เจินเจินหยุดกระตุกยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆดังเดิม “ท่านแม่มักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโจรป่าและพวกบุรุษที่ชอบเอาเปรียบท่านให้ข้าฟังอยู่เสมอ ท่านแม่มักจะยัดเยียดความแค้นทั้งหลายของท่านมาให้ข้า ข้าจึงทำอย่างนั้นได้ไม่ยากข้าจึงตัดสินใจฆ่าตาแก่นั่น...ได้ไม่ยาก”
“เจ้าฆ่าชายแก่ผู้นั้นแล้ว ไม่เป็นไรรึ ไม่ถูกจับรึ เจ้าแค่แปดขวบเท่านั้น” ชายหนุ่มที่เพียงนั่งฟังนิ่งๆเริ่มสนใจและไต่ถาม
“แน่นอนข้าถูกไล่จับกุม” เจินเจินตอบกลับก่อนหยุดเอ่ยเสียเฉยๆ
หญิงสาวเพียงเหม่อมองออกไปที่ดอกบัวที่อยู่กลางบึงนิ่งๆอยู่อึดใจ
“แล้ว...” หลี่เซียวเหยาเลิกคิ้วคมขึ้นถามแค่นั้น
“ท่านแม่...” หญิงสาวจึงเริ่มเล่าต่อ
“ท่านแม่ใช้ชีวิตของท่าน เพื่อช่วยข้า” หญิงสาวหลุบตาลงเพียงนิดพลางเอ่ยต่อเนินนาบ
“ท่านสละชีพของท่าน ท่านยอมถูกจับเพื่อให้ข้าได้หนีออกมา”
ความเงียบสงัดจึงก่อตัวและปกคลุมทั้งสองอีกอึดใจ
ผ่านไปซักพักเสียงแว่วหวานก็เอ่ยขึ้นอีกครา
“ข้าโชคดีที่เวลานั้นได้เจอกับหงเหม่ยหลงและหลิวฉวนหยู่ร์ที่ช่วงนั้นท่านประมุขหงซีกวนกำลังพาพวกนางออกท่องยุทธภพและมาเจอกับข้าที่ร่างกายเต็มไปด้วยโลหิตและบาดแผลซึ่งกำลังถูกรุมทำร้ายเพื่อหมายจับกุม ข้าจึงได้มีโอกาสติดตามพวกเขา”
“ข้าได้ฝึกวิชาต่างๆอยู่หลายปี ข้าตั้งใจฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะได้กลับมาที่หอนางโลมนั่นอีกครา” นางยังคงเล่าเรื่องราวอย่างต่อเนื่องด้วยท่วงท่าสบายอกสบายใจ เมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าหลี่เซียวเหยาเริ่มสนใจฟังอย่างจริงจัง
“และเมื่อข้าโตขึ้นข้าก็กลับมาที่หอนางโลมอีกครั้ง ข้าได้ฝึกฆ่าคนโดยการฆ่าบุรุษที่มาซื้อบริการกับหญิงคณิกา และช่วงจังหวะที่บุรุษพวกนั้นกำลังมัวเมาอยู่บนเรือนร่างของอิสตรีช่างเป็นจังหวะที่ข้าปลิดชีพพวกมันได้อย่างน่าอัศจรรย์”
เจินเจินหยุดการเล่าเรื่องราวเพียงนิดพลางอมยิ้มแล้วหลุดหัวเราะคิก ก่อนเอียงหน้าไปถามชายหนุ่มที่นั่งฟังตาปริบๆ “ท่านว่าข้าโหดหรือไม่”
หลี่เซียวเหยาเพียงหรี่ตาคมเข้มมองสบสายตาของนางแล้วใช้ความเงียบแทนคำตอบ
เขาเพียงทอดสายตามองสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ไกลกันนี้อย่างนึกระแวงขึ้นมาอยู่หลายส่วน
บุคลิกของนางที่ดูจะสนุกสนานขี้เล่นอยู่ตลอดเวลากลับมีมุมที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
“ท่านรู้อะไรหรือไม่” เจินเจินยังคงกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดี “ไม่ว่าข้าจะฆ่าบุรุษที่ชอบเอาเปรียบสตรีไปมากมายกี่คน แต่มันก็ไม่หมด มันไม่มีวันหมด และยังคงมีมากเหมือนเช่นเคย ข้าจึงเปลี่ยนใจ หลอกล่อให้บุรุษมาอยู่ใต้อาณัติของข้าเสียเลย ท่านลองนึกภาพตามข้านะ” เจินเจินลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าทางประกอบ
“ข้าผู้ยืนอยู่เบื้องบน เอามือป้องปากหัวเราะ โฮะ โฮะ โฮะ อยู่แบบนี้ แล้วมีบุรุษมากมายอยู่เบื้องล่างของข้า” ว่าแล้วก็ทำท่าเอามือป้องปากหัวเราะ พร้อมปรายตามองเบื้องล่างตรงพื้นหญ้าอย่างอารมณ์ดี จนหลี่เซียวเหยาเห็นภาพชัดเจนประหนึ่งดังภาพวาดกระนั้น
“ในเมื่อบุรุษเอาเปรียบอิสตรีได้ ข้าย่อมทำได้เช่นกัน โฮะ โฮะ โฮะ” นางยังคงเอ่ยต่อพร้อมทำท่าเดิมประกอบ
แต่เมื่อเห็นแล้วว่าชายหนุ่มผู้ที่ถูกบังคับให้ฟังเรื่องราวไม่มีทีท่าจะหัวเราะตาม นางจึงกระแอมครั้งหนึ่งก่อนทรุดตัวลงนั่งท่าเดิม พลางถามเสียงเบา “ไม่ขันรึ?”
“เรื่องที่เจ้าเล่ามา มีส่วนใดน่าขัน” เขาตอบนิ่งๆ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในอดีตของนาง
สตรีนางนี้ทำเขาได้เปิดหูเปิดตายิ่งแล้ว
“เฮ่อ! อดีตก็ส่วนอดีต ความเจ็บปวดเหล่านั้น ข้าเจ็บมามากพอแล้วในอดีต” หญิงสาวรับรู้ได้จากสายตาของชายหนุ่มที่มองมาจึงกล่าวขึ้นอย่างไม่ถือสาในอดีตของตนเอง
“แต่ถึงอย่างไร เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับกามารมณ์ ย่อมเป็นสตรีที่เสียเปรียบ มิใช่บุรุษ” เขาเอ่ยขัดขึ้นเมื่อนึกถึงภาพที่สตรีนางนี้ชอบแอบกินเต้าหู้เขาอยู่ร่ำไป
“เห็นข้าเป็นอย่างนี้ ข้าก็เลือกปฏิบัติอยู่นะ” เจินเจินเอ่ยขึ้นอย่างรู้ความนัยของบุรุษผู้นี้
“อีกอย่าง” หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเว้นระยะอีกเพียงนิด
“ข้ามิชอบอยู่ใต้ร่างบุรุษ”
คำพูดตรงไปตรงมาของเจินเจินทำเอาหลี่เซียวเหยาถึงกับทำหน้าไม่ถูก
เจินเจินยังคงเอ่ยต่ออย่างไม่นึกละอายแต่อย่างใด “ถ้ามิใช่บุรุษที่มีความรักให้แก่ข้าแล้ว ข้าย่อมไม่ขึ้นเตียงด้วย แต่กับบุรุษที่ข้ารู้สึกชื่นชอบข้าก็ขอกินเต้าหู้บ้างก็เท่านั้น”
หญิงสาวกดเสียงให้เบาลงก่อนเอียงหน้าเหล่สายตามองมาทางหลี่เซียวเหยาพลางเอ่ยเย้า “ท่านเป็นผู้นั้น”
ชายหนุ่มเพียงหรี่ตามองตอบนิ่งๆมิได้เอ่ยคำใด
ช่างหน้าไม่อาย! เขาคิดในใจ
“แล้วท่านเล่า” หญิงสาวเปลี่ยนบริบทเอ่ยถามชายหนุ่มเสียอย่างนั้น “ท่านคงรักอดีตชายาของท่านอยู่อย่างมากมาย จนไม่อาจจะขึ้นเตียงเริงรื่นบนเรือนร่างของสตรีนางใดกระมัง”
ประโยคของนางยังคงตรงไปตรงมาอย่างไม่มีความละอายอยู่เช่นเดิม ชายหนุ่มนิ่งฟังพลางคิดในใจ ในอดีตครานั้น เมื่อยามที่เขาร่วมรักกับชายาของเขา สตรีนางนั้นคงกำลังนึกถึงหน้าของบุรุษอื่นอยู่
แค่นึกถึงตรงนี้
เขายิ่งนึกรังเกียจ
สตรีช่างน่ารังเกียจ
เจินเจินเห็นเขานิ่งเงียบไปไม่ยอมตอบคำถามใดๆ นางจึงคิดเอาเองว่าเขาคงยังรักปักใจอยู่กับอดีตชายาของเขาอยู่อย่างเหนียวแน่น
ซึ่งนางก็ไม่คิดจะแข่งขันกับผีกับสตรีที่ตายไปแล้วแต่อย่างใด
และถึงแม้ว่านางจะยังไม่มีโอกาสได้ประสบพบเจอกับบุรุษที่จะสามารถมอบความรักปักใจให้แก่นาง นางก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจอันใด
นางก็แค่มองหาไปเรื่อยๆ
อืม...
ตั้งแต่เกิดมานี่
เห็นจะมีบุรุษแค่ไม่กี่คนที่นางชื่นชมและชื่นชอบ
หงซีกวนท่านประมุขของสำนักหมื่นโลกันต์ผู้มีพระคุณล้นเหลือ
หลี่ซื่อหมินฮ่องเต้แคว้นต้าหลี่พระสวามีของฮองเฮาหงเหม่ยหลงเจ้านายสายตรงของนาง
และก็หลี่เซียวเหยาผู้นี่ ผู้ที่มีรักปักใจกับอดีตภรรยาที่ตายไปกระมัง
อา...
นางคงมีความคาดหวังในตัวบุรุษสูงเกินไป
บุรุษแต่ละคนที่นางชมชอบช่างอยู่สูงเกินเอื้อม
ผิดกับสตรีเช่นนาง
ชาตินี้...
นางคงต้องอยู่ไปอย่างนี้เสียแล้ว....
เจินเจินคิดอย่างเข้าใจในชีวิตพร้อมปลดปลงและยอมจำนนอย่างอ่อนใจ