6

1143 Words
6 “ไป...ออกไป ออกไปให้พ้นหน้าฉัน ไปสิโว้ย ออกไป โครม...เพล้ง...โครม!!” เสียงเอ็ดตะโรของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดังลั่นคับห้อง ตามด้วยเสียงโครมครามของสิ่งของใกล้มือที่หยิบฉวยได้ถูกปาไปไม่รู้ทิศทาง กระทบกับฝาผนังห้องบ้าง บนพื้นบ้าง ไปกระทบกับเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นจนแตกกระจายบ้าง สาเหตุของอารมณ์ฉุนเฉียวของชายตามองไม่เห็นก็คือ พยาบาลพิเศษที่มาดูแลเขาชั่วคราวระหว่างที่คอยพยาบาลสาวชาวไทยเดินทางมายังบ้านหลังนี้ เกิดพูดจาไม่เข้าหูลูอีสขึ้นมา เขาจึงอาละวาดเข้าใส่จนพยาบาลรายนั้นวิ่งหลบสิ่งของแทบไม่ทัน “ฉันก็ไม่อยากอยู่ดูแลคุณหรอก คนอะไรตาบอดแล้วใจยังบอดอีก” เสียงของพยาบาลวัยกลางคนระเบิดเสียงดังไม่แพ้เสียงของเจ้าของห้อง และนั่นทำให้จานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ลอยไปยังทิศทางที่เธอยืนอยู่ด้วยมือของชายมองไม่เห็น “ถ้ากูตาดีขึ้นมาเมื่อไหร่ กูจะเอาปืนไปยิงมึงให้ถึงที่เลย...คอยดู ไปเลยนะ ไปให้พ้น อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ ไป๊” เสียงหนาเปล่งออกไปพร้อมสิ่งของอีกหลายชิ้นที่เขาควานหาได้ พยาบาลรายนั้นรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนของลูอีสทันที ไม่รอให้เขาขับไล่หรือขว้างปาสิ่งของใส่เป็นครั้งที่สาม “โธ่โว้ย!!” ลูอีสสบถออกมาคำโต กำมือแน่นก่อนจะกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะอาหารหลายครั้ง ระบายความอึดอั้น ความคับแค้นใจจากคำพูดของพยาบาลและความเอาแต่ใจของผู้เป็นย่า หากปราทิเซียไม่วางแผนเช่นนั้นเขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ แล้วนี่คือผลพวงของอุบัติเหตุคราวนั้น พอเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากที่สลบไปนานสามคืนสี่วันก็ต้องพบว่า ตัวเองได้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วคราว วินาทีนั้นเขาแทบบ้า จิตใจมันหดหู่ ใจมันหมองไหม้เจ็บปวดใจจากการมองไม่เห็นในครั้งนี้ รู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด จากที่เคยมองเห็นทุกสิ่งอย่างกลับมีแต่ความมืดมน และยิ่งมารู้ว่าปราทิเซียไม่ได้เป็นอะไร ที่ทำลงไปทั้งหมดเพียงเพื่อให้เขาเดินทางกลับมาบ้าน เพื่อมาดูตัวว่าที่ภรรยาที่ผู้เป็นย่าเลือกสรรมาให้เขา นั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้ลูอีสไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ หากเขามองไม่เห็นปราทิเซียคงไม่หาภรรยาให้ เพราะไม่มีหญิงสาวคนไหนทนอยู่กับคนตาบอดได้ อีกสาเหตุหนึ่งคือแก้เผ็ดปราทิเซียที่เอาแต่ใจตนเองเกินพอดี เสียงโครมครามที่ดังลงมาถึงชั้นล่าง แล้วยังจะมีร่างของพยาบาลวิ่งกระหืดกระหอบลงมา ทำให้คนที่นั่งข้างล่างอย่างปราทิเซีย เลอแตรงค์และซาบริน่า ย่า บิดาและมารดาของลูอีสรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น คงจะโดนลูอีสอาละวาดเหมือนกับรายก่อนๆ “อีกรายแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ว่าพยาบาลที่มาจากเมืองไทยจะทนได้สักกี่น้ำ” เสียงของปราทิเซียที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ ความทุกข์ใจดังขึ้นไล่หลังร่างของพยาบาลรายนั้นที่วิ่งออกไปจากบ้าน “แอนนารู้สึกว่า พยาบาลที่มาจากเมืองไทยจะทำให้ลูอีสกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่งคะคุณแม่” ซาบริน่าลูกสะใภ้เอ่ยบอกตามสัญชาตญาณที่ผุดขึ้นมาในใจ ทั้งๆ ที่พยาบาลก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครทำให้นางรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ยกเว้นแขวลัยที่นับต่อจากนี้จะมีชื่อใหม่ว่า มิแชล ชื่อภาษาฝรั่งเศสที่พวกเขาใช้เรียกขานเธอแทนชื่อภาษาไทยที่เรียกไม่คุ้นปาก “ขอให้จริงเถอะ แม่ก็คอยมาตั้งนานหลายเดือนแล้ว คอยที่จะให้ลูอีสกลับมามองเห็นเหมือนเดิม แล้วที่ลูอีสไม่ยอมไปรักษาตาก็เป็นเพราะแม่ด้วย แม่ผิดเองที่วางแผนในวันนั้น” ไม่ใช่ว่าปราทิเซียจะไม่รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ในวันนั้น นางรู้สึกผิดและผิดมากยิ่งขึ้นเมื่อลูอีสไม่ยอมรับการรักษาดวงตา ด้วยเหตุผลที่ว่า นางจะได้ไม่หาผู้หญิงมาให้เขาเลือก ซึ่งหลานสุดที่รักก็บอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ยังไม่อยากแต่งงาน แล้วถ้าเขาจะแต่งงานคนที่เป็นเจ้าสาวจะต้องเป็นคนที่เขารักเท่านั้น “เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าไปพูด อย่าไปคิดให้มันเปลืองสมองเลยครับคุณแม่ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานลูอีสจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ” เลอแตรงค์ผู้เป็นลูกชายพูดให้กำลังใจมารดาที่ทุกข์ใจเรื่องนี้ไม่น้อย รู้สึกผิดทุกวินาที “แม่ก็หวังว่าอย่างนั้น” นางรำพึงอย่างมีความหวัง “ว่าแต่นางพยาบาลคนนั้นจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ล่ะ?” “มาถึงไฟล์ตอนสว่างครับ ผมกะว่าจะให้มิแชลพักสักหนึ่งวัน วันมะรืนค่อยเริ่มงานครับ” บิดาของลูอีสตอบ “ระหว่างนี้ใครจะดูแลล่ะ พ่อเจ้าประคุณยิ่งไม่ยอมให้คนในบ้านเข้าใกล้อยู่ด้วย แล้วคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ก็ขยาดด้วยกันทั้งนั้น” คนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้ ไม่มีใครไหนเลยที่จะกล้าเข้าไปดูแลเจ้าของบ้านผู้เอาแต่ใจ โกรธเกรี้ยวง่ายและเจ้าอารมณ์ เพราะทำอะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยเป็นอาละวาดบ้านแทบพัง ข้าวของเครื่องตกแต่งในห้องเปลี่ยนทุกสัปดาห์ แล้วที่น่าทึ่งไปมากกว่านั้นก็คือ แม้ว่าลูอีสจะตาบอดแต่พอโมโหกลับฉวยสิ่งของใกล้มือได้ง่ายราวกับมองเห็น เขวี้ยงปาใส่อย่างแม่นยำอีกด้วย “ก็แค่วันเดียว ช่วยๆ กันดูก็ได้ค่ะคุณแม่” ซาบริน่าตอบ “ใครมันจะกล้า กลัวลูอีสกันหัวหด” คนที่มีอายุมากที่สุดยังกังวลไม่เลิก “แอนนาว่าจะเข้าไปพร้อมกับเด็กรับใช้ค่ะ ถ้าแอนนาเข้าไปด้วยลูอีสคงไม่กล้าอาละวาดค่ะ” ซาบริน่าคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดในตอนนี้ “เอาอย่างนั้นก็ได้ แม่ขอตัวก่อนนะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ว่าจะขึ้นไปพักซะหน่อย” พอพูดและคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ปราทิเซียเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาทุกครั้ง “เดี๋ยวผมไปส่งคุณแม่ที่ห้องนะครับ” เลอแตรงค์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเข้าไปประคองร่างของมารดาแล้วพาเดินไปยังชั้นบนของบ้าน ทุกคนในคฤหาสน์หลังงามต่างเฝ้ารอวันที่ลูอีสจะยอมให้แพทย์รักษาดวงตา เพราะเขาไม่ได้สูญเสียการมองเห็นแบบถาวร หนทางรักษารอเขาอยู่ เพียงแต่ว่าวันใดก็เท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD