ใช้เวลาร่วมกัน (2)

1299 Words
“สำหรับฮานะ ในตอนนี้ เบนคือคนที่สำคัญที่สุด” ฮารูนะตอบออกไปตามความรู้สึกที่มีในตอนนี้อย่างไม่ได้โกหกหัวใจตัวเอง ซึ่งเธอบอกกับตัวเองในใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปเธอหวังว่าตัวเองยังจะพูดประโยคนี้กับคนตรงหน้าได้อย่างมั่นใจเหมือนในวันนี้ “สำหรับผม ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคต ฮานะคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมครับ” เบนจิโร่บอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง หลังจากที่ทำการไหว้อัฐิของชลลดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮารูนะและเบนจิโร่จึงพากันเดินทางกลับ โดยก่อนเดินทางกลับไปคฤหาสน์ยูกิโอะ ฮารูนะได้ขอให้เบนจิโร่พาเธอไปอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเธออยากไปมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เหยียบสถานที่นั้นสักที เวลาต่อมา @หอศิลป์กรุงเทพฯ (หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร) ประเทศไทย “เงียบกว่าที่คิดไว้อีกนะ” ฮารูนะบอกออกไปเมื่อมาถึงสถานที่ในชั้น 3 เมื่อเดินเข้ามาจะเห็นเป็นร้านค้า ร้านอาหารและร้านกาแฟ เพราะคนทั้งสองเดินทางมาหอศิลป์กรุงเทพฯด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้วเดินมาทางเชื่อมของตัวอาคารจึงเดินเข้ามาเป็นชั้นที่ 3 ของอาคารพอดี “วันนี้ไม่ใช่วันหยุด คนเลยไม่ค่อยมาเดินดูงานศิลปะมั้งครับ” เบนจิโร่บอกออกไปในขณะที่สายตามองไปยังร้านค้าต่างๆ ที่ไร้เงาลูกค้า “ในเว็บไซต์ที่เขารีวิวตะลุยเที่ยวหอศิลป์บอกว่า Main Gallery อยู่ที่ชั้น 7, 8, 9 เราขึ้นไปดูกันเถอะ” ฮารูนะบอกออกไปหลังจากเปิดค้นหาในโทรศัพท์มือถือว่าต้องไปที่ชั้นไหนบ้างเพื่อเธอจะได้จบความต้องการของการอยากมาสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก “ครับ” เบนจิโร่ที่เห็นอาการตื่นเต้นดีใจของคนตัวเล็กที่ได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างเอ็นดูถึงกับยิ้มออกมาก่อนจะรับคำแล้วเดินตามหญิงสาวที่เดินนำอย่างกับผู้ชำนาญทางทั้งที่มาเหยียบสถานที่แห่งนี้ครั้งแรกเช่นเดียวกับเขา “งานศิลปะสวยๆ อย่างที่รีวิวกันไว้จริงๆ” ฮารูนะที่เห็นภาพงานศิลปะมากมายตรงหน้าถึงกับร้องออกมาอย่างดีใจ “ดีนะมาทันได้ดู โครงการศิลปะการแสดง ครั้งที่ 12 ด้วย นึกว่าจะมาไม่ทันได้ดูเสียแล้ว” คำพูดของหญิงสาวทำเอาเบนจิโร่ถึงกับงงไปเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องหรือเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มมองว่าเรื่องงานศิลปะเป็นอะไรที่แสดงถึงความสวยงามที่ดูเข้าใจยากและละเอียดอ่อนมาก เหมือนอย่างหญิงสาวตรงหน้าของเขาที่ดูสวยงามและเข้าถึงยาก จนบางครั้งเขาก็รู้สึกว่าไม่เคยรู้จักเธอเลย บางครั้งก็รู้สึกว่ารู้จักเธอเป็นอย่างดี ต่างจากตัวเขาที่ดูแข็งกระด้างและเย็นชากับผู้คนรอบข้าง ยกเว้น เพียงเธอเท่านั้น ที่เขาไม่เคยทำแบบนั้นออกไปสักครั้งเดียว “โครงการศิลปะการแสดง ครั้งที่ 12 เกิดจากหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครร่วมกับกลุ่มศิลปินสาขาศิลปะการแสดง ได้ร่วมกันสร้างสรรค์การแสดงในหลากหลายรูปแบบ เพื่อส่งเสริมให้เกิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ และสร้างบทสนทนาระหว่างศิลปินและผู้ชมงานศิลปะการแสดง ซึ่งครั้งที่ 12 คือจัดเป็นปีที่ 12 แล้ว” ฮารูนะบอกออกไปเมื่อเห็นสีหน้าคิ้วขมวดกันเล็กน้อยของคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างกายไม่ห่าง “ครับ” เบนจิโร่ตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ได้มีเบื่อกับการต้องเดินตามเธอแบบนี้ แล้วเขาก็เดินตามหญิงสาวต่อหลังจากเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาว่าชอบที่นี่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเดินไปจุดมุมใด เบนจิโร่ก็เดินตามติดแล้วมองดูสิ่งตรงหน้าอย่างเงียบๆ ไม่รบกวนอีกฝ่ายเลยแม้สักนิดเดียว “เบนเบื่อหรือเปล่า บอกฮานะได้นะ เราจะได้ไปที่อื่นกัน” ฮารูนะหันมาเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างรู้สึกเกรงใจและกลัวว่าเขาจะเบื่อกับกิจกรรมที่ตัวเองกำลังทำอยู่ “ไม่ครับ ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ผมมองว่า มันคือสิ่งสวยงามและมองแล้วไม่เบื่อด้วย” เบนจิโร่ตอบออกไปจากใจจริง ทำให้หญิงสาวที่ได้ยินถึงกับยิ้มออกมาที่รู้สึกว่าไม่มีใครที่จะทำสิ่งเหล่านี้กับเธอได้อย่างคนตรงหน้าอีกแล้ว “ฮานะดีใจที่เบนไม่เบื่อในสิ่งที่ฮานะชอบ” ฮารูนะบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินไปดูภาพที่เรียงรายมากมายภายในห้องนิทรรศการ “แต่ว่า ถ้าอะไรที่เบนไม่ชอบในสิ่งที่ฮานะชอบ เบนต้องบอกฮานะนะ อย่าเก็บมันเอาไว้คนเดียวต้องบอกกันให้รู้ด้วย เพราะการที่แสดงออกมาว่าชอบแต่ภายในใจกลับรู้สึกตรงกันข้าม มันจะทำให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไปได้” เมื่อนึกได้อีกสิ่งที่สำคัญ ฮารูนะก็รีบพูดออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ทันที “ยังไงเหรอครับ” เบนจิโร่ที่ไม่เคยมีคนรักมาเลยในชีวิตรวมถึงไม่เคยสัมผัสคำว่า รัก ของหนุ่มสาวมาก่อนจึงได้เอ่ยถามอย่างสงสัย “ความรักคือการยอมรับตัวตนของกันและกันก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องรับได้ทุกอย่างของอีกคนที่เป็นอยู่ ความรักจะต้องมีการปรับตัวด้วย ถ้าเบนพยายามยอมรับฮานะฝ่ายเดียวโดยไม่ให้ฮานะได้ปรับตัว ต่อไปในอนาคตเบนอาจจะไม่มีความสุข” “ผมไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ” “สักวัน...ฮานะเชื่อว่า...สักวันเบนต้องเกิดความรู้สึกนั้น ถ้าเบนเอาแต่ยอมรับและเปลี่ยนตัวเองไปตามที่ฮานะต้องการ” ฮารูนะบอกคนตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ครับ ต่อไปถ้าผมไม่ชอบอะไร ผมจะรีบบอกฮานะ” เบนจิโร่ที่เห็นสีหน้าแบบนั้นของคนตรงหน้ารีบรับปากทันทีอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจ “อีกแล้ว เบนพูดเอาใจฮานะอีกแล้ว” “ขอโทษครับ ค่อยๆ ปรับกันนะ” “อืมม แบบนั้นก็ได้ แต่ต้องให้ฮานะได้ปรับด้วยนะ” “ครับ” ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังพูดตกลงกันอยู่นั้นเสียงเพลงจากเวทีการแสดงดนตรีสดในห้องนิทรรศการก็ดังขึ้นมา ทำให้คนทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเพลงนี้ เพลงที่ครั้งหนึ่งหญิงสาวเคยเล่นในวันครบรอบแต่งงานของผู้เป็นพ่อและแม่ของตนเองด้วยเครื่องดนตรีอย่างเปียโน “Like a river flows (เหมือนเช่นสายน้ำที่หลั่งไหล) Surely to the sea (ไปยังท้องทะเลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้) Darling, so it goes (ที่รัก มันดำเนินไปเช่นนั้น) Some things are meant to be (บางสิ่งมันก็ถูกกำหนดมาแล้วนะ) Take my hand, (กุมมือฉันไว้สิ) Take my whole life, too (กุมทั้งชีวิตฉันเอาไว้ด้วยเลย) For I can’ t help falling in love with you (เพราะฉันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว) ” Credit song: Can’ t Help Falling In Love
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD