ตอนที่ 12

1218 Words
12 จวบจนวันนี้บาดแผลทางใจก็ดูเหมือนไม่เจ็บปวดสักเท่าไหร่ เพราะนางมิได้มีใจรักเขาตั้งแต่แรกกระมัง อันความรักของหญิงสาวกับชายหนุ่มเหตุใดจึงเข้าใจยากนัก นางเจ็บปวดเมื่อพบว่าเขาสูญเสียดวงตาไปทั้งสองข้าง นางรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเพราะเขาทอดทิ้งนาง สุดท้ายจึงกลายเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้กลางทางเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็ว วันนี้ในตลาดดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยเพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีราชทูตจากแคว้นเหลียนมาเยือน เห็นว่าจะมีเจริญความสัมพันธ์เชื่อมไมตรีที่มีต่อกันมายาวนานแต่ทว่าก็คล้ายเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงอีกแคว้นเช่นเดียวกัน ในวังหลวงก็เร่งจัดเตรียมสถานที่ต้อนรับคณะทูตไม่ให้อีกฝ่ายดูแคลน แต่ทว่าแคว้นเฉิงก็หาได้เหยียดหยามแค้วนเหลียนไม่ หลัวเนี่ยเจินวัน ๆ อยู่ในพระตำหนักของไทเฮา กิจวัตรของนางก็มีแค่กินและก็นอน บางครั้งก็เข้าไปอยู่ในสำนักหมอหลวงบ้าง ในมือของนางหากไปที่ใดมักจะมีตำราพิสดารถือไปด้วยทุกครั้ง ยามนี้ทุกคนต่างก็ไม่กล้าวุ่นวายกับนางมากนัก ด้วยเพราะรู้ว่านางเป็นทายาทของท่านหมอเทวดา ขนาดหวงตี้ประชวรปวดเศียรบรรทมไม่หลับ นางก็รักษาจนหายดี ฮองเฮาที่ไม่ค่อยชอบหน้านั่นเพราะบุตรชายทั้งสองหมายตาสตรีหย่าร้างหรือเป็นหม้าย อีกทั้งพระมารดาแผ่นดินมีหลานสาวที่เหมาะจะเข้าอภิเษกเป็นไท่จื่อเฟย ดูอย่างไรก็เหมาะสมกว่าสตรีมีตำหนิด่างพร้อย สตรีทั้งสองเดินตลาดที่วันนี้จะดูคึกคักนัก ผู้คนก็ต่างพากันออกมาจับจ่ายใช้สอยอย่างเนืองแน่น ร้านค้าสองข้างทาง ต่างก็พากันส่งเสียงเรียกลูกค้าเข้าร้าน “คุณหนูวันนี้คนมากพลุกพล่านระวังเอาไว้ด้วยนะเจ้าคะ” อาชุนดูแลเจ้านายไม่ห่างด้วยเพราะรู้ว่าคุณหนูของนางแม้ภายนอกจะดูสูงศักดิ์ แต่นางมีปัญหาคือมักจะสะดุดล้มบ่อย ๆ นั่นเพราะเวลาเดินมักจะเร่งรีบทำให้เป็นเหตุสะดุดล้ม “ระวังล้ม!” พูดไม่ขาดปาก คุณหนูผู้งดงามล้มจนหมวกคลุมหน้าหลุดออกมา “ว้าย!” ที่ล้มก็เพราะถูกท่านน้าอาชุนทักแท้ ๆ เบื้องหน้าของนางมีเด็กน้อยคนหนึ่งยืนถือซาลาเปาเอาไว้ในมือ มองมายังนางที่ล้มจนหัวเข่าทั้งสองข้างเป็นแผล กระโปรงเป็นรอยซึมด้วยเพราะโลหิตเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่น “ท่านแม่” เจ้าซาลาเปาตัวน้อย โอบกอดคอของเนี่ยเจินราวกับรู้จักกันมานานเสียอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังมาเรียกท่านแม่กลางตลาดอีกด้วย “ท่านแม่ ท่านแม่!” ...เนี่ยเจินกำลังงุนงงเด็กคนนี้หลงมาหรือไม่ เหตุใดชุดที่เขาสวมนั้นดูหรูหราและราคาแพงเช่นนี้นะ ใครกันช่างปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้ออกมาเดินท่ามกลางผู้คนมากมาย “ข้าไม่ใช่” กำลังจะพูดแต่ทว่ามีคนกลุ่มใหญ่วิ่งกรูกันเข้ามาเสียก่อน ล้อมนางและท่านน้าอาชุน รวมถึงเจ้าตัวเล็กนี้อีก “ปล่อยตัวคุณชายน้อยนะ” หนึ่งในชายกลุ่มใหญ่กล่าวขึ้น เนี่ยเจินลุกขึ้นยืน แต่ทว่าเจ้าซาลาเปานั้นยังกอดนางไม่ยอมปล่อย ให้ตายสิ ขนาดอาชุนยังตกใจคิดจะดึงมือป้อม ๆ น้อย ๆ ออกแต่ไม่เป็นผล “อย่ามาขึ้นเสียงใส่คุณหนูของข้านะ! เป็นเจ้าหัวผักกาดนี่ต่างหากวิ่งเข้ามากอด แล้วพูดอะไรกัน ท่านแม่ อ้อใช่ ท่านแม่” อาชุนไม่ยอมความคนพวกนี้ เข้ามาเสียกลุ่มใหญ่แต่งกายเหมือนกันหมด ยังจะมีขึ้นเสียงใส่เจ้านายของนางโดยไร้เหตุผลอีก “คุณชายน้อยขอรับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งย่อตัวลงมาระดับความสูงนั้นสูงกว่าเจ้าหัวผักกาดเล็กน้อย “นางไม่ใช้ท่านแม่ของคุณชาย กลับไปหานายท่านเถิดขอรับ” น้ำเสียงทุ้มแต่ฟังดูอบอุ่นนัก เจ้าเด็กน้อยคนนั้นดังกล่าวที่ถูกเรียก หันหน้ากลับมาแล้วคลายอ้อมกอดออก “...” ไม่มีการโต้ตอบของเจ้าหัวผักกาด แต่ทว่าเขาเริ่มเบะปากร้องไห้โฮทันใด บังเกิดเสียงจ้าของเด็กเจ้าปัญหา ตัวเล็ก ๆ เพียงเท่านี้แผดเสียงดังจ้าทีเดียว ทุกคนต่างแสบแก้วหูพลางไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขาเงียบดี เขายังกระทืบเท้างอแงอย่างหนัก ดวงตาคมกริบของเจ้าตัวก่อเรื่องนั้นมีไข่มุกร่วงลงมาเป็นสายช่างน่าสงสารนัก หลัวเนี่ยเจิน จึงรวบเจ้าเด็กน้อยคนนี้ขึ้นมากอด พลางอุ้มเขาอีกด้วยมือนุ่มนิ่มลูบแผ่นหลังปลอบโยนด้วยความสงสารระคนเอ็นดู “เงียบเถอะนะ อย่าร้องไห้อีกเลย ร้องไห้ไม่เห็นน่ารักสักนิด” เสียงหวานของนางช่างเป็นหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวใจอันเจ็บปวดของเจ้าตัวก่อเรื่องจริง ๆ ทุกคนที่เดินผ่านไปมา ต่างก็หยุดมองดูคนกลุ่มใหญ่ ทหารส่วนหนึ่ง เดินเข้ามาทักทาย เพราะเคยได้รับความช่วยเหลือจากท่านหญิง “ท่านหญิงขอรับ เกิดอะไรขึ้นต้องการให้ข้าน้อยช่วยหรือไม่” ทหารเดินลาดเวรยามในตลาดกล่าวขึ้นมาอย่างนอบน้อม พลางเหลือบมองเด็กชายผู้หนึ่งถูกท่านหญิงโอบอุ้มปลอบประโลมเหลือเพียงแค่สะอื้นเบา ๆ “ไม่เป็นอันใดหรอก แค่บังเอิญพบเด็กหลงทางเท่านั้น” เนี่ยเจินกล่าวขึ้น นางไม่ได้สวมหมวกคลุมหน้าแล้ว เพราะถูกชาวบ้านเหยียบมันเลอะไปหมด นางเองที่ซุ่มซ่ามอยู่เรื่อยจนทำให้หัวเข่าทั้งสองข้างบาดเจ็บ “ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยจะได้เดิน ลาดตระเวนต่อ” ช่วงนี้ในเมืองย่อมตรวจตราอย่างเข้มข้น เพราะจะมีคณะราชทูตจากแคว้นเหลียนเดินทางมาสานสัมพันธ์ กับแคว้นเฉิง “ท่านหญิงแล้วเจ้าเด็กคนนี้จะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ” อาชุนจะอ้าปากถามต่ออีก แต่ถูกเสียงของสตรีอีกคนกล่าวขึ้นมา เหมือนกำลังร้อนใจนัก “คุณชาย” หญิงสาวคนหนึ่งเดินแหวกวงล้อมเข้ามา ใบหน้าดูน่ารักแต่งกายดูงดงาม “มาหาอี๋เหนียงเถิดเจ้าค่ะ เด็กดี” นางกล่าวด้วยถ้อยคำอันนุ่มนวล แต่ทว่าเมื่อนางเดินเข้ามานั้น กลับยิ่งทำให้เจ้าเด็กคนนี้ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ หลังจากที่หยุดร้องมาได้ครู่หนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึง จู่ ๆ ก็สร้างความไม่พอใจให้สตรีคนนี้อีก “คุณชาย หากท่านไม่มาหาอี๋เหนียงละก็ รับรองว่าท่านพ่อจะไม่รักนะเจ้าคะ” นางกำลังข่มขู่เด็กน้อย อายุเขาเพียงแค่ห้าหนาว ไร้มารดา มีเพียงแค่ซานอี๋เหนียง หรืออนุซานเท่านั้นที่ดูแลเขามาได้สักพักหนึ่งแล้ว “เฉิงจื่อรุ่ย ปล่อยนางเสียเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วพ่อจะลงโทษเจ้า!” เสียงคำรามดังมายังไม่ทันจะถึงตัวของเจ้าเด็กตัวปัญหา แต่ทว่าพอได้ยินเสียงนี้ทันใด กลับทำให้เจ้าหัวผักกาดกอดคอของนางแน่นไม่คลายอ้อมกอด เฉิง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD