06 - คาดโทษ

1442 Words
“ถ้าเธอคิดหนี ฉันจะจัดการคนรอบตัวเธอทีละคน จะลองดูก็ได้นะ” มือหนาเชยคางมนของเธอให้เชิดขึ้น ก่อนกดจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอหนักๆ พลางขบเม้มอย่างละเมียดละไม โดยไม่สนใจใบหน้าหวานที่มีน้ำตาเอ่อคลอออกมา เขาหันหลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเองจนเรียบร้อย กล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป “.. อึก ... ฮื้อออออออ ... อึก ...” เมื่อมาเฟียหนุ่มเดินพ้นขอบประตู ร่างบางเปลือยเปล่าที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับรอยฟกช้ำตามร่างกายก็ปล่อยโฮออกมาด้วยหลากหลายความรู้สึก ผิดหวัง เสียใจ และมันตอกย้ำว่ามาเฟียหน้ากลัวแค่ไหน เธอยกเข่าขึ้นชันฟุบหน้าลงกับเข่าปล่อยสายธารน้ำตาให้หยดลงมาเปื้อนเรียวขาหยดแล้ว หยดเล่า มาร์แชลที่รักของเธอเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เขาจะรู้บ้างไหม ว่าที่ผ่านมาเธอเจออะไรมาบ้าง เขาพร่ำพูดว่าเธอทำให้เขาเสียใจจนเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วเธอเล่า เธอไม่เจ็บอย่างนั้นหรือ เธอไม่เสียใจเลยใช่ไหม ที่ต้องแบกท้องหนีเขามาอย่างนี้ “ ... ฮึก ... ฮื้อออออ ... ฮึก ....” ช่วงเวลาที่กำลังเสียใจอยู่ไม่กี่นาทีนั่น อยู่ๆ หัวสมองสั่งการ เขาจะเอาลูกเธอไป เขาลงไปแล้ว เธอจะมานั่งเสียใจอย่างนี้ไม่ได้ พี่ขุน พี่เขื่อน ต้องอยู่กับแม่เท่านั้น หญิงสาวรีบลุกพรวดพราด ไม่มีแม้แต่เวลาจะเช็กดูความเรียบร้อยของเรือนกาย เธอรีบเปิดตู้สวมเสื้อผ้าลวกๆ เช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนพวงแก้ม แล้ววิ่งลงไปข้างล่างในทันที “พร้อมกันหรือยังครับหนุ่มๆ” “พร้อมแย้วววว / พร้อมก้าบบ” หญิงสาววิ่งลงมาจนถึงบันไดบ้านชั้นสุดท้าย สายตาจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างยากจะคาดเดา เธอไม่รู้เลยว่าควรจะต้องทำยังไงนับจากนี้ มาเฟียหนุ่มใช้สองแขนแกร่งอุ้มพี่ขุน พี่เขื่อนไว้ภายในอ้อมอก ส่วนเจ้าลูกชายก็ดูจะกระดี๊ กระด๊าเสียเหลือเกิน มาเฟียหนุ่มหมุนตัวกลับมา เขาเผลอหลุดยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาวคนที่ตัวเองเพิ่งจะรังแกด้วยความรุนแรงมาเมื่อครู่ และเขารีบหุบยิ้มในทันที เมื่อรู้สึกตัวว่าสายตาแห่งความสับสนถูกส่งมายังตัวเอง เขาก้มลงหอมลูกชายทั้งคู่ก่อนกระซิบกระซาบบางอย่างกับเจ้าตัวเล็ก แล้วรีบดึงหน้าให้กลับมานิ่งราวกับรูปปั้นดังเดิม “มี๊ ค้าบบ จาไปชุดนี้หย๋อ” เด็กชายเขื่อนพูดจาเจื่อยแจ่วเก่งกว่าใครเอ่ยปากถามผู้เป็นแม่ ตามคำของผู้เป็นพ่อเมื่อครู่ ผู้เป็นแม่ได้แต่แสดงสีหน้างุน งง ไปไหน อะไร แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่เธอกลับไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ลูกชายสุดที่รักได้เห็นใบหน้าหวานระบายยิ้มออกมาบางๆ ต่างจากเมื่อครู่ที่กำลังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร “มี๊ เร็วๆ ก๊าบบ ขุนหิว” เด็กชายขุนไม่ยอมแพ้พี่หรอกนะ แม้จะเป็นเด็กที่นิ่ง และขรึมกว่า แต่เรื่องอ้อน เก่งไม่เป็นสองรองใคร เด็กชายทั้งสองซึ่งขาดแคลนพ่อมาตั้งแต่แรกเกิด กำลังพยายามทำให้ผู้เป็นพ่อประทับใจในความฉลาดของตัวเอง พวกเขาไม่อยากที่จะต้องถูกทอดทิ้งอีกแล้ว “ปะ ... ไปไหนครับพี่ขุน พี่เขื่อน” เด็กๆ บ้านนี้เขาแย่งกันเป็นพี่ โดยที่ผู้เป็นแม่ก็ได้แค่ให้ความเท่าเทียมกันด้วยกันเรียกเด็กแสบทั้งสองว่าพี่จนเคยชิน เธอเผลอมองใบหน้าของมาร์แชลที่แอบอมยิ้มให้กับความฉลาดของลูกชายในสายเลือด เขามั่นใจอย่างแน่นอนว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกเขาแน่ๆ “จะไปด้วยกันไหม” น้ำเสียงแข็งกราวอ่อนลงเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกจนหญิงสาวที่ถูกทารุณมาเมื่อครู่แอบแปลกใจเล็กๆ น้ำเสียงทุ้มนุ่ม อย่างนี้ มันทำให้เธอคิดถึงมาร์แชลของเธอจบจับใจ ต่างจากคนนี้ลิบลับที่เขานั้นมีแต่ความแข็งกราวไร้ซึ่งความอ่อนโยน “ปะ ... ไป” เธอต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว ใครจะปล่อยเนื้อให้เข้าปากเสืออย่างที่คนที่อุ้มเด็กชายทั้งสองได้เคยพูดไว้ละ หากปล่อยให้ลูกไปกับเขา มีหวังว่าเธออาจจะไม่ได้ลูกคืนแน่ๆ “รอหม่ามี๊แป๊ปนึงนะครับคนเก่ง” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกัน เธอเหลือบตามองคนที่อุ้มตัวเล็กแนบอกไม่ยอมปล่อยเพียงนิด ก่อนจะเดินขึ้นมาบนชั้นสองเพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย “ดี๊ รอ มีี แป๊ปน้าคร้าบบ” มาร์แชลไม่ได้ตอบอะไรลูกชายกลับไป เขาใช้จมูกโด่งคมกดลงที่พวงแก้มซาลาเปาของเด็กชายทั้งสองสลับกันไปมาหลายต่อหลายครั้งในใจพลางคิดคับแค้น หากเอมมิกาไม่หนีมา เขาก็จะได้ใช้ชีวิตที่สมบูรณ์กับเธอ และลูกชายทั้งสอง เธอทำให้เขาเสียช่วงเวลาดีๆ ในวัยเด็กเล็กของลูกชาย เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ “ดี๊ค้าบบ ลุงซีโน่ไปด้วยมั้ย” หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันยุ่ง ซีโน่ ใคร ชื่อที่ไม่คุ้นหูทำให้ผู้เป็นพ่อแอบข่มอารมย์เอาไว้ ทำใจดีสู้ลูกชาย ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน “ลุงซีโน่ ใครหรอครับพี่ขุน พี่เขื่อน” “มี๊บอกว่าเป็นคุณหมอ” “ไม่ใช่สักหน่อย ขุนอะมั่วแล้ว มี๊บอกว่าลุงซีโน่เป็นเพื่อนต่างหาก” มาเฟียหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนใช้จมูกโด่งคมกดแก้มซาลาเปาของเด็กแสบทั้งสองพลางพยักหน้าเรียกให้นาวินเดินเข้ามาหา “มึงรู้ใช่ไหม ว่าต้องทำยังไง” “ครับนาย” มือขวามาเฟียโค้งคำนับผู้เป็นนายก่อนเลี่ยงเดินออกมาต่อสายหาหนึ่งในลูกน้อง สั่งการสำคัญ อะไรที่ทำให้ผู้เป็นนายร้อนใจ เขาก็พร้อมที่จะกำจัดมันอย่างไม่ลังเล (ครับคุณนาวิน) “สืบเรื่องคนชื่อซีโน่มาดิ มันเป็นใคร” (ครับ) “กูให้เวลามึงแค่หนึ่งวัน” (ครับ) หญิงสาวในชุดกางเกงยีนส์รัดรูปพร้อมกับเสื้อแขนยาวสีขาวปกปิดผิวกาย รวบผมทรงหางม้า เดินลงมาจากชั้นสอง เธอไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรหรอกนะ แต่เพราะตอนนี้ เรือนกายของเธอมีแต่รอยฟกช้ำ และรอยกุหลาบจนท้วนทั่ว เธอเดินลงมายืนตรงหน้ามาเฟียหนุ่มเพียงนิด ก่อนที่หางตาจะเหลือบมองเห็นกระจกของตู้โชว์ของ ทำให้เธอเห็นรอยคมเขี้ยวที่ลำคอระหงของตัวเอง ก่อนตัดสินใจปล่อยผมทรงหางม้าลงเพื่อปกปิดรอยที่หน้าเกลียดนั่น “คอมี๊เป็นแผล” เด็กชายขุนสังเกตุเห็นตอนที่ผู้เป็นแม่ปล่อยผมดำขลับลงมาปกปิดพอดี “ดี๊ค้าบ มี๊เป็นแผล” “จะให้ดี๊ไปดูเหรอครับ” สองแสบพยักหน้าหงึกหงัก เขาสองคนตัวเล็กแค่นี้เองจะดูแลแม่ได้ยังไง ก็ต้องพึงผู้เป็นพ่อไปก่อน เมื่อเขาโตเท่าพ่อแล้ว เขาจะเป็นคนดูแลแม่ของเขาเอง มาเฟียหนุ่มที่อุ้มสองแสบจนแขนแทบล้า เดินเข้าใกล้หญิงสาว เขาวางเด็กชายขุน และเด็กชายเขื่อนลง แล้วใช้ฝ่ามือลูบไล้ท้ายทอยของหญิงสาวเบาๆ “อย่าทำอะไรทุเรศๆ นะมาร์แชล” หญิงสาวเอ่ยปรามก่อนด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน เธอเขวี้ยงค้อนให้มาเฟียหนุ่มในทันทีที่เขาสัมผัสท้ายทอยของเธอ ไม่ไว้ใจ เขามันไม่น่าไว้ใจ “ไม่ได้อยากทำ” “แล้วทำทำไม” “ลูกสั่ง” เอมมิกายืนตัวแข็งทื่อเมื่อมาเฟียหนุ่มลูบไล้ท้ายทอยของเธอเบาๆ เขายกผมดำของเธอขึ้นเพียงนิด แล้วปล่อยลมร้อนออกจากปากไปที่บาดแผลนั่นเบาๆ “เจ็บมากไหม” น้ำเสียงนุ้มทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ ... ” “เฮียถามว่าเจ็บมากไหม” เมื่อไม่ได้รับคำตอบ มาร์แชลจึงใช้ปลายนิ้วกดไปที่บาดแผลของเธอเต็มแรง เพื่อต้องการให้เธอเจ็บปวด ใช่ มันได้ผล คนโดยกระทำใบหน้าบิดเบี้ยว แถมยังโชว์พาวด้วยการเขวี้ยงค้อนไปที่เขาอีก มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า “จะ ... เจ็บ” “รู้จักเจ็บก็ดี เพราะคืนนี้เธอจะได้ไม่กล้าโกหก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD