“ก็มันสำนึกผิดแล้วไง ช่วยสงสารมันหน่อยเหอะ”
“เหรอ แล้วทำไมเอฟาต้องไปดูเอสโซ่ด้วยล่ะ ฉันไม่เข้าใจเลย” คิวริเม้มปาก พอมีชื่อผมเป็นหัวข้อสนทนาก็ดูเหมือนคุณเธอจะเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เฮ้อ! ผมก็แย่ว่ะ
ทำอะไรไม่รู้จักคิด...
“สงสัยมันตรอมใจไง ที่เธอไม่พูดกับมันน่ะ”
ดอกที่สอง! ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงก็หนีไม่พ้นความใจอ่อน ขี้สงสารหรอกน่า
“เว่อร์ไปละ หมอนั่นแย่อย่างที่นายบอกจริงๆ ด้วยแหละ ฉันเกลียดเอสโซ่! คิวริเกลียดเอสเพรสโซ่!! นายได้ยินชัดมั้ยปูโน่ ฉันเกลียดหมอนั่นที่สุดในโลกเลย!”
จบข่าว!
แย่ยิ่งกว่าเดิมอีก...
ผมเงียบ เพราะพูดไม่ออก กระต่ายน้อยเลยพลอยเงียบไปด้วย แสงจันทร์ที่ส่องสว่างดูน่าจะโรแมนติกนะ ถ้าได้มาส่งกระต่ายน้อยบ่อยๆ
“เอ่อ... ถามจริง” ผมยังคงพยายามต่อไป T_T “ทำไมเธอถึงเกลียดเอสโซ่ล่ะ? เพราะหมอนั่นทำโทรศัพท์เธอพัง แค่นั้นน่ะเหรอ? เห็นมันก็ตั้งอกตั้งใจซ่อมโทรศัพท์นั่นตลอดคาบวิทย์เลยนี่ มันคงรู้สึกผิดจริงๆ นะ”
คิวริเม้มริมฝีปาก นัยน์ตานั้นอ่อนลงนิดหน่อยเหมือนจะคล้อยตามคำพูดของผมบ้างแล้ว อันที่จริงตอนเราเจอกันครั้งแรกก็ดูเธอเฟรนด์ลี่กับผมดีออก
“ก็... หมอนั่นน่ะ!”
“...”
“เหมือน... กาแฟเอสเพรสโซ่ที่ขม แรง ไม่น่าเข้าใกล้ เมื่อวานนายยังบอกฉันอยู่เลยว่าอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น ถ้าสนิทกันจะโดนพาให้เสียการเรียนน่ะ” เธอย่นจมูกเล็กน้อยแล้วกระแทกเสียงบ่งอารมณ์หงุดหงิด
มองโลกในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า ถึงผมจะเกเรชอบเตะหมาด่าเพื่อน แต่สิบแปดปีที่ผ่านมา ผมเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนซี้มาแล้วสามกลุ่มเพราะต้องย้ายห้องใหม่ตอนเกรด 7 กับเกรด 10 แต่ผมก็ไม่เคยชักชวนให้กลุ่มเพื่อนที่เป็นเด็กเรียนมาเกเรกับผมนะ -*-
“ไม่ใช่หรอก เอสเพรสโซ่น่ะถึงจะขมไปบ้าง แต่ก็นุ่ม หอม และกลมกล่อมนะ”
ผมหยุดฝีเท้าตาม เมื่อคิวริหยุดยืนตรงรั้วไม้ระแนงสีขาวเตี้ยๆ ที่รายล้อมรอบบ้านหลังใหญ่ เธอหันมามองผม นัยน์ตาสื่ออารมณ์มากมาย อาจจะทั้งไม่พอใจเล็กๆ ที่ถูกขัด ทั้งสงสัยว่าทำไมปูโน่ต้องแก้ต่างให้เอสเพรสโซ่ด้วย
“วันนี้นายแปลกไปนะปูโน่”
เธอบอก พร้อมกับจ้องมองมาอย่างจับผิด ทำเอาผมแอบเหงื่อแตกซิกๆ =_=;
“ช่างเถอะ ขอบคุณที่มาส่งนะ”
บอกพร้อมกับคลี่รอยยิ้มหวานแบบที่ทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แสงจันทร์สาดใส่วงหน้าเล็กๆ ของเธอเป็นสีนวลผุดผ่อง กลิ่นน้ำหอมที่ลอยตามลมมาจางๆ กำลังทำให้หัวใจผมกระตุกอย่างประหลาด
แบบที่ไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง...
“ไม่เป็นไร”
ผมดึงสติออกมาจากภวังค์ที่ถูกสะกดด้วยรอยยิ้มหวานๆ ของคิวริแล้วตอบเธอ ก่อนยกมือเป็นเชิงลาเมื่อเธอโบกมือไปมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหมุนตัวกลับเข้ารั้วบ้าน เสียงริงโทนไม่คุ้นหูที่ดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ทำให้เธอชะงัก มองผมด้วยสายตาระแวงระวัง เพราะนั่นเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคิวริที่ผมทำพังแล้วเก็บกลับไปซ่อม!
เวรแล้ว...
ก็ปูโน่จะมีโทรศัพท์ของเธอติดตัวอยู่ได้ไงล่ะ? โทรศัพท์นี่มันต้องอยู่กับเอสโซ่สิ! คิวริเริ่มหรี่ตามองมาอย่างสงสัยโคตรๆ แล้วด้วย ทำไงดีฟะ!
จริงสิ!!!
“ลืมไปเลย เอสโซ่มันฝากมาคืน”
ผมดึงโทรศัพท์เครื่องนั้นออกมาคืนให้เธอแบบหน้ามึน ทั้งที่ในใจแทบอยากร้องไห้ คิวริรับโทรศัพท์นั้นไป นัยน์ตาคู่สวยยังจ้องมองมาอย่างไม่วางใจ ก่อนค่อยก้มลงมองชื่อคนโทรเข้าที่โชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์นั่น แค่อึดใจเดียวเธอก็หันมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาวาวๆ แล้วชี้หน้าผมอย่างโกรธจัด
“เอสเพรสโซ่!”
ผมอ้าปากเหวอ ก่อนฉวยเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นออกมาจากมือเธออย่างถือวิสาสะด้วยความตกใจ
ซวยฉิบ... ปูโน่โทรมา!
“นายมันทุเรศ! ฉันควรจะเชื่อปูโน่แต่แรก ไม่น่าลดตัวไปเสวนากับนายเลย!”
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือเล็กฟาดเข้ากับแก้มผมอย่างจัง ก่อนที่คิวริจะฉวยโทรศัพท์คืนไปแล้วหันหลังทำท่าจะกลับเข้าไปในบ้าน แต่ทั้งชื่อปูโน่ที่เธอยกมาพูดถึงอย่างเทิดทูนอีกครั้ง กับคำว่า ‘ลดตัว’ ที่เหมือนเห็นผมเป็นขยะ! มันทำให้ความรู้ผิดชอบชั่วดีในสมองผมมันอันตรธานหายวับ ในสมองมีแต่โทสะสีดำเข้าครอบงำจนยื่นมือไปกระชากแขนเธอให้หันกลับมาโดยแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไร...
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนโน้มลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากสีระเรื่อเย้ายวนของคนตรงหน้าหนักๆ แล้ว คิวริดิ้นรนกึกกักในอ้อมแขน มือเล็กๆ พยายามผลักอกผมเป็นพัลวัน แต่นั่นยิ่งทำให้ผมกอดเธอแน่นขึ้นจนระหว่างเราแทบไร้ช่องว่าง กระทั่งที่คิวรินิ่ง... หากแต่ร่างกายสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น
ผมเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากด้วยความรู้สึกผิดมหันต์ ถ้าเธอจะตบ จะตี จะด่าผมบ้างก็คงจะดีกว่าที่คนตรงหน้ายืนนิ่ง มองผมด้วยริมฝีปากสั่นระริก ด้วยใบหน้าที่นองน้ำตาแบบนี้
“คิวริขอ--”
“너 나쁜 남자 !! (นอ นาปึน นัมจา : คนเฮงซวย!!)”
เธอตะโกนออกมาเป็นภาษาเกาหลีรัวเร็วสุดเสียงจนผมชะงัก ก่อนที่ร่างบางตรงหน้าจะหันวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมขอโทษจบเลยด้วยซ้ำ ผมมองตามเธอ ก่อนถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วแหงนหน้ามองพระจันทร์เต็มดวงที่มีเงาของกระต่ายตัวน้อยๆ อยู่ในนั้น
ถ้าเปรียบผมเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีรสขม แรง ไม่น่าเข้าใกล้
เปรียบปูโน่เป็นกาแฟคาปูชิโน่ที่นุ่มนวล หอมฟองนม
คิวริก็คงเปรียบเหมือนกระต่ายน้อยในเงาจันทร์ที่ผมไม่มีวันเอื้อมมือถึงเธอ...