7

1581 Words
บ้านของเขาหลังไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็หรูหราอยู่มากเมื่อเทียบกับตำแหน่งนักศึกษาที่ยังไม่ได้ทำงานอะไรในตอนนี้ มื้อเย็นในวันนั้นเลยรับประทานซูชิ เนื้อย่างและจิ้มจุ่มกัน “น้ำจิ้มอร่อยจัง” “อร่อยใช่ไหม” “ฝีมือชัชเหรอ” “เปล่าครับ สั่งร้านประจำ” เขาพูดแล้วหัวเราะ เธออ้าปากค้าง นึกว่าเขาทำเองเสียอีกกำลังจะเอ่ยชมอยู่พอดีเลยรีบหุบปากฉับ บางทีสิ่งที่ชัชวินทร์พูดก็คงจะจริง การอยู่ด้วยกันมันก็มีข้อดี เพราะเวลามีการบ้านหรือรายงานอะไร เขาก็ช่วยทำกับเธอ เขาไม่กินแรง แต่ช่วยหาข้อมูลอย่างแข็งขัน ช่วยกันพิมพ์พออีกคนเมื่อยก็สลับกันไปนอนพักหรือยืดเส้นยืดสาย ดังนั้นการอยู่กับชัชวินทร์จึงมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ดมิสาสรุปกับตัวเองในใจ ปิดเทอมในครั้งใหม่... เธอต้องกลับบ้านโดยด่วนเพราะบิดาเสียชีวิตกะทันหัน ชัชวินทร์เองก็ต้องกลับบ้านเพราะบิดาของเขาก็ล้มป่วย เนื่องจากท่านทำงานหนัก เขาจึงไม่ได้ไปงานศพบิดาของเธอ แต่ให้เงินไปช่วยเหลืองานศพแทน เธอเข้าใจความจำเป็นของเขา อีกอย่างคือหากเขาจะไปด้วยกัน เธอก็กลัวมารดาเลี้ยงจะตำหนิหาว่าพาผู้ชายกลับบ้าน ส่วนเพื่อนๆ ของเธอก็ร่วมเงินกันทำบุญ ทุกคนต้องกลับบ้านและทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม จึงไม่มีใครไปร่วมงานศพ เธอนึกขอบคุณในน้ำใจนั้น เห็นความไม่สะดวกของเพื่อนๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ความรักของเธอกับชัชวินทร์เหมือนจะไปได้สวย แต่ตลอดเส้นทางที่เดินไปด้วยกันมักมีขวากหนาม มือที่สาม... ใช่! ชัชวินทร์เป็นหนุ่มหล่อรวยเสน่ห์ เขามีสาวๆ มารุมชอบมากมาย ผู้หญิงเดี๋ยวนี้น่ากลัว ถึงมีแฟนแล้วก็จะเอา บางคนมีเมียแล้วแต่ถ้าชอบก็จะแย่งมาให้ได้ แม้เธอจะไว้ใจชัชวินทร์แต่ไม่ไว้ใจผู้หญิงพวกนั้น “กลับมาได้สักทีนะ เธอนี่มันตัวภาระของบ้านเลยจริงๆ นะ มหาวิทยาลัยใกล้ๆ ไม่ยอมเรียนไปเรียนถึงกรุงเทพฯ” เสียงของนันทิดาผู้เป็นมารดาเลี้ยงพูดแดกดันไม่หยุดปาก ดมิสาเหนื่อยกายเหนื่อยใจทั้งช่วยงานศพบิดา ทั้งโดนมารดาเลี้ยงด่าว่าไม่หยุดหย่อน “ป๊าของเธอน่ะไม่อยู่แล้ว ใครจะส่งเสียให้เรียนล่ะ ยังมีน้องอีกตั้งสามคน    ที่บ้านก็เป็นหนี้” “มิส่งเสียตัวเองเรียนก็ได้ค่ะ” ดมิดาพูดอย่างเหนื่อยหน่าย สายตามารดาเลี้ยงนั้นจิกกัดเธออย่างที่สุด พอบิดาจากไปเธอก็เหมือนคนนอกสำหรับท่าน ปกติท่านก็ไม่ค่อยรักเธออยู่แล้ว พอบิดาจากไปนิสัยที่ซุกซ่อนเอาไว้ก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัด ต่อหน้าบิดาก็พูดจาดี ลับหลังชอบพูดกระแนะกระแหน หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง สมัยก่อนบิดาของเธอค้าขายร่ำรวย พอมารดาเสียชีวิตพาผู้หญิงคนนี้เข้ามาก็เริ่มเป็นหนี้ ดีหน่อยที่น้องๆ ของเธอไม่ได้เป็นอย่างมารดาเลี้ยง อาจเพราะเป็นผู้ชายทั้งหมดและอยู่ในช่วงวัยรุ่น นันทิดามักพูดจาเป่าหูบิดาของเธอว่าน้องๆ ยังเด็กต้องเรียนหนังสือ ค่าใช้จ่ายสูงมาก เธอเป็นพี่คนโตต้องเสียสละ ด้วยความที่อยากเรียนต่อมากกว่าออกมาค้าขาย ดมิสาจึงขอมาเรียนต่อและทำงานไปเรียนไป บิดาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำมากนัก ท่านก็ส่งเงินมาให้ แต่มันก็ไม่เคยพอ “แล้วหนี้สินที่บ้านล่ะ ของพ่อแกล่ะนังมิ” “น้านันหมายความว่ายังไง” เขาอยู่กันอย่างมีความสุข กินใช้หรูหรา หนี้สินพวกนั้นเธอไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยเสียหน่อย “แกไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ไงนังมิ เลยใช้เงินเยอะ” “เอ๊ะ! มิก็ทำงานไปด้วย ไม่ได้ขอเงินทางบ้านสักเท่าไหร่” “แกเป็นพี่คนโต จะให้น้องตาดำๆ สามคนไม่มีที่อยู่หรือไง เขาจะยึดบ้านแล้วนะ อีกไม่กี่วันจะไปนอนข้างถนน” ดมิสาตกใจอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เธอก้มมองหน้าน้องๆ ก็นึกสงสาร บิดาเคยสั่งเอาไว้ว่าให้รักน้องมากๆ “พวกผมออกมาช่วยทำงานก็ได้” “ไม่ได้” นันทิดาหันไปตวาดลูกชายทั้งสาม ดมิสาถึงกับอึ้งไป เธอสบตากับน้องๆ รู้ดีว่าน้องชายไม่ได้ใจร้ายเหมือนแม่ของพวกเขา “มิจะลองดู” จู่ๆ ก็นึกถึงชัชวินทร์ขึ้นมา เขาโทร. มาถามไถ่อยู่ตลอดเวลา ถ้าเธอขอยืมเงินเขามาใช้หนี้จะได้ไหมนะ บ้านเขารวย แต่เขาจะหาว่าเธอเกาะเขากินไหม คนคิดมากกัดปากตัวเอง กลัวบ้านของเขาดูถูกเอา “เงินทำบุญ...” เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคมารดาเลี้ยงก็สวนกลับมาทันควัน “เงินทำบุญน่ะ เอามาใช้หนี้ยังไม่พอ น้องอีกสามคนไหนจะค่าเทอมอีก จริงๆ เราน่ะเป็นลูกผู้หญิง ควรแต่งงานออกเรือนไปซะ จะเรียนไปทำไม ต่อไปก็ต้องแต่งงานอยู่ดี” “น้านัน!” เธออุทานกับความคิดแบบนั้นของมารดาเลี้ยง “มีผู้ชายหลายคนมาทาบทามสู่ขอเราตอนที่เราไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ แต่งงานไปแล้วถ้ายังอยากเรียนก็ขอให้เขาส่งเสียก็ได้ อย่าโง่ไปหน่อยเลย”      ดมิสาส่ายหน้าไปมากับความคิดของมารดาเลี้ยง เธอรู้ดีว่าท่านกำลังหว่านล้อมให้เธอแต่งงานออกเรือนไปจะได้หมดภาระ และตัดปัญหาว่าเธอจะไปแย่งมรดกของบิดา แม้จะเป็นหนี้บิดาก็ยังมีที่ทางอยู่บ้าง หากขายใช้หนี้ก็น่าจะพอ มารดาของเธอที่ล่วงลับไปแล้วเคยสอนเอาไว้ว่าเกิดเป็นหญิงต้องรู้จักเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ อย่าเอาแต่แบมือขอเงินคนอื่น มีสามีก็ต้องช่วยเก็บเงินและช่วยกันทำมาหากิน สนับสนุนเกื้อกูลให้ร่ำรวยมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่จำความได้มารดาของเธอเป็นผู้หญิงที่ขยันมากๆ รู้จักเก็บเงิน      ใช้เงิน และเห็นคุณค่าของเงิน แต่มารดาเลี้ยงของเธอนั้นไม่มีคุณสมบัตินั้นอยู่เลย ใช้เงินฟุ่มเฟือย และไม่ค่อยขยัน มีดีอยู่อย่างคือเอาอกเอาใจเก่งบิดาเลยหลง ผู้ชายพอหลงไปแล้วอะไรก็ยอมยกให้หมด ยิ่งมารดาเลี้ยงมีลูกชายให้ถึงสามคน บิดาจึงยิ่งรัก ท่านรักลูกชายมากกว่าลูกสาวที่คิดว่าแต่งงานออกเรือนไปก็เป็นคนอื่น หลังเสร็จสิ้นงานศพ เธอกลับมากรุงเทพฯ พร้อมกับเศษเงินที่เหลือติดกระเป๋าอยู่ไม่กี่บาท เป็นเงินที่ชัชวินทร์เคยให้เอาไว้ก่อนเดินทางกลับภูเก็ต มารดาเลี้ยงเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เอาไว้จนหมด แถมยังร้องไห้บีบน้ำตากับญาติๆ เรียกร้องความสงสารเห็นใจ พร่ำบอกว่าต้องเลี้ยงลูกอีกสี่คน ญาติๆ จึงลงความเห็นกันว่าเธอควรเสียสละตัวเอง ออกเรือนไปเสียหรือไม่ต้องเรียนต่อ แล้วมาทำงานส่งเสียน้องชายอีกสามคนให้เรียนแทน ดมิสากลับมากรุงเทพฯ พร้อมด้วยจิตใจอันหนักอึ้ง เธอเดินทางมาถึงบ้านของชัชวินทร์ด้วยความห่อเหี่ยว เห็นรถของเขาจอดอยู่ และมีเสียงคนคุยกัน เขาต้องอยู่บ้านแน่ๆ เธอคงต้องพูดเรื่องนี้กับเขาอย่างจริงจัง เผื่อเขาจะช่วยเหลือและหาทางออกให้เธอได้บ้าง ชัชวินทร์เคยพูดเอาไว้ว่าหากมีปัญหาอะไร เธอควรคุยกับเขาตรงๆ ตอนนี้เธอมีปัญหาหนักหนาเหลือเกิน “ฮือๆๆ ชัช... ดาวท้อง” ดมิสายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ตกใจกับภาพที่เห็น เธอตาโตเมื่อได้ยินดาราวดีพูดแบบนั้น ผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนเก่าของ      ชัชวินทร์โผเข้ากอดเขาแล้วร้องห่มร้องไห้ บอกว่าตัวเองตั้งท้อง “ใจเย็นๆ ก่อนนะดาว” ชัชวินทร์รีบพูดกับอีกฝ่าย สีหน้าของเขาดูตกใจไม่น้อย ดมิสาเม้มปากเข้าหากัน เธอกำถุงของฝากจากภูเก็ตแน่น ก่อนจะเปิดถังขยะหน้าบ้านแล้วทิ้งของในมือลงไปอย่างอ่อนแรง เธอหิ้วกระเป๋าเดินโซซัดโซเซไปตามถนน หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้มนวล เธอปาดมันทิ้งไปตลอดทาง แต่มันยิ่งไหลมากขึ้นไปอีก ดมิสายอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เธอรู้สึกมืดมนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บิดามารดาก็จากไปหมดแล้ว เหลือแต่มารดาเลี้ยงใจร้าย เธอจะทำยังไงดีนะ ดมิสาครุ่นคิดสับสนไปหมด เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ความคิดอันแสนสับสนวุ่นวาย เป็นโทรศัพท์จากญาติของเธอนั่นเอง “แย่แล้วยายมิ บ้านเราน่ะถูกโจรขึ้น แม่เลี้ยงเราถูกโจรปาดคอตาย         ดีที่น้องๆ เราสามคนไปนอนบ้านเพื่อนเลยรอด เรากลับมาเร็วๆ เลย มาทำศพแม่เลี้ยงเรา”  สิ่งที่ดมิสาได้ยินจากญาติทำให้เธอตกใจไม่น้อย หญิงสาวรีบรวบรวมสติหลังจากหายตกใจเพื่อออกเดินทางลงใต้อีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD