ดอกบัวสีขาวเพียงดอกเดียวเบ่งบานกลางสระน้ำ ทั้งที่บริเวณโดยรอบมิได้มีสิ่งใดอยู่เลย สองขาเรียวก้าวเข้าไปยืนที่ขอบสระ ยื่นคอดูภายในสระจนทั่ว เพื่อสำรวจหาปลา
หากว่าได้ปลากลับไปให้ท่านยายและอาหมิงคงจะดีไม่น้อย
เพียงแค่คิดเช่นนั้น ก็มีฝูงปลาหลายสิบตัวแหวกว่ายในสระสีมรกต! ทั้งที่ก่อนหน้านี้ลี่มี่มองไม่เห็นปลาแม้แต่ตัวเดียว ฝูงปลามากมายปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เด็กสาวตกใจจนพลาดพลั้งเหยียบไปบนโขดหิน ที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ
“ว๊าย!” ร่างบางซวนเซ ร่วงลงในสระน้ำจนเปียกปอนไปหมดทั้งตัว
ตุ้ม!!!
“ฮื่อ ลี่มี่นะลี่มี่ มิระวังเอาเสียเลย” ปากเล็กบ่นให้กับความมิระมัดระวังของตนเอง ยังดีที่ของในตะกร้าสานนั้นเปียกน้ำได้ มิเสียหาย มิเช่นนั้นนางคงต้องทุบศีรษะตนเองสักทีสองที
ลี่มี่นำตะกร้าออกจากหลังและยกไปไว้ริมสระน้ำ แต่ยังไม่ทันที่นางจะขึ้นจากสระ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างไรนางก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว ขอไปดูดอกบัวกลางสระให้หายแคลงใจเสียหน่อย ด้วยสงสัยว่าเหตุใดจึงมีดอกบัวเพียงดอกเดียวที่ขึ้นกลางน้ำ ทั้งยังมิเห็นกอบัวเลยสักกอเดียว
ร่างระหงที่แต่งกายและรวบผมราวกับชายหนุ่ม กำลังแหวกว่ายไปบริเวณกลางสระ ชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจดอกบัวเพียงดอกเดียวนี้อย่างถี่ถ้วน พลางใช้มือโอบอุ้มฐานบัวด้วยความทะนุถนอม แต่เพียงแค่สัมผัสกับฐานดอก กลีบสีขาวนวลของดอกบัวก็ร่วงโรยลงบนผืนน้ำจนหมด
“อ๊ะ ขะ ข้ายังมิได้ทำอันใดเลยนะ” ตากลมเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ นางเพียงแค่สัมผัสเบาๆ เท่านั้น มิได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย
ลี่มี่หันรีหันขวางก่อนรีบหันหลังกลับ ราวกับกำลังหนีความผิด แต่ทว่ายังมิทันได้ออกตัวว่ายกลับฝั่ง เท้าเล็กก็สัมผัสได้ถึงเครือเถาใต้น้ำ ที่เกี่ยวพันเข้ากับข้อเท้าทั้งสอง แม้จะพยายามสลัดและดึงยื้ออย่างไร ก็ไม่มีท่าทีว่าเครือเถาเหล่านั้นจะหลุดออกไป ทั้งยังรู้สึกเหมือนถูกดึงให้จมลงในน้ำเรื่อยๆ
“อ๊ะ”
ร่างบางเริ่มจมดิ่งลงไปในน้ำตามแรงดึงรั้ง ดวงตาทั้งสองลืมขึ้นภายในน้ำสีเขียวมรกต แต่ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีเห็นเพียงสีเขียวทึบ
แสงสว่างเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คงจะเป็นกลีบบัวสีขาวที่ล่องลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าของนาง กลีบสีนวลลอยเข้ามาใกล้ใบหน้าของลี่มี่เรื่อยๆ จนแตะลงบนหน้าผากมน และนั่น…เป็นเวลาเดียวกับที่เด็กสาวเริ่มขาดอากาศหายใจ ปากเล็กเผยอออก ราวกับต้องการสูดอากาศเข้าเต็มปอด ทว่ากลับเป็นน้ำที่ผ่านเข้ามาทั้งทางปากและจมูก นางรู้สึกแสบร้อนไปทั่วทั้งโพรงจมูก
“อึกอัก! อึก!”
ข้าจะตายอยู่ที่นี่มิได้ อย่างไรก็มิยอม!
แขนขาเรียวพยายามตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ ในศีรษะเล็กเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้าของท่านยายและน้องชาย แต่แล้วความพยายามของลี่มี่กลับมิเป็นผล สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด เริ่มจางหายไปพร้อมกับร่างที่จมดิ่งลงไปในสระมรกต
เฮือก!!!
ลี่มี่สูดอากาศเข้าเต็มอกราวกับขาดสิ่งที่โหยหา ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง เมื่อมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนเองนั้นนอนหงายหน้าลอยอยู่กลางสระมรกต ร่างบางจึงรีบใช้แรงทั้งหมดที่มีแหวกว่ายขึ้นฝั่งด้วยความรวดเร็ว
แต่เมื่อขึ้นฝั่งมาได้และสติที่หล่นหายไปก็เริ่มกลับมาจนครบ เด็กสาวมองสำรวจร่างกายตนเองก็พบว่าทั้งอาภรณ์และผมเผ้าของนางนั้น ถูกเปลี่ยนเป็นชุดสตรีสีเขียวอ่อน มีเครื่องทองประดับอยู่บนลำคอขาว มวยผมที่นางเกล้าออกมาจากเรือนถูกแกะออก สยายยาวอย่างงดงาม
“อันใดกัน เหตุใดข้าจึงแต่งกายเช่นนี้” ลี่มี่มองไปรอบๆ ก็มิพบผู้ใดที่จะสามารถเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางได้
หรือจะเป็นภูตผีปีศาจ…ไม่นะ ฮื่ออออ
เมื่อนึกได้ดังนั้นเด็กสาวก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา ร่างบางสั่นเทา หันรีหันขวาง ขณะแขนเล็กรีบสะพายตะกร้าสานขึ้นหลัง ก่อนจะสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น แต่ก็มิวายหันกลับไปมองสระมรกตนั้นอีกครั้ง
และก็ต้องตกใจ…เมื่อยังเห็นดอกบัวดอกเดิมเบ่งบานอยู่กลางน้ำเช่นเคย แต่เด็กสาวคงมิทันสังเกตว่า มีกลีบของดอกบัวหลุดหายไปหนึ่งกลีบ
“ท่านยาย อาหมิง แฮก! ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ลี่มี่รีบวิ่งออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก จนมิอาจจดจำได้ว่าตนเองออกมาจากป่าได้อย่างไร เมื่อมาถึงหน้าเรือนก็ร้องเรียกหาท่านยายและน้องชายทันที ทั้งที่ตนเองยังเหนื่อยหอบอยู่ไม่น้อย
“กลับมาแล้ว- เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า!!!” เหมาไป่ที่เห็นท่าทีร้อนรนและเหนื่อยหอบ รวมถึงการแต่งกายที่ผิดแปลกของหลานสาวก็รีบเข้ามาพยุงลี่มี่เข้าเรือนทันที
“พี่มี่เอ๋อร์เป็นอันใดขอยับ โอ๊ะ! ตาท่าน ตาของท่าน” ลี่หมิงที่ได้ยินว่าพี่สาวกลับมาแล้วก็รีบวิ่งมารับ เขาเข้าไปกอดพี่สาวเหมือนทุกครั้ง แต่ครานี้เมื่อมองไปที่ใบหน้าของพี่สาวกลับรู้สึกว่ามีสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม
ดวงตาของพี่มี่เอ๋อร์เป็น…สีเขียว
“ให้ยายดูสิ” เหมาไป่จ้องมองไปที่นัยน์ตาของหลายสาวก็พบว่าเป็นดั่งที่หลานชายตัวน้อยเอ่ย มิเพียงเท่านั้นหน้าผากมนของหลานสาวยังมีรอยคล้ายปานรูปดอกบัวติดอยู่
ปาน…ปานสีเงินอย่างนั้นหรือ!!?
“…” ลี่มี่ที่ยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงมิได้สบตาผู้ใด ปล่อยให้เหมาไป่และลี่หมิงมองสำรวจจนทั่ว
“เกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าเล่าให้ยายกับน้องฟังเถิด” เรื่องราวที่ได้ฟังจากปากหลานสาวทำให้เหมาไป่แทบมิอยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
“ท่านยาย…” สายตาที่ล่องลอยของลี่มี่ทำให้เหมาไป่ต้องรีบเข้าไปกอดปลอบหลานนอกไส้
“ดีเหลือเกินที่เจ้ามิบาดเจ็บที่ใด คราวหลังอย่าได้เข้าไปในป่าลึกเช่นนั้นอีกเล่า เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“โอ๋ๆ นะขอยับ” มือเล็กป้อมยกขึ้นลูบใบหน้าพี่สาวเบาๆ ลี่มี่อดเอ็นดูกับท่าทีของน้องชายมิได้ จึงกอบกุมเอามือเล็กมาจุมพิต พร้อมกับสบสายตาเข้ากับดวงตาน้อยๆ ทั้งสองที่จดจ้องมาที่นัยน์ตาของนางด้วยแววตาที่หลงใหล
และทันใดนั้น…
“วันนี้เจ้ากินกุ้งแม่น้ำย่างอย่างนั้นหรือ”
“เอ๋? มิได้กินขอยับ น้องกินผัดผัก”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายายย่างกุ้งให้พวกเจ้ากินในมื้อเย็น หรือว่ากลิ่นมันติดกายยายมาอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ”
“มิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่เห็นอาหมิงกิน-” ลี่มี่ชะงักนิ่งไป นางเห็นอาหมิงกินกุ้งย่างตัวโตอย่างเอร็ดอร่อย
เห็นงั้นหรือ เห็นได้อย่างไรกัน!!!
“มี่เอ๋อร์ เป็นอันใดไป” เหมาไป่เห็นว่าหลานสาวนิ่งไป ก็ดึงมือบางมากอบกุมไว้ พลางบีบเคล้นเบาๆ ให้ลี่มี่ได้สติ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองไปที่ดวงตาของผู้เป็นยาย พลางเอ่ยสิ่งที่นางกำลังเกิดขึ้นกับนางให้ผู้เป็นยายได้ฟัง
“ท่านยาย เมื่อครู่ข้า- ข้าเห็นว่าอาหมิงนั่งทานกุ้งเจ้าค่ะ และตอนนี้ก็เห็นว่า…ท่านยายไปที่หลุมศพของบุตรชายท่าน ทั้งยังเอ่ยต่อหน้าหลุมศพว่าตอนนี้ท่านมิเหงาอีกต่อไปแล้ว” ลี่มี่มิรู้เลยว่าเหตุใดภาพเหตุการณ์เหล่านี้ถึงหลั่งไหลเข้ามาในศีรษะของนาง ทั้งยังเห็นและได้ยินเหตุการณ์ชัดเจนเป็นฉากๆ ราวกับว่านางได้เข้าไปยืนอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย
“วันพรุ่งเป็นวันเกิดของอาซาง ยายจะไปที่หลุมศพจริงๆ นี่เจ้า…” แววตาของยายหลานเต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงง สิ่งที่ลี่มี่เอ่ยออกมาล้วนเป็นสิ่งที่จะเกิดจริง…ในกาลข้างหน้า
“ทะ ท่านยาย ข้ากลัวเจ้าค่ะ อยู่ๆ ทั้งภาพทั้งเสียงต่างก็ปรากฏขึ้นมา”
“เจ้าเห็นกาลข้างหน้าหรือ มีนิมิตอย่างนั้นหรือ”
“ขะ ข้ามิรู้เจ้าค่ะ”
“ทั้งเรื่องที่อาหมิงกินกุ้งย่าง ทั้งเรื่องที่เจ้าเห็นยายไปที่หลุมศพ ล้วนเป็นเรื่องที่ยังมิเกิดขึ้นทั้งสิ้น” สิ่งที่ท่านยายเอ่ยทำให้ลี่มี่ยิ่งคิดหนัก
เกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวนางกันแน่
สีหน้ากังวลของลี่มี่ ทำให้ผู้เป็นยายและน้องชายต่างวิตกไปด้วย
“อย่าได้วิตกไปเลย อาจเป็นเพราะเจ้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าหากเจ้านอนพักสักชั่วยามอาจจะดีขึ้น” ลี่มี่ได้ยินท่านยายว่าดังนั้น ก็รีบไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนอาภรณ์ และนอนหลับพักผ่อนไปกว่าชั่วยาม
เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตนเองสดชื่นขึ้น จึงมาช่วยท่านยายเตรียมอาหารมื้อเย็น และภาพที่ปรากฏตรงหน้าของลี่มี่ตอนนี้ก็เป็นภาพที่น้องชายกินกุ้งย่างอย่างเอร็ดอร่อย เช่นเดียวกับที่นางเห็นก่อนหน้า
กว่าสองวันที่ลี่มี่พักอยู่ในเรือน ภาพนิมิตมิเกิดขึ้นอีกเลย คล้ายกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่นางเห็นภาพนิมิตมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน ลี่มี่เองก็มิได้ใส่ใจกับเรื่องนั้นมากนัก เพราะช่วงนี้นางวุ่นวายอยู่กับการถนอมอาหารไว้กิน ทั้งยังต้องหาเงินมาซื้ออาภรณ์ใส่ในฤดูหนาว วันนี้ลี่มี่จึงตัดสินใจจะไปตกกุ้งมาขาย ไม่แน่ว่าผู้คนอาจจะสนใจซื้อไปกิน แม้ว่าหมู่บ้านของนางจะติดกับแม่น้ำ แต่ชาวบ้านหลายคนก็มิมีความสามารถในการตกกุ้ง
ระหว่างที่เดินไปที่แม่น้ำ ลี่มี่ก็พยายามหลบเลี่ยงคนสกุลชุนให้มากที่สุด เพราะวันนี้นางคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับคนพวกนั้น ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือนสกุลเหมาก็มีหลายคราที่สองแม่ลูกมักพูดเหน็บแนมนางต่อหน้าผู้คนมากมาย และอย่างที่รู้ๆ กันว่านางจะมิยอมอีกต่อไป จึงได้โต้เถียงไปหลายคำ จนบางทีก็ทำให้นางเสียการเสียงาน และเสียเวลาไปมากทีเดียว
เด็กสาวเดินมาถึงแม่น้ำก็พบเข้ากับกวนอู๋ท่ง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมาหาปลาที่แม่น้ำ ลี่มี่จึงเดินเข้าไปทักทายเล็กน้อย
“คำนับท่านพี่อู๋ท่งเจ้าค่ะ”
“ลี่มี่เองหรือ มิเห็นหน้าคร่าตาหลายวัน”
“ข้าช่วยท่านยายดองผักไว้กินช่วงฤดูหนาวเจ้าค่ะ จึงมิได้ออกไปที่ใด” ลี่มี่เดินเข้าไปหาอู๋ท่ง แต่กลับมิทันระวังเหยียบดินโคลนจนเกือบล้มหน้าคะมำ ยังดีที่อู๋ท่งเข้ามาช่วยประคองไว้ได้ทัน
“เป็นอันใดหรือไม่…ลี่มี่” ร่างใหญ่เอ่ยถาม ทั้งที่ยังจดจ้องอยู่ที่นัยน์ตาสีสวย
เฮือก!ภาพของชายหนุ่มตรงหน้า กำลังขุดหาเผือกมันปรากฏขึ้นในศีรษะของลี่มี่ แต่เมื่อขุดไปได้ไม่นาน สัตว์เลื้อยคลานมีพิษที่อยู่บริเวณนั้น ก็เลื้อยเข้ามาฉกที่น่องของชายหนุ่ม ฉึก!!!
“ลี่มี่ ลี่มี่”
“เจ้าค่ะ ทะ ท่านจะขึ้นเขาเมื่อใดหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ ข้าจะขึ้นเขาในอีกสามวันข้างหน้า มีอันใดหรือ หรือว่าเจ้าอยากจะไปด้วย” ชายหนุ่มพยุงเด็กสาวให้นั่งลงบนพื้นดินข้างตลิ่ง
“ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอไว้บ้างนะเจ้าคะ หากจะให้ดีพี่อู๋ท่งพันผ้าที่น่องทั้งสองหนาๆ เลยนะเจ้าคะ หนาที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะเจ้าคะ”
“เอ่อ เจ้า-”
“พี่อู๋ท่งรับปากข้าก่อนเจ้าค่ะ ว่าจะทำตามที่ข้าบอก”
“ได้ๆ พี่จะทำตามที่เจ้าว่า” สีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพยักหน้าตอบรับ
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน” ลี่มี่เอ่ยเพียงเท่านั้นก็รีบกลับเรือนด้วยท่าทีร้อนรน หลงลืมไปเสียสิ้นว่าตนเองมาที่แม่น้ำเพื่อสิ่งใด ร่างบางเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ท่านยายเอ่ยว่านางเห็นนิมิตกาลข้างหน้านั้นเป็นจริง
ทำอย่างไรดี หากไปหาท่านหมอ…ท่านจะรักษาได้หรือไม่