“ยอมแล้ว ยอมแล้ว”
เสียงหวานที่กำลังหวีดแหลมของเจินเจินร้องขึ้นอย่างโหยหวนเพื่อห้ามปรามบุรุษรูปร่างสูงสง่าที่กำลังจับอุ้มร่างระหงของนางเพื่อหมายจะโยนทิ้งลงไปในบึงดอกบัวกลางสวนสวยของตำหนักหลี่เซียวเหยา
“จะล่วงเกินข้าอีกหรือไม่” หลี่เซียวเหยาคำรามเสียงกดต่ำขณะชูยกร่างบางของเจินเจินเพื่อหมายจะโยนนางทิ้งลงในสระน้ำแห่งนี้
“มันหนาวน๊า” เจินเจินอ้อนเสียงโอดครวญอยู่บนอ้อมแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่ม
“ตอบ!” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำคำรามรอดไรฟันพร้อมทำท่าจะโยนร่างของหญิงสาว
“ไม่แล้ว ไม่แล้ว ปล่อยก่อน ปล่อยก่อน ค่อยๆคุยกัน” หญิงสาวรีบส่งเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มอย่างมีจริตมารยาใส่เจ้าของวงแขนแข็งแรงที่พร้อมจะทุ่มนางลงไปในบึงสระบัว
“ถ้าเจ้ามิใช่คนของหงฮองเฮา ข้าคงสั่งประหารเจ้าไปแล้ว” หลี่เซียวเหยายังคงคำรามเสียงเครียดใส่หน้าสตรีในอ้อมแขน
“ถ้าท่านฆ่าข้า... ลูกน้องของข้า...ย่อมตามมาเผาตำหนักของท่านน๊า” เจินเจินยังคงเถียงออกไปแม้น้ำเสียงจะติดโอดครวญพลางส่งสายตามองหาลูกน้องของตน
มันหายหัวไปไหนกันหมด! หึ!
“เช่นนั้นจงลงไปเล่นน้ำในสระบัวเสีย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทำท่าจะโยนอีกครั้ง
“ไม่เผา เพคะ ไม่เผา” หญิงสาวร้องเสียงหลงพลางโอบกอดกระชับรอบลำคอหนาของชายหนุ่มเอาไว้อย่างแนบแน่น
“ลงไป” เขาทำท่าโยนลงสระ
“ไม่...นะ...” นางกระชับกอดแน่น
ทั้งสองชายหญิงต่างยื้อยุดกันไปมาอยู่ริมขอบสระบัว ฝ่ายหนึ่งจับอุ้มร่างบางนุ่มนิ่มเอาไว้พร้อมทำท่าจะโยนออกไป อีกฝ่ายหนึ่งโอบเกี่ยวรอบลำคอรอบช่วงไหล่พัลวัน
“เหนื่อยแล้ว พักก่อน”
“แล้วคิดว่าข้าไม่เหนื่อยรึ”
“เอาน่า องค์ชาย...” เจินเจินลากเสียงยาว “ข้าก็แค่อยากให้ท่านได้ปลดปล่อยบ้าง”
ประโยคของเจินเจินทำหลี่เซียวเหยาต้องก้มหน้ามองนาง
หญิงสาวยังคงเอ่ยเย้า “เป็นอย่างไร โล่งหรือไม่”
“ไม่!”
“เฮ่อ! ท่านควรปล่อยวาง”
“มันมิใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า”
“ก็ข้าชอบท่าน”
“แต่ข้าไม่ชอบเจ้า”
“แล้วอย่างไร”
“เจ้า!” หลี่เซียวเหยาเอ่ยแค่นั้นพร้อมทำท่าจะโยนเจินเจินลงสระบัวจริงๆ
หญิงสาวรีบเอ่ยอย่างร้อนรน “ยอมแล้ว พอแล้ว ไม่ชอบก็ไม่ชอบ โธ่!”
ชายหนุ่มก้มมองหน้าของหญิงสาวที่ตนโอบอุ้มอยู่แนบอกเพียงนิด ก่อนจะวางร่างนั้นของนางลงบนพื้นดินอย่างแรง
นางบังอาจมาแกล้งเขา เขาแค่อยากเอาคืนบ้าง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามิเคยได้ทำอะไรอย่างนี้มานานแล้ว
ตั้งแต่เกิดเรื่องอัปยศครานั้น เขาที่เป็นถึงองค์ชายจึงรู้สึกได้ว่าถูกหยามเกียรติจนไม่อาจคิดที่อยากจะมีชีวิตอยู่สู้หน้าผู้ใดได้อีก
เขาผู้ที่ไม่คิดจะมีอนุ
เขาผู้ที่รักปักใจเพียงชายาของตน
เหตุใดเขาจึงต้องเจอเรื่องอัปยศเยื่ยงนั้น
มันไม่ยุติธรรม
เขาจึงเก็บตัวเก็บตนกลบฝังตนเองมาโดยตลอด
กลบฝังตนเองจนมิด มิดเสียจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้
กลับถูกสตรีร้ายกาจตนนี้ขุดขึ้นมา
“นั่งก่อน ใจเย็นก่อน” เจินเจินที่ถูกโยนทิ้งลงพื้นแต่กลับกลิ้งตัวได้อย่างสวยงามเอ่ยขึ้นกับหลี่เซียวเหยา
ชายหนุ่มจึงหลุดจากภวังค์ของตนก่อนนั่งลงอย่างเสียมิได้ ด้วยเพราะเหน็ดเหนื่อยกับสตรีนางนี้มาครู่ใหญ่
ทั้งสองจึงอยู่ในลักษณะของการนั่งพักเหนื่อยอยู่ริมสระบัว คล้ายสหายพากันนั่งชมทิวทัศน์กระนั้น
บรรายากาศโดยรอบกลับมาเป็นปกติ
แสงแดดทอประกาย สายลมพัดผ่าน ใบไม้ปลิวว่อน
ความเงียบสงบจึงเกิดขึ้น
แต่…
เพียงไม่นาน
“ข้าจะเล่านิทานให้ท่านฟัง ดีหรือไม่” จู่ๆเจินเจินก็เอ่ยขึ้นเนิบๆ ซึ่งแม้ว่าจะไร้ปฏิกิริยาตอบรับหรือปฏิเสธอันใดจากบุรุษผู้หย่อนกายลงนั่งไม่ไกลกัน แต่หญิงสาวก็ยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“มีสตรีนางหนึ่ง” หญิงสาวเริ่มเรื่องโดยไม่หันไปมองบุรุษผู้ที่นางเองก็ไม่แน่ใจว่าจะฟังหรือไม่ “นางถูกโจรป่าหลายคนช่วยกันรุมขืนใจอย่างไร้ทางต่อสู้”
ประโยคนั้นทำเอาหลี่เซียวเหยาที่ไม่คิดจะฟังกลับต้องชะงักฟังตาปริบๆ แต่ยังคงนั่งนิ่งๆหันหน้ามองออกไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสตรีเจ้าของประโยค
เสียงเนิบนาบของเจินเจินยังคงเล่าต่อเนื่อง “หลังจากโจรป่าใจทรามพวกนั้นขืนใจสตรีนางนั้นจนครบทุกคนแล้วนั้น ต่อมาสตรีนางนั้นก็ถูกโจรป่าจับมาขายเป็นหญิงคณิกาให้หอนางโลมแห่งหนึ่ง และ...เพียงไม่นาน...ท้องของนางก็เริ่มบวมนูน...ถึงได้รู้ว่าตัวของนางนั้นได้ตั้งครรภ์เสียแล้ว”
หลี่เซียวเหยายิ่งชะงัก แม้จะยังมิได้หันไปทางเจินเจิน
“สตรีนางนั้น” เสียงทุ้มต่ำของเขาที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากผู้เล่าเรื่องราวเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เป็นเจ้า...” เขาถามเบาๆตามความคิดสันนิษฐาน
เจินเจินส่ายหน้าเบาๆก่อนเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดังเดิม “ข้าเป็นบุตรสาวของสตรีนางนั้น”
คำตอบของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเริ่มตั้งใจฟังน้ำเสียงหวานๆของนางที่ยังคงเล่าเรื่องราวต่อไป
“ข้าเกิดและเติบโตมาในหอนางโลมนั่น เมื่อข้าอายุได้ประมาณห้าขวบข้าได้แอบเห็นบรรดาบุรุษและสตรีทำกิจกรรมแปลกประหลาดบนเตียงนอนอยู่บ่อยครั้งและได้เห็นมาโดยตลอด จนรู้สึกชินชา...”
หญิงสาวทำท่าไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระขณะยังคงเอ่ยต่อ
“พอข้าอายุได้เพียงแปดขวบนั้น...ด้วยความสวยของข้าที่เริ่มปรากฏแก่สายตาก็มีชายแก่ผู้หนึ่งรู้สึกพิศวาสข้าขึ้นมา จึงขอซื้อข้าไปร่วมหลับนอน”
ประโยคนั้นของเจินเจิน ทำหลี่เซียวเหยาใจกระตุก
อีกแล้ว!
“และนั่น ก็เป็นครั้งแรก ที่ข้าได้ฆ่าคน” เจินเจินยังคงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงปกติคล้ายกับว่ามิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด
“ข้าอาศัยจังหวะตอนที่ชายแก่ผู้นั้นกำลังก้มหน้าก้มตาถอดเสื้อผ้าของมัน ข้าเข้าจู่โจมโดยการจ้วงแทงมันตรงคอด้วยปิ่นปักผมไปหลายครั้งก่อนจะใช้มีดที่ท่านแม่แอบให้ไว้ก่อนเข้าห้องแทงซ้ำเข้าไปไม่ยั้ง”
หญิงสาวหรี่ตาแวววาวพลางเรื่องราวอย่างเอ่ยต่อเนื่อง
“ข้ายังคงจ้วงแทงมันแม้ว่ามันจะสิ้นใจตายไปแล้ว โลหิตสีแดงฉาดของมันกระจุยกระจายจนอาบไปทั่วร่างกายของข้า”