอย่างสิ้นเชิง “เหล้าจ๋า มีแต่เจ้า ที่ถูกใจข้าที่สุด หึหึ” เสียงของเจินเจินนั่งคุยอยู่กับไหสุราอยู่ในศาลากลางสวนสวยอยู่เพียงลำพัง หลังจากงานเลี้ยงได้เลิกราไป นางยังคงดื่มด่ำอยู่กับเหล่าสุราอย่างเดียวดาย “อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ เจ้าอย่าได้มองข้าอย่างนั้น ข้าหัวใจบอบบางนะ มา มาให้ข้ากินเสียดีดี” ว่าแล้วก็ยกเหล้าขึ้นดื่มทั้งไหโดยไม่สนใจจอกเหล้าที่อยู่ใกล้กันแต่อย่างใด “เฮ่อ! เจ้ารู้หรือไม่ เหล้าจ๋า” เจินเจินบ่นพึมพำกับไหสุราต่อ เมื่อดื่มกินมันจนพอใจไปหลายอึก “ข้าน่ะเหงามากๆ เหงาจริงๆ” หญิงสาวบ่นอุบอิบอย่างต่อเนื่องอย่างมึนเมา “หงเหม่ยหลงกับหลิวฉวนหยู่ร์ต่างก็ทอดทิ้งข้า ฮึ! พวกนางต่างก็มีความรัก ต่างได้เจอคนรัก” อึก อึก นางยกเหล้าขึ้นดื่มต่ออีกสองอึกใหญ่ๆ ก่อนพูดต่อกับมัน “มีแต่ข้า ที่ยังไม่มีใคร ฮึ! หา! อะไรนะ จะให้ข้ากินบุรุษในอาณัติรึ บ้าเรอะ! เสียการปกครองหมด ไม่ได้ ไม่ได้ ฮึ! พูดเยี่ยงนี้ เจ้า เจ้า ต้องถูกข้ากิน...” ว่าแล้วก็ยกไหสุราขึ้นดื่มอีกหลายอึกใหญ่ “เหล้าจ๋า เจ้าว่า ข้าควรทำอย่างไรดี ข้าควรเอายาปลุกกำหนัดยัดใส่ปากเขาเลยดีหรือไม่ หา! ไม่ดีรึ ไม่ได้รึ นั่นสิ ไม่ดีหรอก เฮ่อ!” จบคำก็ดื่มเหล้าต่อไป “ถ้าข้าทำอย่างนั้น" “อืม...” "ถ้าอย่างนั้น" "อืม..." "อืม..." "อืม..." "......" "ทนไม่ไหวแล้ว!” และเพียงพริบตาเดียว นางพญาจิ้งจอกเจินเจินก็เกิดสติแตก ตบะแตก จนมาถึงห้องนอนของหลี่เซียวเหยา อา... กลิ่นกายช่างหอมหวล แผงอกช่างบึกบึน เจินเจินหลับตาพริ้มและยังคงนอนกดทับบนเรือนร่างกำยำแผงอกแน่นๆของหลี่เซียวเหยาด้วยอาการมึนเมาพลางกินเต้าหู้ชายหนุ่มอยู่อย่างเพลิดเพลิน ชายหนุ่มเจ้าของกลิ่นกายและแผงอกกำยำ ทำได้เพียงนอนนิ่งงันตัวแข็งทื่อ สตรีนางนี้... นาง... นาง... เขาจะทำอย่างไรกับนางดี…. บัดซบ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD