ตอนนี้เราต่างแยกย้ายไปซื้อข้าวซื้อน้ำ ส่วนพวกกระทิงนั้นซื้อกันแล้วก่อนที่พวกฉันจะไป พอเดินออกมาจากโต๊ะพวกเพื่อนฉันก็ถามกันใหญ่ว่าไปเป็นเพื่อนกับกระทิงตอนไหน? ทั้งๆที่รู้จักมา 4 ปียังไม่เคยพูดกันเลยแถมเขายังไม่รู้จักฉันอีก
“มึงจะตอบได้ยัง?” เมลมันเท้าเอวถามอย่างหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบมันสักที
“เห้อ~แค่ให้บุหรี่ตอนที่โดนข้าวสวยทิ้ง” สุดท้ายก็ต้องบอกไปเพราะรำคาญพวกมันถามไม่เลิกสักที
“เป็นครั้งเลยนะที่ลิเคียวกล้าเข้าไปคุย”
“เออ แต่ได้สถานะเพื่อนมา”
“สำหรับกูตอนนี้สถานะไหนก็ได้แค่อยู่สายตาก็พอ” แค่ตอนนี้หนะนะเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตฉันจะโลภมากกว่าหรือเปล่า...
“พูดง่ายแต่ทำยากเว้ย!”
“แยกกันไปซื้อข้าวแล้วเจอกันที่โต๊ะ” แก้วใสบอกจากนั้นเราก็แยกไปซื้อข้าวตามร้านที่ตัวเองต้องการฉันประพวกไม่สนใจรสชาติของอาหารขอแค่คนน้อยรอไม่นานก็พอ ฉันจึงเลือกเดินมาร้านริมๆที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไร มันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือก็ดีเหมือนกันกินอะไรร้อนๆเผื่อตาจะสว่างขึ้น
“เส้นหมี่ไม่ผักค่ะ” ฉันสั่งก๋วยเตี๋ยวไปรอไม่นานก็ได้ก๋วยเตี๋ยวมา ฉันปรุงและชิมเรียบร้อยก็ยกกลับไปนั่งโต๊ะ แต่มันทำให้รู้ว่าฉันเดินมาใกล้มากกกกกก
“มึงไปซื้อนอกมหาลัยเหรอวะ?” พอมาถึงทุกคนก็กลับมานั่งหมดแล้ว พวกกระทิงก็กินกันเอบจะเสร็จแล้ว
“เปล่า” ฉันนั่งที่ที่ว่างอยู่และมันตรงข้ามกับกระทิงพอดี
“นานเกิ๊นนนนไหนได้อะไรมาแดก ก๋วยเตี๋ยว?” วุ้นมันยื่นหน้ามามองถ้วยก๋วยเตี๋ยวฉัน
“ร้านนี้อร่อย?” กระทิงเลิกคิ้วถาม
“ไม่รู้ดิ เห็นคนน้อยดี” ฉันตอบพร้อมตักก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“มึงแดกแต่ก๋วยเตี๋ยว” เมลบ่น ที่จริงไม่รู้ทำไมตั้งแต่รู้ว่ากระทิงชอบคนที่ชื่อข้าวสวยฉันก็ไม่ค่อยอยากข้าวเท่าไหร่จะเรียกว่าพาลก็ได้มั้ง ถ้าเลือกได้ก็ก็อย่างอื่นไป
“มึงก็รู้ว่ามันไม่ชอบข้าว เอ้อ! ไม่ชอบกินข้าว” ฉันรู้ว่ามันตั้งใจพูดผิดไอ้เพื่อนบ้า
“ไม่เห็นซื้อน้ำ?” เมลมันถามฉัน
“เออ ลืม” พอได้ก๋วยเตี๋ยวก็เดินมาเลยไม่ได้สนใจที่จะซื้อน้ำสักเท่าไหร่
“เอาของกูไปกินดิ!” กระทิงยื่นขวดน้ำเปล่าให้และมันมีร่องรอยการดื่มไปแล้ว เอ่อ แบบนี้มัน...-/-
“เอ่อ มะไม่เป็นไรหรอก” ปฏิเสธไปก่อนแล้วกัน
“แดกๆไปเถอะหรือรังเกียจ?”
“มะไม่ใช่เอามาดิ” สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดีมันไม่ใช่เรื่องง่ายนิที่จะได้กินน้ำขวดเดียวดับคนที่ชอบ
“อะ”
“กระทิง!” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะรับน้ำมาก็มีคนเรียกกระทิงซะก่อนเลยชะงัด ส่วนคนที่เรียกก็คือข้าวสวย..
“ครับ?” เขาพูดเพราะแค่กับข้าวสวยเท่านั้น
“ข้าวหิวน้ำอ่ะ นั่นน้ำกระทิงใช่ป่ะ?”
“ใช่”
“ขอดื่มหน่อยนะคอแห้งมากเลย” ข้าวสวยทำท่าพัดโบกความร้อนออกจากตัว
“เอาไปดิ” อ่า น้ำที่ควรจะเป็นขอฉันแท้ๆ เหอะ!
“อึกๆ” ฉันเลยหยิบน้ำของไอ้วุ้นมากินแทน
“มึงอ่ะลีลา” เมลมันกระซิบข้างหูฉัน
“...” ฉันยักไหล่ไม่สนใจ ถึงแม้จะเจ็บใจนิดๆก็เถอะ
สองคนนั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและฉันก็ได้แต่นั่งมองเขาสองคนสวีทหวานอยู่ตรงหน้าเห็นแล้วแม่โคตรอยากบุหรี่ ฉันเป็นพวกไม่สนใจใครเท่าไหร่อยากสูบก็สูบยอมรับเลยว่าส่วนหนึ่งที่ติดบุหรี่เพราะกระทิงไม่อยากให้มันเป็นข้ออ้าง แต่ครั้งแรกที่สูบเพราะรู้เขามีคนที่ชอบคือข้าวสวย และจากนั้นเวลาเห็นว่าสองคนอยู่ด้วยกันฉันจะหยิบบุหรี่ขึ้นสูบเสมอ
“มึงจะสูบบุหรี่?ตรงนี้?” ไอ้วุ้นที่เห็นฉันหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาก็ถามขึ้น
“...” ฉันไม่ตอบแต่จุดบุหรี่เป็นคำตอบแทน
“โทษนะแต่ไปสูบตรงอื่นได้ไหมข้าวสวยแพ้ควันบุหรี่” อ่า แพ้..คนที่แพ้คือฉันต่างหากโว้ยยยย! เพราะกระทิงมันไล่ฉันให้ไปสูบที่อื่นเหอะ! แค่คุยกันวันเดียวมึงอย่าสำคัญตัวดิลิเคียว!
“โทษทีละกัน” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นออกจากโต๊ะ พอหันหลังก็เจอกับคนที่น่ารำคาญที่สุดในจักรวาลนี้
“จะไปแล้วเหรอยัยลิเคียว?” ส้มโอมนุษย์ข้างบ้านที่น่ารำคาญที่สุดไม่ใช่แค่มันนะทั้งแม่ทั้งพี่ชายมันแม่งโคตรน่าเบื่อสุด!
“เสือกอะไร?” ฉันถามกลับอย่างกวนๆ
“เหอะ! เมื่อเช้าฉันเห็นแกพึ่งเข้าบ้านไปไหนมาเหรอจ๊ะหรือไปขายยยยที่ไหนมา?” เหอะๆบอกแล้วใครมีมันอยู่ใกล้บ้านโคตรซวยและนั้นคือบ้านฉันเองแหละ
“แล้วไง?” ตอนนี้ทุกคนกำลังเพ่งเล็งมาทางฉัน ฉันเคยบอกหรือยังว่าคนในคณะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่เพราะเรื่องที่ส้มโอมันแต่งขึ้นและชอบมาแหวะเสียงดังในที่คนเยอะๆ ฉันเลยกลายเป็นคนเหี้ยๆในสายตาทุกคน แต่ฉันไม่เคยสนใจ
ฟู่ว์~ ฉันพ่นควันบุหรี่ใส่หน้ามันก่อนจะทิ้งลงพื้นและเหยียบดับไฟแต่ที่จริงอยากเหยียบหน้ามันมากกว่า
“แค่กๆมึงมาพ่นควันใส่หน้ากูทำไม!!?” มันดิ้นโวยวาย
“รำคาญว่ะ! มึงบอกเห็นกูตอนเช้างั้นมึงก็พึ่งกลับมาจากขายเหมือนกันอ่ะดิ กูก็พึ่งเห็นสร้อยใหม่มึงเหมือนกันเมื่อคืนได้ราคาดีอ่อ?” ฉันแกล้งถามอย่างสงสัยไม่รู้หรอกว่าสร้อยมันเก่าหรือใหม่
“อีลิเคียว!”
“อ้าวๆมึงมาหาเรื่องเพื่อนกูก่อนนะแล้วจะมาโวยวายอะไรจ๊ะ?” เมลมันถาม
“ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปอ่านหนังสือบ้างนะจะโดนไล่ออกอยู่แล้วมึงอ่ะ” วุ้นไล่
“เสือกไรกับกู!?” ส้มโอมันถามลอยหน้าลอยตา
“มึงไม่โดนไล่ออกหรอกส้มโอ..เพราะมึงเอากับอาจารย์เกือบทุกวิชา” ฉันเดินไปกระซิบข้างหูเพราะเรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้และฉันเองที่บังเอิญไปเจอมากลับตัว
“นะนี่มึง!!” มันชี้หน้าฉันอย่างโมโหแต่แล้วไงไม่แคร์โว้ยยยไม่ใช่แม่! พอมันชี้หน้าเสร็จก็เดินออกไปเพราะมันกลัวว่าฉันจะบอกเรื่องเมื่อกี้กับทุกคน ส้มโดมันก็แค่คนที่ดีแต่ปากเท่านั้นไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก
“เรื่องอะไรอ่ะ?” แก้วใสถามและมองฉันอย่างอยากรู้
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ฉันบอกยิ้มๆ
“แก้วใสไม่ใช่เด็ก!”
“เมื่อไหร่มันจะเลิกตามรังควานมึงว่ะ?” เมลบ่นอุบอิบ
“ไม่รู้ดิ”
“ลิเคียวเธอศัตรูเยอะเหมือนนะเนี่ย” ไผ่บอกฉัน
“ไหนจะอาจารย์ไฉไล ไหนจะส้มโอดาวบริหารเธอมันสุดยอดดดด” ชินยอนิ้วโป้งสองนิ้วให้ฉัน
“ลงตามด่าถึงคณะ” ใช่มันลงทุนเพราะบริหารกับวิศวะมันไกลกันมากกกกกแต่เพื่อที่จะหาเรื่องฉันแล้วมันยอมคิดดูว่ามันเกลียดฉันแค่ไหน?
“มีเรื่องกันไม่ดีเลยนะ” กึก! แต่ระหว่างเรากำลังคุยกันข้าวสวยก็แทรกขึ้นมาเราทุกคนเลยหันไปมอง
“เธอก็อย่าไปมีเรื่องแบบเขาล่ะ” กระทิงพูดแล้วจับหัวข้าวสวยโยกไปมาอย่างหยอกล้อ เห็นแล้วมันเจ็บนะไหนจะคำพูดอีกแต่จะแสดงเหี้ยอะไรออกไปไม่ได้เลยฉันต้องเก็บมันให้ดีที่สุด
“เข้าไปใจแล้วน่า โอ๊ะ พี่คินมาแล้วไปก่อนนะ บาย~” ข้าวสวยจับมือของกระทิงออกจากหัวและไปหาแฟนของเธอ กระทิงมองตามเธอไปสุดสายตา ส่วนฉันเองก็มองเขาอยู่แบบนั้นเหมือนกัน เหอะ! ความสัมพันธ์อะไรว่ะ?
“ไงง่อยเลยมึงเขาไปกับผัว” โอโซนล้อกระทิง
“กูบอกแล้วให้เลิกๆ” ชินตบบ่ากระทิง
“ถ้าง่ายขนาดนั้นกูทำไปแล้ว” แววตาที่ส่องความเจ็บปวดนั้นออกมาฉันไม่อยากที่จะเห็นมันเลยสักนิด
“งั้นมาคบไหม?” ฉัน... ถามอะไรออกไปว่ะ?
นี่มึงกำลังหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บนะเว้ย! ลิเคียว!