1
1
ไป๋เหม่ยเจินเป็นบุตรีของฮูหยินรองเนี่ยซู หลังจากคลอดลูกสาวได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน จู่ ๆ หลัวซื่อก็ด่วนจากไปโดยมิได้ล่ำลาผู้ใด เหลือเพียงแค่เจ้าก้อนแป้งนอยเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานมารดาก็สิ้นใจไปเสียแล้ว เจ้าก้อนแป้งมีนามว่าไป๋เหม่ยเจิน มารดาเป็นคนตั้งให้ ยามเกิดนั้นบิดาไม่ได้อยู่ที่จวน เดินทางไปต่างแคว้น ในจวนนี้จึงมีเพียงแค่ฮูหยินเอก และฮูหยินรอง เวลาคลอดก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันนัก
กวนซื่อคลอดเจ้าก้อนแป้งก่อนหน้าเพียงแค่สามเดือน ดังนั้นจึงกลายเป็นคุณหนูใหญ่ไป๋เหม่ยจู บุตรีของฮูหยินใหญ่ ที่นางดูมีเมตตาต่อบ่าวไพร่รวมไปถึงฮูหยินรองหลัวเนี่ยซูอีกต่างหาก ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากที่หลัวซื่อจากไป
ฮูหยินใหญ่ก็จึงได้หาแม่นมมาดูแลคุณหนูรองและเลี้ยงคู่กับคุณหนูใหญ่บุตรีของตน มอบความรักความเอ็นดูเหมือนลูกสาวที่เกิดจากสายเลือดเดียวกัน ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชมว่าฮูหยินใหญ่เอ็นดูลูกสาวคนเล็กนัก แต่หารู้ไม่ว่า นางมีแผนการอันใดอยู่
เมื่ออายุได้สิบเจ็ดหนาวเลยวัยปักปิ่นได้มาหนึ่งปีเต็ม คุณหนูใหญ่งดงามน่ารักเป็นที่ชื่นชอบของบุรุษ แต่ทว่าถูกแม่สื่อทาบทามขอหมั้นหมายนางมาเป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพหยาง ยามนี้อยู่ชายแดน อีกหนึ่งปีกลับมาพร้อมจะแต่งภรรยาเข้าจวนทันที
ส่วนไป๋เหม่ยเจิน ยังไร้คู่หมาย นางเฝ้าคิดถึงแต่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาได้ช่วยชีวิตนางให้ฟื้นจากความตาย หากไม่ได้เขามาช่วยเอาไว้ ป่านนี้นางคงอยู่แดนปรโลกไปแล้ว แม้รู้สึกเสียใจยิ่งที่ตนไม่ได้ถูกชายหนุ่มที่เฝ้าแอบมองหมายตา กลับเป็นพี่สาวของนาง
จวบจนหนึ่งปีต่อมา แม่ทัพหยางจงหมิงกลับมา พร้อมกับข่าวร้ายก็คือดวงตาของเขามืดบอดจนมองไม่เห็น หมอหลวงไร้หนทางรักษา ข่าวลือนี้ลอยมาเข้าหูคุณหนูใหญ่ไป๋เหม่ยจู ด้วยเพราะหวาดกลัวจะต้องแต่งงานไปกับคนตาบอด นางจึงอดข้าว อดน้ำ วางแผนประท้วงบิดา กดดันให้บิดายอมถอนหมั้นกับอีกฝ่ายเสีย
หากไม่ถอนหมั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรนางก็ไม่แต่งเด็ดขาด หรือหากกลัวเสียหน้า กลัวเสียหายก็ส่งน้องสาวของนางไปแทน แผนนี้วางเอาไว้อย่างแยบยล บิดาหาได้รู้เรื่องอันใดไม่ นางกำลังยัดเยียดคนไร้ความสามารถให้น้องสาว
“ท่านแม่ให้ตายข้าก็ไม่แต่งงานกับคนตาบอด” เหม่ยจูเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องนี้นางไม่ทางยินยอมอย่างเด็ดขาด จะให้นางแต่งงานไปกับคนพิการได้อย่างไรกัน รูปโฉมของนางก็งดงามโดดเด่น เขาเป็นถึงแม่ทัพผู้กล้าหาญ แต่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง ชีวิตของนางหากอยู่ในจวนของเขาจะมีหน้ามีตาได้อย่างไรกัน ถูกผู้คนหัวเราะละสิไม่ว่า
“เจ้าจะคิดมากทำไมกัน อย่างไรเขาก็ไม่มีภรรยาอื่นนอกจากเจ้า” มารดาโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก น้ำเสียงนั้นดูอ่อนโยนและหวงแหนลูกสาว นางครุ่นคิดอยู่และก็เจ็บปวดยิ่ง หากจะให้ลูกสาวของนางแต่งงานออกเรือนไปกับคนตาบอดทำให้ผู้อื่นหัวเราะนินทาได้สนุกปาก
“ท่านแม่ เขาเป็นคนตาบอดจะให้ข้าแต่งงานกับเขาได้อย่างไรกัน หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเจ้าสาวจะต้องไม่ใช่นาง และจะต้องเป็นไป๋เหม่ยเจินเท่านั้นที่จะคู่ควร
ท่านราชครูไป๋ เจ็บปวดแสนทุกข์ระทม ปัญหานี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน หนังสือหมั้นหมาย ของหมั้นก็รับมาตั้งนานแล้ว จะบอกยกเลิกเพียงแค่เพราะท่านแม่ทัพตาบอดก็หาใช่เหตุผลที่ดีไม่ “จูเอ๋อร์ ฟังพ่อนะ หนังสือหมั้นก็รับมาแล้ว ของหมั้นก็รับมาแล้ว เจ้าอย่าได้ต่อว่าพ่อกับแม่เลยนะ” บิดาก็เคร่งเครียดหาทางออกไม่ได้
“เช่นนั้นเหตุใดท่านพ่อไม่ให้น้องรองไปเล่า ข้าไม่อยากแต่งกับคนพิการ” เหม่ยจูขอเห็นแก่ตัว นางหรือจะยอมแต่งงานกับคนตาบอด แม้ว่ารูปโฉมของเขาจะหล่อเหลาเพียงใด แต่บัดนี้ดวงตาของเขามืดบอด อย่าว่าแต่อนาคตในวังเลย เขาไม่อาจจะรั้งตำแหน่งแม่ทัพได้ ดีไม่ดีอาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่งแม่ทัพเสียด้วยซ้ำไป ใครจะเอาคนตาบอดมาดูแลเหล่าทหารสั่งการเล่า
“น้องรองของเจ้าวัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง ไม่เคยจะเห็นหน้าสักครั้ง นี่ก็ปาไปสามวันยังไม่ออกจากห้องอีก” บิดาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายลูกสาวคนเล็ก หมกมุ่นอยู่กับตำราอันใดก็ไม่อาจทราบได้ แม้ว่าจะมอบความรักความเอ็นดูให้ แต่เหมือนนางห่างเหินออกไปเสียทุกครั้ง
“ท่านแม่ ลูกไม่อยากแต่งงานจริง ๆ นะ เช่นนั้นหากเป็นน้องรองละก็ อย่างไรก็ต้องดีกว่าให้คนอื่นมาสวมรอยแทน” เหม่ยจูคลี่ยิ้มหวาน ไม่ร้องไห้เสียอกเสียใจแล้ว นางคิดจะโยนเรื่องแต่งงานให้น้องสาวสวมรอยแทน แววตาของนางเริ่มมีความหวังขึ้นมา แผนนี้จะต้องสำเร็จเท่านั้น!
“นี่เจ้าคิดกระทั่งให้คนอื่นสวมรอยอีกหรือเนี่ย หัวของเจ้ามันกลวงขนาดนั้นเชียวรึ” มารดางอนิ้วทั้งห้าจากนั้นเขกลงมากลางศีรษะของเด็กสาวอย่างระอาใจ พลางผินหน้ามองสามี กล่าวน้ำเสียงหวาน “ท่านพี่” นางรอคอยอย่างมีความหวังซ่อนแววตาอันแสนร้ายกาจและโหดเหี้ยมเอาไว้
ใครอยากจะให้ลูกคนอื่นได้ดีกว่าลูกของตนเองเล่า นางคนหนึ่งที่ไม่มีทางยอมอย่างเด็ดขาด!
“เดี๋ยวข้าจะขอปรึกษากับนางก่อน อย่างไรก็ไม่อาจหักหาญน้ำใจนางได้” และแล้วตนเองก็ต้องบากหน้าไปพูดคุยกับลูกสาว ยามนี้เด็กสาวแสนน่ารักนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ในมือมีตำราการแพทย์ มืออีกข้างหนึ่งมีผลไม้ผูเถาหรือองุ่น อยู่ด้วยในมือ
ข้างกายมีสาวใช้ดูแลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น อาชุนรับหน้าที่ดูแลตั้งแต่ฮูหยินรองคลอดคุณหนูน้อยออกมา จากนั้นไม่นานฮูหยินรองก็จากไป ทั้ง ๆ ที่ร่างกายก็แข็งแรงแต่จู่ ๆ ก็เจ็บป่วยและสิ้นใจอย่างกะทันหันมิได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำไป แน่นอนว่าการตายของฮูหยินรองน่าจะมีเลศนัยบางอย่าง แต่ยังไร้หลักฐาน
“คุณหนูหากนอนกินแบบนี้เดี๋ยวก็ติดคอหรอกเจ้าค่ะ” อาชุนกล่าวดุเด็กสาวเบื้องหน้า ที่ไม่มีมารยาทอันเพียบพร้อมของสตรีสักนิด วัน ๆ ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง อ่านตำราการแพทย์เสียมากมาย จนในห้องนี้มีแต่กลิ่นเหม้นฉุนของสมุนไพรอันพิลึกพิสดาร