“หมอสอง เย็นนี้ไปดื่มกันนะครับ”
นายแพทย์ในโรงพยาบาลเดียวกันโผล่หน้าเข้ามาชวนปรมินทร์ถึงในห้องพักแพทย์
“ผมไม่ค่อยชอบดื่มสักเท่าไหร่ครับ”
ปรมินทร์พูดอ้อมๆ เพราะอยากปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายก็รู้ทันเสียก่อน จึงปิดทางหนีของเขาทันที
“ดื่มนิดหน่อยก็ได้ครับ ถือว่าไปสังสรรค์กัน พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว วันพักผ่อน ไปด้วยกันนะครับ ไปกันหลายๆ คนสนุกดีครับ”
นายแพทย์คนเดิมยังคงคะยั้นคะยอต่อเนื่อง
ปรมินทร์ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงตอบตกลงออกไปในที่สุด
“ก็ได้ครับ”
นายแพทย์คนเดิมยิ้มหน้าบาน
“งั้นหลังเลิกงานไปกันนะครับ”
“ครับผม” ปรมินทร์ตอบเสียงสุภาพ
“หมอแพรวจะต้องดีใจมากๆ เลยครับที่หมอสองยอมไปดื่มด้วยกัน”
ปรมินทร์ไม่ได้ตอบ เขาทำเพียงแค่ระบายยิ้มบางๆ ออกไปเท่านั้น
เมื่อนายแพทย์ที่รับหน้าด่านไปชวนปรมินทร์ออกไปดื่มกลับออกมา
แพรวนภา คุณหมอที่ได้รับฉายาว่าสวยที่สุดในโรงพยาบาลก็รีบเดินออกมาขวางหน้าเอาไว้ พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
“หมอสองตกลงไหมคะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับหมอแพรว”
แพรวนภายิ้มกว้างด้วยความดีใจเป็นที่สุด ก่อนจะกล่าวขอบคุณนายแพทย์ตรงหน้า
“ขอบคุณหมอชาติมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ แค่เลี้ยงเหล้าผมตามสัญญาก็พอแล้วครับ” ชาติชายยิ้มกว้างเมื่อทวงสัญญาออกไป
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ คืนนี้หมอชาติไม่เมาก็ไม่ต้องกลับบ้านนะคะ”
ชาติชายหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอ่ยถาม
แพรวนภา
“ผมว่าความจริงแล้ว หมอแพรวก็สารภาพกับหมอสองไปเลยสิครับว่าชอบน่ะ จะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องชวนไปดื่มแบบนี้บ่อยๆ”
แพรวนภาหน้าแดงน้อยๆ ดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงชายที่ตัวเองแอบชอบ
“แพรวแสดงออกจนคนในโรงพยาบาลรู้แทบหมดแล้ว แต่หมอสองก็ยังไม่ยอมมองเห็นสักที นี่แพรวชักสงสัยแล้วว่า หมอสองแกล้งไม่เห็นหรือเปล่า”
“หมอสองบ้างานน่ะครับ คงมองไม่เห็นจริงๆ นั่นแหละ ผมว่าหมอแพรวสารภาพรักตรงๆ ไปเลยดีกว่าครับ”
“แพรวเขินนี่คะ”
“เพื่อความรักต้องกล้าๆ สิครับ เดี๋ยวก็ถูกแย่งไปพอดี”
คำพูดของชาติชายทำให้แพรวนภาอดหวาดหวั่นไม่ได้
“สู้ๆ นะครับ ผมเอาใจช่วยหมอแพรว”
“ขอบคุณมากค่ะหมอชาติ เอาไว้เจอกันตอนหลังเลิกงานนะคะ”
“โอเคครับ”
ชาติชายเดินหายไปแล้ว ในขณะที่แพรวนภายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตามองไปที่ประตูห้องพักแพทย์ของปรมินทร์นิ่ง
“คืนนี้แพรวจะสารภาพความรู้สึกกับหมอสองค่ะ”
คุณหมอสาวสวยยิ้มเขินอาย ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพักแพทย์ของตัวเองไป
“นังวา... แกเมามากแล้วนะ กลับบ้านเถอะ”
พีระพลพยายามแย่งแก้วเหล้าจากมือของวาสินี แต่เพื่อนก็เลื่อนหนี ก่อนจะยกเทพรวดเดียวหายเข้าไปในลำคอจนเกลี้ยง
วาสินีเบ้หน้าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มันบาดคอจนแสบ ก่อนจะพูดโวยวายเสียงดัง
“กู ยาง ม่าย ม่าววว...”
พีระพลยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ หันซ้ายแลขวาไม่รู้จะทำยังไงดี
“กลับบ้านเถอะ ไปที่ห้องกูก็ได้ ไปกินเหล้าต่อที่นู่น”
“ม้ายยยย!!!”
“ชูว์... เบาๆ สินังวา การ์ดร้านจ้องมาที่มึงกับกูตาวาวแล้วนะมึง”
พีระพลรีบเอามืออุดปากเพื่อนเอาไว้ แต่วาสินีก็สะบัดหน้าหลุดไปจนได้
“กู...ม่ายยยย... กลัว... กู... จะกินเหล้า... กูอยากม่าวววว...”
“ก็ไปเมาที่บ้านสินังวา”
“กู... จะกินที่...นี่...”
วาสินีมองเพื่อนตาเขียวขุ่น และก็สั่งเหล้ามาดื่มต่ออีก
“พอๆ แล้วนังวา... กลับบ้าน...”
“ม่ายยย... เอาเหล้ามา... น้องไปเอาเหล้ามา...”
พีระพลหันไปยิ้มแห้งๆ ให้การ์ดร้าน เป็นสัญญาณขอโทษที่เพื่อนเสียงดัง ก่อนจะหันมาบ่นกระปอดกระแปด
“อีวา... มึงนี่เมาแล้วก่อเรื่องทุกทีสิน่ะ”
“พี่หนึ่ง... ทำไมถึงรีบ... มีเมีย... พี่หนึ่งงงงง...”
“อีวา... มึงเบาๆ ชูว์...”
พีระพลหันไปขอโทษโต๊ะข้างๆ รอบตัวอย่างไม่รู้จะทำยังไง
“เพื่อนผมเมามากนะครับ พอดีมันเพิ่งอกหักมา ขอโทษด้วยนะครับ”
พอขอโทษขอโพยโต๊ะรอบๆ ตัวเสร็จ พีระพลก็หันมาขอร้องวาสินี
“อีวา... กูขอร้องล่ะ กลับบ้านเถอะ กูไม่อยากกินยำตีนตอนนี้”
“ม่ายยยย... กูไม่กลับ... กูจะกินเหล้า...”
วาสินีหน้าแดงปลั่งเพราะตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดสูงปรี๊ด
“ตายแล้วกู จะทำยังไงดีวะเนี่ย”
พีระพลนั่งมือลูบหน้าตัวเอง และก็พยายามคิดหาทางออก ก่อนจะนึกถึงโจสันผัวของตัวเองขึ้นมาได้
“โทรให้โจมาช่วยลากกลับบ้านดีกว่า ไม่งั้นคืนนี้ได้กินยำตีนแน่ๆ เลยกู...”
ขณะที่พีระพลกำลังต่อสายหาโจสันอยู่นั้น กลุ่มของปรมินทร์และเพื่อนๆ ก็เดินเข้ามาในไนต์คลับเดียวกันพอดี
เสียงโวยวายของวาสินี ดังแว่วเข้าไปในหูของปรมินทร์ และแน่นอนว่าเขาจดจำเสียงของหญิงสาวได้ แม้ว่ามันจะทั้งยืดทั้งยางคานก็ตาม
ชายหนุ่มหันไปมองยังโต๊ะต้นเสียง ก็เห็นว่าเป็นวาสินีจริงๆ เจ้าหล่อนนั่งดื่มอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งดูผิวเผินก็รู้ว่าเป็นสาวประเภทสอง
“ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเมามากนะคะ โวยวายลั่นร้านเลย” แพรวนภาที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“นั่นสิครับ ใครปล่อยดื่มซะเมาเละเชียว นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งผมตีตูดลายไปแล้ว” ชาติชายพูดขึ้นบ้าง
ปรมินทร์ผ่อนลมหายใจออกมา สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น เมื่อหันมามองเพื่อนในกลุ่มที่กำลังมองหาโต๊ะกันอยู่
“คืนนี้ผมคงดื่มกับทุกคนไม่ได้แล้วนะครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะหมอสอง เรามาถึงร้านแล้วนะคะ” แพรวนภาพูดขึ้นอย่างตกใจ
“นั่นสิ หมอสอง มาถึงร้านแล้ว ดื่มกันหน่อยดีกว่าครับ” ชาติชายช่วยแพรวนภาพูด
ปรมินทร์โค้งศีรษะขอโทษเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะอธิบายเหตุผล
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ แต่ผมต้องพาน้องสาวกลับบ้าน”
“น้องสาว?” แพรวนภายิ่งงง
“น้องสาวที่ไหนกันครับหมอสอง” ชาติชายก็งงเช่นกัน
“นู่นไงครับ ผู้หญิงที่กำลังโวยวายอยู่ตรงนั้น”
ทุกคนมองตามสายตาของปรมินทร์ไป และก็งงเป็นไก่ตาแตก
“นั่นน้องสาวหมอสองเหรอคะ”
“แต่ที่ผมทราบ หมอสองมีพี่น้องแค่สองคนนี่ครับ และเป็นผู้ชาย” ชาติชายถามอย่างแปลกใจไม่น้อย
“น้องสาวของเพื่อนสนิทน่ะครับ ดูท่าทางเธอจะเมามาก ผมต้องพาเธอกลับบ้านก่อน ต้องขอโทษทุกคนด้วยจริงๆ นะครับ ไว้นัดกันใหม่”
ปรมินทร์จะเดินจากไป แต่แพรวนภารั้งแขนกำยำเอาไว้ก่อน
“แต่เธอก็มีเพื่อนมาด้วยนี่คะ ไม่น่าจะต้องเป็นห่วงอะไรมาก”
“เธอดื้อรั้นน่ะครับ เพื่อนไม่น่าจะเอาอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”
แพรวนภาจำเป็นต้องปล่อยแขนของปรมินทร์ไป ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด
“เอาไว้ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอนหมอแพรว” ชาติชายปลอบใจหญิงสาว
แพรวนภาอยากกลับบ้านมาก แต่ติดที่ว่ามีเพื่อนมากันหลายคน จึงต้องจำใจเดินหน้าต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก