ตอนที่ 4 (30%)

1796 Words
ตอนนี้สายน้ำผึ้งย้ายมาอยู่อิตาลีได้สองเดือนแล้ว เธอสามารถปรับเวลาและร่างกายให้เข้ากับสภาพของที่นี่ได้แล้ว จะหนักหน่อยก็ตรงที่โรคของเธอดันไม่ชอบอากาศหนาวอย่างแรง ยิ่งอากาศหนาวเหน็บเท่าไหร่อาการปวดในกระดูกของเธอ ยิ่งทวีความรุนแรงไปถึงขั้วหัวใจ บางคืนทรมานมากถึงกับต้องนอนร้องไห้ จะเข้าห้องน้ำแต่ละที ต้องแข็งใจพยุงร่างของตัวเองลุกขึ้นจนแทบหมดแรง ทุกวันต้องตื่นแต่เช้ามืด รีบลุกมาต้มน้ำอุ่นแช่เท้าและประคบหัวเข่า ให้สามารถเดินและใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้ แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยย่อท้อและปริปากบ่น ยังคงทำงานและใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติ เพียงแต่เธอขาดยาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง   หากเมื่ออาการกำเริบผิดปกติมากจนทนไม่ไหวก็ต้องไปพบแพทย์ แต่ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงๆ เธอก็ไม่ย่างกรายไปโรงพยาบาล เพราะเบื่อหน่ายกับการรอคอยเป็นที่สุด การที่ต้องไปนั่งรอเพื่อเข้าตรวจพียงลำพังเป็นเวลานานๆ มันช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร มันพลอยทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่อมองเห็นคนอื่นเขามีคนรัก มีคนในครอบครัว พามาหาหมอ แต่เมื่อย้อนกลับมามองข้างกายของตัวเองกลับว่างเปล่าไม่มีใครเลย มีแต่เงาที่อยู่ข้างกาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กับการเริ่มทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในเครือวาเลนติอาโน่ มาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือนแล้ว ช่วงสองเดือนมันเป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสสำหรับหญิงสาวยิ่งนัก เธอจะต้องเข้าฝึกในทุกแผนกที่มีในบริษัท เพราะบริษัทมีนโยบายว่า พนักงานทุกคนในองค์กรจะต้องรู้ระบบการทำงานทั้งหมด เมื่อเกิดการขาดคนก็สามารถโยกย้ายไปทำงานในตำแหน่งที่ขาดแทนกันได้ โดยไม่ทำให้การทำงานชะงัก  วันนี้สายน้ำผึ้งโดนเรียกตัวเข้าพบท่านประธาน นั่นก็คือ เลโอ วาเลนติอาโน่ ชายหนุ่มได้ให้เลขาของเขา โทรมาแจ้งกับเธอตั้งแต่บ่ายของเมื่อวาน เมื่อเธอสอบถามกลับไปว่าพอจะทราบไหมว่า ท่านประธานเรียกเธอเข้าพบด้วยเรื่องอะไร เลขาของเขาก็บอกว่าไม่ทราบเช่นกัน แต่เธอรู้สึกตะหงิดๆ ในใจยิ่งนัก เหมือนมันจะไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้ เพราะเมื่อเช้านี้พอเธอตื่นนอนจะไปอาบน้ำ ตาขวาดันมากระตุกอย่างหนักหน่วงหนึ่งทีซะนี่ ทุกทีถ้าตาขวากระตุกซวยแน่นอน ซวยแท้ๆ ยิ่งถ้ากระตุกหนักๆ เพียงหนึ่งที นั่นมันวันโลกาวินาศชัดๆ ‘โอ้ย...ไม่อยากจะคิดเล้ย น้ำผึ้งเอ๋ยจะเจอกับอะไรหนอวันนี้’ ไอ้คุณท่านประธาน ปากเน่าเผ่าพันธ์ยีราฟกลับชาติมาเกิด ต้องคิดวางแผนแกล้งเธอเป็นแน่ ถึงให้เลขาย้ำกับเธอนัก ว่าอย่าลืมเป็นอันขาด เมื่อเข้ามาถึงบริษัทแล้วให้ไปพบเขาที่ห้องทำงานทันที นี่กะจะเล่นกันแต่เช้าเลยว่างั้น เมื่อมาถึงห้องท่านประธาน กำลังจะเดินไปแจ้งเลขาหน้าห้อง แต่กลับไร้เงาของเลขาของเขา ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดเรื่องทะเลาะกันวันนั้น เธอถึงกับจำเลขาร่างยักษ์ของเขาได้เป็นอย่างดี แต่วันนี้กลับไร้เงาคนร่างยักษ์ พอก้มมองที่นาฬิกาบนข้อมือก็ถึงเวลานัดพอดี เธอจึงไม่อาจรอเลขาของเขา เข้าไปเลยดีกว่าเพราะเธอ ไม่อยากโดนพ่อคนปากดีกล่าวหา ว่าเธอไม่รู้จักรักษาเวลา  คิดได้ดังนั้นก็เดินไปที่หน้าประตูห้องทำงานใหญ่ ยกมือขวาขึ้นเคาะประตูติดกันสามที แล้วรอเสียงตอบรับจากภายใน แต่รอซักพักก็ไร้เสียงตอบกลับ เธอจึงยกมือขึ้นเคาะประตูด้วยความแรงกว่าครั้งแรกไปอีกสามครั้ง แต่ผลก็เป็นแบบเดิมคือไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก จึงทำให้เธอเริ่มหงุดหงิดให้เจ้าของห้อง เป็นคนนัดเธอแท้ๆ พอเธอมาแล้ว กลับทำเป็นไม่ใส่ใจ มันน่านัก ‘ไม่สนแล้วโว้ย จะอนุญาตหรือไม่ เข้าไปเลยแล้วกัน’ เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็เอื้อมมือผลักประตูเข้าไปทันที ขาเรียวเล็กเดินเข้ามาภายในห้องทำงานอันโอ่อ่า กว้างขวางสมกับตำแหน่งของเจ้าของห้อง ไปได้ไม่กี่ก้าว หูก็แว่วได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากโซฟารับแขกตัวใหญ่ของท่านประธาน ซึ่งตอนนี้เลโอกับเจสซิก้า กำลังนัวเนียกันอย่างเมามัน โดยไม่เกรงกลัวว่าใครจะเข้ามาพบเห็นเลยสักนิด “เลโอขา เจสซี่ไม่ไหวแล้วนะคะ” เจสซิก้าครวญครางออกมาอย่างสุดแสนทรมาน และกระหายในรสสวาทของชายหนุ่มจนแทบทนไม่ไหว “ใจเย็นที่รัก ผมจะทำให้คุณมีความสุขสุดๆ ไปเลย” เลโอเอ่ยออกมาเสียงกระเส่าไม่ต่างกัน เมื่อมือซุกซนของหญิงสาว กำลังสาละวนกับแท่งมหัศจรรย์อันแข็งขึงของเขา จนมันเริ่มบีบน้ำซึมออกมา เพราะต้องการปลดปล่อยเต็มที “อู้ย!” เมื่อโดนหญิงสาวทรมานมากๆ ก็ทนไม่ได้ จึงยื่นฝ่ามือไปตะปบที่ความเป็นหญิงของเธอ กอบกุมเนินสวาทอันอวบใหญ่ไว้เต็มฝ่ามือ เมื่อเนื้อตัวอันร้อนผ่าวด้วยแรงพิศวาสอยู่แล้ว โดนฝ่ามือใหญ่ปลุกเร้าโดยการลูบไล้ ไฟสวาทยิ่งโหมกระพือลุกโชนขึ้น “ชะ…ช่วย เจสซี่ด้วย” หญิงสาวร้องออกมาให้เขาช่วยปลดปล่อยจากความทรมาน ลืมอายกับความอยากในรสเสน่หา ชายหนุ่มได้ยินเสียงครางระโหยด้วยความทรมานก็ยิ่งฮึกเหิมได้ใจ โจนจ้วงนิ้วชี้อันยาวใหญ่เข้าไปในช่องสวาทฉ่ำชื้นทันที จนเธอทนไม่ไหวร้องครางออกมาราวคนละเมอ “อื้ม ลึกเข้าไปอีกค่ะ” เมื่อเห็นชายหนุ่มยังไม่ขยับนิ้วมือเข้าไปให้ลึกอย่างที่ใจต้องการ หญิงสาวก็ไม่รอช้า ยื่นมือเรียวเล็กไปดึงนิ้วมือใหญ่เข้าออกในตัวของตนพร้อมร้องครางออกมาอย่างถูกใจ เมื่อนิ้วมือของเขาเสียดสีกับปุ่มสวาทใจกลางความเป็นหญิงของเธอ อย่างหนักหน่วงและซาบซ่านถึงใจ “กรี๊ด!” สายน้ำผึ้งกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเองได้เห็นตรงหน้าจนก้าวขาไม่ออก ได้แต่เบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ นี่มันหนังสดชัดๆ ‘ถ้าอดใจไม่ไหวจนต้องมาทำอะไรที่มันทุเรศๆ แบบนี้ ในห้องทำงานแล้วล่ะก็ ทำไมไม่ทำป้าย ไปติดหน้าห้องก่อนว่า ฉ18 ช่างไม่สงสารลูกตาคนอื่นที่เข้ามาพบเห็นบ้างเลย’ เสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ จนคนทั้งคู่ที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม อารมณ์พิศวาสกลับหยุดชะงักลงกลางคัน เหมือนโดนถีบตกสวรรค์ยังไงยังงั้น เมื่อเห็นบุคคลที่สามพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ทั้งคู่ก็ตกใจลนลานแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ทั้งสองอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย เสื้อผ้าหลุดรุ่ย ผมเผ้าชายหนุ่มยุ่งเหยิงจากการดึงทึ้งเพื่อบรรเทาความเสียวซ่านของหญิงสาว   “กรี๊ดด แกอีบ้านนอก แกอีกแล้วเหรอ แกมาทำอะไรที่นี่ห๊ะ?” เมื่อเจสซิก้าเห็นหน้าคนที่มาขัดความสุขของตน เธอก็จำได้ทันที ยายบ้านนอกด้อยพัฒนาสุดแสบนั่นเอง “อ้าว…นึกว่าอีตัวที่ไหน ที่กล้ามาให้บริการท่านประธานถึงที่นี่ ที่แท้ก็ป้านี่เอง ว่าไงคะกินในที่ลับไม่พอหรือไง ถึงได้พากันมากินตับในที่แจ้งให้คนอื่นระคายลูกตาอีก” สายน้ำผึ้งเอ่ยถามคนทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเยาะๆ อย่างสมเพช ในความหน้าไม่อาย “นี่เธอ มันจะมากไปแล้วนะ” เลโอพูดเสียงลอดไรฟันออกมา รู้สึกกรุ่นโกรธในวาจาตำหนิติเตียนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของสายน้ำผึ้ง “ไม่มากหรอกค่ะท่านประธาน ดิฉันไม่ได้อยากเข้ามาขัดจังหวะพวกคุณนักหรอกค่ะ หากคุณไม่นัดให้ดิฉันมาพบแต่เช้า” “แล้วเธอทำไมไม่เคาะประตูห้องก่อนยะ ไร้มรรยาทสิ้นดี” เจสซิก้าด่ากราดด้วยความโมโห “ฉันเคาะจนมือแทบจะหักแล้วค่ะ แต่ไม่มีใครตอบรับ จึงถือวิสาสะเสียมรรยาทเข้ามา เพราะมันถึงเวลานัดแล้ว” “ฉันไม่เชื่อหรอก อย่ามาตอแหล” สายน้ำผึ้งหาได้สนใจเจสซิก้าไม่ แต่หันไปพูดกับเลโอแทน “เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันคิดว่าท่านประธาน คงไม่มีธุระอะไรจะพูดกับดิฉันแล้ว งั้นดิฉันขอตัวเลยแล้วกันนะคะ ต้องรีบไปล้างตาเดี๋ยวเป็นตากุ้งยิง” “นี่…อย่าบอกนะ ว่าแกทำงานที่นี่?” แม่นางแบบสาวถามออกมาอย่างอยากรู้ทันที “ถ้าใช่ แล้วจะทำไม”  “เลโอคะ คุณให้อีเด็กปากเสีย มาทำงานที่นี่ได้ไงคะ ไล่มันออกเลยนะคะ” เจสซิก้าเกาะแขนออดอ้อนชายหนุ่ม “ผมเคยบอกคุณแล้วไงเจสซี่ ว่าผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน” “ฮึ…ไม่ปนตายล่ะ เมื่อกี้ยังทำเรื่องบัดสีบัดเถลิง ที่ห้องทำงานอยู่เลย ช่างกล้าพูดเนอะ” สายน้ำผึ้งขมุบขมิบปากค่อนขอดเลโออย่างแผ่วเบา “นี่เธอ ว่าฉันเหรอห๊ะ?” ชายหนุ่มถามหญิงสาวเสียงดังอย่างลืมตัว ใบหน้าเรียบตึงด้วยความไม่พอใจ “ไม่นี่คะ ก็แค่ประโยคบอกเล่า ใครอยากรับก็รับไป ฉันไม่ถือ” เธอตอบอย่างใสซื่อ ดวงตาแป๋วจ้องชายหนุ่มไม่ลดละ ‘ไอ้บ้านี่…เราอุตส่าห์ พูดเสียงเบาแล้ว ยังเสือกหูดีได้ยินอีกนะ ทีตอนเคาะประตูจนมือฉันแทบหงิก ทำเป็นไม่ได้ยิน มันแกล้งกันนี่หว่า’ “ปากดีนักนะ ยายผู้หญิงเอเชีย ช่างไม่กลัวว่าฉันจะไล่เธอออกเลยนะ” “ก็ไล่ออกซะสิคะ ยิ่งดีฉันก็ไม่ได้อยากทำงานร่วมกับคุณนักหรอก อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ…เเต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่มีเงินคืนคุณนะคะท่านประธานที่เคารพ ถ้าอยากขาดทุนก็เชิญ แต่ถ้าจะกรุณาก็ย้ายดิฉันไปทำงานที่สาขาอื่นเถอะค่ะ ถือว่าดิฉันขอร้อง” ยังพูดยียวนกวนโทสะให้ขุ่นไม่เลิก  “ไล่แม่นี่ออกเลยค่ะ เลโอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD