“มิ”
“คะ”
“ไม่ใช่ใครจะได้ชัชง่ายๆ หรอกนะ แต่คนที่ชอบ ไม่อ่อยชัชก็ยอมทั้งตัวและหัวใจ”
“เชอะ!” เธอหยิกแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว
“ไม่เห็นที่รักจะรักนวลสงวนตัวกับมิเลย”
“ก็มิน่ากินไปทั้งตัว โอ๊ย! หยิกทำไม”
“หมั่นไส้” เธอพลิกร่างไปนอนตะแคงอีกด้าน เขาโอบกอดเธอเอาไว้หลวมๆ วางคางที่ผมนุ่มสลวย กดจมูกเบาๆ อย่างรักใคร่
“นอนเถอะมิ เดี๋ยวชัชจะออกไปก่อนเช้า คนในบ้านจะได้ไม่ว่าไง ดีไหม” เขาเองก็ไม่อยากให้เธอโดนต่อว่าเหมือนกัน ถึงคนในบ้านจะรู้ว่าเป็นแฟนกันก็ตามที
ดมิสาสัมผัสได้ถึงปากร้อนผ่าวของเขาที่จุมพิตแก้มนุ่มของเธอเบาๆ เขากระซิบริมหูว่าจะไปแล้วนะตอนย่ำรุ่ง เธอปรือตามองด้วยความง่วง เขาก็ยังหอมแก้มซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
“บอกรักชัชก่อน” คนก่อกวนกระซิบกระซาบ ไล้มือไปตามลำตัวของเธอ
“รักนะคะ” ดมิสาปรือตามอง บอกเขาด้วยน้ำเสียงง่วงๆ ปนสยิว ชัชวินทร์เลยหอมแก้มคนขี้เซาแรงๆ ก่อนจะตัดใจย่องออกไปจากห้องของเธอ
รุ่งเช้าของอีกวัน...
ชัชวินทร์พาหญิงสาวขับรถไปเที่ยวจนทั่วไร่ เขาบอกถึงความฝันตัวเองให้เธอได้รับรู้ เขาชอบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ อยู่กับธรรมชาติ เธอเห็นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่นมั่นแล้วเธอก็อยากให้เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่อยากทำ
นั่นทำให้ดมิสารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับการไปเที่ยวบ้านของชัชวินทร์ในช่วงปิดเทอมยิ่งนัก
เธอโกหกบิดาและมารดาเลี้ยงไปว่าปิดเทอมจะหางานทำ เลยกลายเป็นว่าโกหกแล้วก็ต้องโกหกให้ตลอด ช่วงเดือนแรกทางบ้านเลยไม่ส่งเงินมาให้
ข่าวคราวของพลอยใสกับมนัสวีทำให้เธอปล่อยวางได้แล้ว ในใจนั้นยอมรับว่าปลื้มเขาอยู่มาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องไปยื้อแย่งสามีของเพื่อนหรอกนะ
“มิต้องย้ายมาอยู่กับชัช เอ๊ย! ที่รักจริงเหรอ” คนเอ่ยถามหน้างอเหมือนเด็กๆ ชัชวินทร์วางมือบนศีรษะของแฟนสาว ขยับใบหน้าเข้ามาหาก่อนจะยิ้มใส่ตา
“ใช่... ประหยัด ไหนบอกว่าช่วงนี้ทางบ้านไม่ส่งเงินมาให้ไง”
“เพราะที่รักนั่นแหละ ให้มิโกหก เลยไม่มีเงินใช้” จะว่าเขาก็จริงแต่กลายเป็นมุ้งมิ้งเสียอย่างนั้น เพราะคำเรียกต้องเอ่ยว่าที่รักทุกคำ เลยกลายเป็นขึ้นเสียงใส่คล้ายงอนมากกว่าด่า
“ตัวเล็กนิดเดียว เค้าเลี้ยงที่รักได้อยู่แล้ว” ชัชวินทร์ตามมาง้อ โยกศรีษะเล็กๆ ไปมา เขายินดีจะให้เธออยู่ด้วย ไปจนเรียนจบนั่นแหละ ไม่อยากให้ไปเช่าหออยู่ตามลำพัง ที่สำคัญก็คือไม่อยากให้ห่างตัว เขาอยากหนีบเธอเอาไว้ใกล้ๆ
“อย่าลูบหัวมากสิ ลูบจนหัวล้านหมดแล้วเห็นไหม” เธอปัดมือเขาออก ท่าทีแสนงอน ชัชวินทร์เห็นคนน่ารักงอนเลยอุ้มเข้าบ้านเสียเลย
“ว้าย! คนบ้า ปล่อยนะ”
“หิว”
“หิว... หิวอะไร” ทวนคำอย่างตกใจเมื่อเขาอุ้มเธอมาวางบนเตียงนอนกว้าง
“หิวคนแถวนี้”
“ไม่เอา” เขาจะปล้ำเธอในชุดนักศึกษาหรือไง ไม่เอาด้วยหรอกนะ
“เอากันมันจะตายไป โอ๊ย! อย่าหยิกสิ เจ็บนะ”
“มิจะอาบน้ำก่อนเหนียวตัว แล้วก็เตรียมกินข้าวทำรายงานส่งอาจารย์นะ”
“ครับ” เธอเหล่ตามองเขา รับคำง่ายไปไหม ก็เห็นว่าเขากำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่
“จะ... จะทำอะไรน่ะ”
“ถอดเสื้อผ้าไง” เขาตอบหน้าตาย
“รู้แล้วว่าถอดเสื้อผ้า แล้วจะถอดทำไมกันเล่า”
“ที่รักชวนไปอาบน้ำนี่นา”
“ไม่ได้ชวนไปอาบน้ำ แต่มิจะไปอาบเองคนเดียว”
“ใจร้าย” คนพูดทำตาปรอย ดมิสาผลักร่างสูงออกจากห้อง แต่เขากลับหันมากอดเธอแน่นขึ้น
“ว้าย!”
“ไม่ยอมก็จะจับแก้ผ้าล่ะ”
“คนลามก ว้าย! คนบ้า อื้อ...” เสียงร้องกลายเป็นเสียงอู้อี้ในลำคอทันทีเมื่อโดนบดจูบและดันไปชิดกับผนังห้องน้ำ
“คนซาดิสม์” ชัชวินทร์เหมือนแกล้ง โดนด่าว่าซาดิสม์เลยจัดการบดจูบเสียจนปากน้อยบวมเจ่อ
“ยอมแล้ว”
“ว้า... ไม่สนุกเลย ยอมเสียแล้วเหรอ” เธอทุบอกเขาอย่างหมั่นไส้ ชัชวินทร์หัวเราะเบาๆ รวบเธอมากอดแนบอก
“ปล่อยเลยนะ”
“กอดเมียนี่อุ่นจริงๆ”
“ไม่น่าหลวมตัวเลย”
“อย่าใช้คำว่าหลวมตัวสิ ฟังดูร้ายกาจยังไงก็ไม่รู้ ใช้คำว่าหลงรักดีกว่า”
“เชอะ!” เธอค้อนเขา
“อาบน้ำกัน”
“นี่ปล่อยเลยนะ” ดมิสาดิ้นรนไปมา สุดท้ายก็โดนปลดกระดุมชุดนักศึกษาออกจากกายจนหมดรัง
ดิ้นไปดิ้นมาสุดท้ายเธอก็เปลือยเปล่าอยู่ดี เขาพาเธอไปอาบน้ำใต้ฟักบัว สายน้ำเย็นฉ่ำช่วยดับความร้อนและอ่อนเพลียตลอดทั้งวันได้เป็นอย่างดี
“อื้อ... ตรงนั้นไม่ได้ คนลามก” ดมิสาปัดมือของเขาให้วุ่นวายไปหมด แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คนหน้ามึนนอกจากจะไม่หยุดลูบไล้เนื้อตัวของเธอแล้ว ยังขยำเคล้นคลึงให้วุ่นวายไปหมด
“อื้อ...” ดมิสาร้องครางเมื่อนิ้วแกร่งเคล้นคลึงยอดถันสีสวยของเธอไปมาเบาๆ ร่างกายสาวตื่นตัวจนยอดถันแข็งเป็นไต เขาแทรกนิ้วกลางยาวเหยียดเข้าในแอ่งสวาทของเธอจนมิดเม้น
หญิงสาวร้องครางซี๊ดเสียว เมื่อเขาเริ่มขยับนิ้วซอยเข้าออกเบาๆ แต่ล้ำลึก ดมิสาปรือตามองด้วยความรัญจวน ริมฝีปากน้อยจึงถูกบดจูบอย่างดูดดื่ม
ลิ้นของเธอโต้ตอบกับลิ้นของเขาด้วยความเสียวซ่าน ชัชวินทร์เป็นคนสอนจูบและสอนทุกอย่างให้แก่เธอ ทำให้เธอรู้จักทั้งความรักและเซ็กซ์
เขายกขาของเธอขึ้นพาดบนแขน ทำให้เธอแยกขาให้เขาแทรกกายเข้ามาภายในร่องสวาทได้เป็นผลสำเร็จ
“อื้อ...” เธอร้องครางพร้อมๆ กับการกดกายที่แทรกลึกเข้าหาอย่างต่อเนื่อง
สายน้ำจากฝักบัวไหลกระทบกายพร้อมๆ กับบทรักที่กระแทกกระทั้นเข้าหากัน ก่อนที่ชัชวินทร์จะรวบสะโพกของหญิงสาวเอาไว้ ยกขึ้นมาให้เขากระแทกกระชั้นถี่เป็นลำนำสุดท้ายของเกมรัก
สองเสียงครางประสานกันระงม เขาบดจูบปากแสนหวานอย่างดูดดื่มจัดการอาบน้ำให้คนอ่อนแรงก่อนจะพาออกมาภายนอกห้อง
“ดีนะที่กินยาคุม คนบ้า” เธอทุบอกเขา
“ในห้องน้ำมันหยิบไม่ทัน” คนตอบหน้าตาย ดมิสาหยิกเขาจนได้ยินเสียงโอดโอยดังออกมาจนเกินกว่าเหตุ
“ร้องเหมือนควายถูกเชือด”
“โดนเมียหยิกเลยเจ็บ” ชัชวินทร์เช็ดผมให้หญิงสาว ก้มใบหน้าลงไปหา ขยี้จมูกกับจมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ
“เดี๋ยวทำของอร่อยๆ ให้กิน”
“ทำกับข้าวอร่อยด้วยเหรอ”
“อย่าดูถูกกันเชียว เดี๋ยวจะทำให้กินทุกวัน ขุนให้อ้วนเป็นหมูเลย”
“ขุนให้อ้วนเป็นหมู” เธอทวนคำหน้างอ เขาหยิบชุดนอนมาสวมให้ เธอก็ยกแขนให้เขาเหมือนเด็กๆ สวมเข้าไปแบบไม่ลังเล
“จะทำอะไรให้กินเหรอ”
“อาหารญี่ปุ่น”
“อาหารญี่ปุ่น เดี๋ยวนะคงไม่ใช่มาม่าหรอกนะ” เธอดักคอ... อาหารญี่ปุ่นในความหมายของเพื่อนสำหรับเพื่อนที่ไม่มีเงิน แต่พูดกันให้ดูหรูหราคือมาม่าหรือบะหรี่สำเร็จรูปดีๆ นี่เอง มันก็อร่อยอยู่หรอก แต่กินบ่อยๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ แถมยังจะขาดสารอาหารอีกด้วย
“อาหารญี่ปุ่นจริงๆ”
“จะเชื่อก็ได้”
“หรืออยากกินมาม่า”
“ไม่เอา” เธอรีบส่ายหน้าดิก ตอนไม่มีเงินก็กินมาม่าจนท้องอืดไปหมด ช่วงหลังมานี้บิดาและมารดาเลี้ยงประสบปัญหากับการค้าขาย บางเดือนส่งเงินมาน้อย เธอก็คอยโกหกว่าพอใช้ ทั้งๆ ที่ค่อนข้างขัดสนอยู่มาก ยอมรับว่าช่วงนี้เธอเกาะชัชวินทร์กิน
“ไปเถอะ” เขาดึงเธอออกจากห้อง เธอเดินตามออกไปสำรวจ บ้านช่องของเขาสะอาดสะอ้าน เขาคงจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด เธอคิดแบบนั้นเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยแตะงานบ้านงานเรือนนัก อาหารญี่ปุ่นของเขาคือซูชิที่ดึงออกมาจากตู้เย็น นำมาจัดใส่จาน
เดี๋ยวนะ!
“ไหนบอกจะทำอาหาร”
“กำลังทำอยู่นี่ไง จัดใส่จานกินได้เลย” เธอค้อนเขา มองอาหารชิ้นต่อไป เขาเดินไปหยิบเตาปิ้งย่างมา ก่อนจะนำเนื้อที่หมักออกมาวางเอาไว้ มีหม้อไฟและผักอีกหลายชนิด เธอพอจะเข้าใจว่าเขาจะทำอะไร บ้านของเขามีบริเวณและสนามหญ้ากว้างพอสมควร
ชัชวินทร์พยักหน้าให้เธอเดินตามออกไปข้างๆ บ้านที่เป็นมุมโล่งๆ มีกระถางต้นไม้วางเรียงรายกันอยู่หลายกระถาง เธอเห็นแล้วอมยิ้ม ชัชวินทร์ชอบปลูกต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับพวกนี้มองแล้วทำให้สดชื่น มันเบ่งบานส่งกลิ่นหอม บ่งบอกถึงการดูแลเป็นอย่างดี