บทที่ 1_1 คืนเดียว

1306 Words
พรพิรุณยืนท่ามกลางผู้คนนับสิบ ตรงหน้ามีสิ่งปลูกสร้างทันสมัย ซึ่งมีไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวในยามราตรี ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นอ่านป้ายชื่อร้านผับหรูหราแห่งหนึ่งกลางใจเมือง “ขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ” สิ้นเสียงนั้นก็หันไปหาเจ้าของเสียง มือบางล้วงหยิบบัตรประชาชนส่งให้กับพนักงานที่ยืนอยู่ตรงหน้า “หนูมาหาซ้อปรายค่ะ” เธอแจ้งกับพนักงานหน้าร้านที่กำลังส่องไฟดูบัตรประชาชนของเธออยู่ พนักงานตรวจบัตรหน้าโหดรับบัตรประชาชนของเธอแล้วก้มหน้าลงดูสลับกับเหลือบสายตามาดูหน้าของเธอสองสามที ก่อนจะส่งบัตรคืนให้ “เด็กซ้อเหรอ” พนักงานเอ่ยถามกลับ พรพิรุณพยักหน้ารับช้าๆ “ค่ะพี่” แล้วจากนั้นพนักงานตรวจบัตรจึงหันไปกวักมือเรียกเพื่อนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันมากนัก “เดี๋ยวน้องเดิมตามคนนี้ไปนะ” พนักงานคนเดิมหันกลับมาเอ่ยบอกกับเธอ แล้วถึงได้หันไปคุยกับเพื่อนเพียงสองสามประโยค ก่อนพนักงานที่มาใหม่จะพยักหน้าให้เธอเป็นเชิงบอกว่าให้เดินตามมา “ขอบคุณค่ะพี่” ไม่ลืมที่จะขอบคุณพนักงานตรวจบัตร แล้วจึงก้าวเดินตามพนักงานร่างสูงใหญ่เข้าไปในร้าน ภายในผับครบวงจรแห่งนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนให้บริการชัดเจน พรพิรุณหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อภายในร้านมีวิสัยทัศน์การมองเห็นต่ำกว่าปกติ เพราะแสงไฟข้างในร้านเป็นแบบสลัวค่อนไปทางมืด ร่างบางห่อไหล่เล็กน้อยที่ต้องเดินเบียดเสียดลูกค้าคนอื่นๆ เข้ามายังโซนหนึ่งของร้าน หญิงสาวถูกพาเข้ามาในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นสองของผับ ผนังรอบด้านเป็นกระจกใสจึงทำให้สามารถเห็นนักท่องเที่ยวด้านล่างได้ทั้งหมด อีกทั้งยังเห็นเวทีภายในร้านได้ชัดเจน “น้องนั่งรออยู่ในนี้แหละ อีกสักพักจะมีเพื่อนมาเพิ่มสองสามคน” พนักงานคนเดิมที่พาเข้ามาในห้องเอ่ยขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินออกจากห้อง พรพิรุณก็รีบร้องถามขึ้นไว้ก่อน “เอ่อพี่คะ...แล้วซ้อปรายล่ะคะ” “ซ้อติดธุระข้างนอก วันนี้ไม่ได้เข้าร้าน” พนักงานตัวใหญ่หันกลับมาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พอพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พรพิรุณยืนเคว้งอยู่กลางห้องคนเดียว หญิงสสาวเม้มปากอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟา ดวงหน้าสวยวันนี้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางให้ดูเป็นธรรมชาติ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลคาราเมลดัดเป็นลอนสวยถูกมือบางรวบมาปิดบังไหล่เปลือยของตัวเองเอาไว้ เพราะชุดที่สวมใส่เป็นเสื้อคร็อปสายเดี่ยวสีดำ กระโปรงแบบจีบรอบสีเดียวกับเสื้อยาวเหนือเข่ามาหนึ่งฝ่ามือ พอนั่งลงเลยทำให้กระโปรงของเธอเลิกขึ้นจนต้องใช้มือมาปิดบังต้นขาของตัวเองเอาไว้ แกร๊ก! เสียงเปิดประตูห้องทำให้ดวงหน้าหวานสวยต้องเงยขึ้นมามองคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง พรพิรุณยิ้มบางๆ เพื่อเป็นการทักทายพลางขยับตัวไปนั่งจนเกือบขอบโซฟา ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยมองการแต่งกายหวาบหวิบของทั้งสามคนแล้วก้มมองตัวเอง “เด็กใหม่เหรอ” หญิงสาวที่เดินมานั่งข้างๆ หันมาถาม เธอยิ้มส่งให้พรพิรุณอย่างเป็นมิตร พรพิรุณยิ้มบางๆ แล้วขานรับ “ค่ะ” “กำกระโปรงแน่นเชียว คงจะตื่นเต้นละสิ” แล้วผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่โซฟาอีกตัวก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขำๆ ปนเอ็นดู ใบหน้าหวานก้มลงมองมือตัวเองที่เผลอกำชายกระโปรงตัวเองแน่นอย่างที่ถูกแซว แล้วถึงได้ค่อยๆ คลายมือออกจากกระโปรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนถามแล้วพยักหน้ารับ “แรกๆ ก็อย่างนี้แหละ เดี๋ยวทำไปนานๆ ก็จะชินไปเอง” ผู้มากด้วยประสบการณ์อีกคนที่นั่งอยู่ถัดไปเอ่ยขึ้นบ้าง “ฉันชื่อจีนะ แล้วเธอล่ะ” “ฝนค่ะ” เธอแนะนำตัวกับทุกคนภายในห้อง รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่เจอเพื่อนร่วมงานเป็นมิตร เพื่อนร่วมงานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ “เราอิงนะ” ผู้หญิงคนข้างๆ เอ่ยขึ้นมายิ้มๆ “เราชื่อกิ่ง” คนตรงข้ามก็เอ่ยขึ้นบ้าง พรพิรุณเริ่มคลายความกังวล ส่งยิ้มบางๆ ไปผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เสียงประตูห้องก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายในชุดสูทสีดำทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องก่อนเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่หน้าประตู เพื่อหลีกทางให้ผู้เป็นเจ้านายได้เดินเข้ามา พรพิรุณเห็นหญิงสาวทั้งสาวลุกขึ้นยืน จึงรีบลุกขึ้นยืนบ้าง แต่ถึงกระนั้นเธอกลับไม่ได้เดินไปหาคนมาใหม่เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนใหม่ ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสามเองนั่นก็เดินเข้าแนบชิดพวกเธอด้วยท่าทางสนิทสนม แล้วพากันเดินกลับมานั่งลงที่โซฟาคนละตัวตามเดิม และนั่นจึงทำให้หญิงสาวจึงนั่งลงบ้าง มือบางจับกุมกันแน่นอยู่บนตักด้วยความรู้สึกประหม่า ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตากลมโตกวาดมองคนอื่นๆ ที่กำลังพูดจาเอาอกเอาใจคู่ของตัวเอง แต่แล้วไม่กี่นาทีต่อมา อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พรพิรุณหันไปมองหน้าประตูอีกครั้ง สายตาของเธอตอนนี้กำลังจับจ้องมองที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อกผาย ไหล่ผึ่งดูสง่างามไม่น้อย ในชุดสูทสีเทาก้าวเดินเข้ามา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อคมราวกับเทพบุตรลงมาจุติ แล้วไม่อาจละสายตาจากเขาไปที่ไหนได้อีก ชายหนุ่มร่างสูงย่างกรายเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ทุกอย่างบนร่างกายของผู้ชายคนนี้ ราวกับว่าถูกรังสรรค์ออกมาด้วยความประณีตอย่างกับลูกรักของพระเจ้าก็ไม่ปาน ทำเอาผู้คนที่ได้พบเห็นยากจะถอนสายตา “พวกกูคิดว่ามึงจะหาทางออกจากวังไม่เจอ” ภาคภูมิที่นั่งอยู่โซฟาตัวกลางเอ่ยแซวเพื่อนที่กำลังเดินหน้าตียุ่งเข้ามา “ก็เกือบไม่ได้ออกมาเหมือนกัน ดีที่ได้ไอ้ช้างช่วยเอาไว้” เสียงทุ้มติดเหนื่อยหอบตอบกลับเพื่อน สิงหราชเดินมากระแทกตัวนั่งลงบนพื้นที่ว่างของโซฟาตัวเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่ง แผ่นหลังกว้างพิงกับพนักโซฟาด้วยท่าทางหมดอาลัยในชีวิต ดวงตาคู่คมปิดลงพลางเอ่ยปากสั่งเสียงเบา “ชงเหล้าให้หน่อย ขอเข้มๆ นะ” พรพิรุณสะดุ้งน้อยๆ เธอที่นั่งอยู่ใกล้ร่างสูงใหญ่ที่สุดจึงได้ยินคำสั่งของเขาชัดเจน และคำสั่งนั้นก็น่าจะเป็นการออกคำสั่งกับเธอโดยตรง หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันแน่น ดวงตายังคงแอบลอบมองคนที่นั่งเอกเขนกด้วยความมึนงง เธอทำอะไรไม่ถูก เพราะชงเหล้าไม่เป็นและยังไม่เคยแตะมันเลยสักครั้งในชีวิต แต่ก่อนที่จะกังวลไปมากกว่านี้ สติของเธอก็กลับคืนมาด้วยศอกของอิงที่กระทุ้งเข้ากับสีข้างเบาๆ พอหันมาก็เห็นว่าอิงทำหน้าสั่งเป็นนัยๆ ให้ทำตาม โดยมีอิงเป็นคนทำให้ดูแบบเนียนๆ “เหล้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD