บทที่ 6 น้ำตาประกายแสง
ไป๋ซินหยานวิ่งผ่านหน้าศาลาคล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนนั่งอยู่ภายในถึงสองคน ใบหน้าที่อาบหยดน้ำตาต้องแสงอาทิตย์จนเป็นประกายวับวาวปรากฏให้เห็น ใบหน้างดงามหมดจดรวมกับสีหน้าทุกข์โศกน่าสงสาร เรียกให้ใจคนละม้ายคล้ายจะอยากวิ่งเข้าไปปลอบโยนนาง
ร้องไห้ได้งดงามจริงๆ แต่ร้องแค่เพราะท่านพ่อไม่ให้ชุดเครื่องประดับของท่านย่า ไร้สาระเสียจริง
ไป๋ลี่เฟยที่คิดอ่านดังนั้นหันมามองดูจ้าวหลินไฉ่บ้างว่ามีสีหน้าอย่างไร ก็พบเห็นว่าชายผู้นี้ยังมองตามซินหยานไม่วางตา กว่าจะรู้ตัวว่าถูกลี่เฟยจ้องมองอยู่ เวลาก็หมดไปเกือบชั่วจิบชาแล้ว
“สวยมากใช่หรือไม่” ลี่เฟยยิ้มบางพูดออกไปเสียงแผ่วเบา ในใจรู้สึกบิดเบี้ยวอยากจะลุกขึ้นก่นด่าให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้เพียงอดทน
“เจ้าว่าอันใดนะ” หลินไฉ่ที่ยังติดตรึงกับสาวสกุลไป๋อีกคนถามขึ้น
“รับน้ำชาและขนมเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าจะไปห้องน้ำก่อน”
“เจ้าค่ะ”
คราก่อนองค์ชายสามก็ไปทำธุระส่วนตัว และปล่อยให้ลี่เฟยนั่งรอในศาลาเช่นกัน กว่าจะมีบ่าวมาแจ้งว่าองค์ชายสามกลับไปแล้ว ก็ผ่านพ้นไปหลายชั่วยามที่ไป๋ลี่เฟยนั่งอยู่อย่างนั้น คิดไปแล้วนางรู้สึกโง่เง่าที่เสียเวลารอคอยคนเช่นนี้เหลือเกิน ทั้งยังหาข้ออ้างว่าผู้เป็นองค์ชายอาจมีงานการมากมายให้สะสาง แต่ครั้งนี้นางจะลอบติดตามไปดู
ไปหาซินหยานไม่ผิดแน่!
.
.
.
เวลานี้หากมีใครมาพบเห็นเข้าคงทำสีหน้าแววตาประหลาดไม่น้อย คุณหนูใหญ่ของจวนแอบอยู่หลังพุ่มไม้ แอบสอดส่องดูคู่หมายและน้องสาวของตน ทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่บริเวณผาน้ำตกที่จำลองขึ้น แต่แม้จะอยู่ไกล ก็ยังสามารถเดินลมปราณให้ขยายขอบเขตการได้ยินจนแอบฟังได้บ้าง
“เหตุใดจึงดูเศร้าหมอง ดวงหน้าอ่อนหวานเช่นนี้ ไม่ควรมีน้ำตาเลย” องค์ชายสามถามไถ่กับไป๋ซินหยานที่กำลังปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา
“คุณชายกล่าวชื่นชมเกินจริงแล้ว ซินหยานก็เพียงพอดูได้เท่านั้น”
“ไม่เพียงแค่ดูได้ หากรออีกสองสามปีโฉมสะคราญอันดับหนึ่งคงไม่พ้นเป็นเจ้าแน่” หลินไฉ่ที่ไม่ได้แก้ต่างว่าตนเป็นองค์ชายหาใช่คุณชายอย่างที่ซินหยานเข้าใจ มอบรอบยิ้มอบอุ่นให้แก่แม่นางน้อยข้างกาย
“ต่อให้มีรูปโฉมงดงามเป็นเอก อย่างไรซินหยานก็เป็นเพียงบุตรฮูหยินรอง หากต้องการสิ่งใดย่อมต้องดูฐานะ” คุณหนูรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจ
ซินหยานที่คิดจะขอเครื่องประดับชุดใหญ่ของท่านย่า เข้าใจไปว่าเมื่อนางมีพลังถึงขั้นสีน้ำเงินจะขอรางวัลอันใดก็ได้เสียอีก แต่กลับถูกปฏิเสธว่าของชิ้นนั้นส่งต่อให้แก่บุตรภรรยาเอกได้เท่านั้น บุตรชายมอบแก่สะใภ้เอก หรือบุตรสาวนำเป็นสินเดิมอยู่ที่ความเหมาะสมในภายหน้า
ไป๋ลี่เฟยที่แอบฟังอยู่พอจะคาดเดาได้ว่านางตัดพ้อด้วยเรื่องใด ในชาติก่อนหน้านี้ ซินหยานขอเป็นรางวัลปลอบใจที่ถูกมองข้ามไปในตอนที่ไปตรวจวัดพลัง ซินหยานถูกปฏิเสธเพราะของชิ้นนั้น ท่านย่าเจาะจงไว้ว่าต้องส่งต่อให้ใคร
เรื่องนี้ทำให้ชี่เฟยตรึกตรองไปว่าแม้จะใช้เหตุผลที่ต่างกันแต่ปลายทางน้องรองก็ยังคงขอสิ่งของชิ้นเดิม ทว่าคิดอ่านไปได้ไม่นานก็ต้องตกใจที่องค์ชายสามขยับเข้าประชิดตัวน้องรอง
จู่ๆ ทำเช่นนี้ได้อย่างไร รวดเร็วไปหรือไม่! พูดคุยอันใดกัน
โชคยังดีที่ซินหยานผลักออก ไม่เช่นนั้นลี่เฟยคงเกิดอาการสับสนว่าแม่รองเลี้ยงดูบุตรมาอย่างไร นอกจากนี้คุณหนูใหญ่ไป๋ก็กำลังหงุดหงิดใจไม่น้อย การที่นางเหม่อลอยคิดเรื่องอื่นไปครู่เดียว ทำให้พลาดบทสนทนา ซึ่งนำพาให้หลินไฉ่กล้าประชิดตัวแม่นางน้อยที่พึ่งรู้จักครู่เดียวได้อย่างไร
นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายสามมาเยือนที่จวนไป๋ เจอซินหยานครั้งแรกไม่ใช่หรือ
“คุณชายทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม การที่ซินหยานระบายความทุกข์ใจไม่ได้หมายความว่าคุณชายจะมารุ่มร่ามเอาเปรียบกันได้เช่นนี้” ซินหยานผละออกโดยไม่มีอาการเขินอายใดๆ
“ข้าขออภัยต่อแม่นางด้วย เพียงแต่บางสิ่งก็ทำให้สะท้อนใจแล้ว จึงประพฤติตามอารมณ์มากเกินไป”
เมื่อลอบฟังมาถึงตรงนี้ลี่เฟยก็รู้สึกว่าซินหยานก็มิได้มีท่าทีไม่เหมาะสมใด กลับเป็นองค์ชายสามที่เข้าหาจนดูน่าอึดอัด ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า แค่ไม่เป็นตัวนางใครๆ ก็คงน่าสนใจและดีพร้อมกว่าทั้งสิ้น จึงทำให้ไป๋ลี่เฟยตัดสินใจกลับมาที่ศาลา
.
.
.
“คุณหนูของบ่าว ไปไหนมาเจ้าคะ” จูจูที่ไปนำขนมกลับมาตกใจที่ไม่เจอใคร จึงรอคอยอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง กำลังคิดที่จะเรียกคนไปตามหาไป๋ลี่เฟยก็โล่งใจนักที่เจ้านายกลับมาก่อน
“อยู่แถวนี้แหละ นำของว่างไปหาพี่ชายรองกัน”
อย่างไรไอ้องค์ชายนั่นก็คงไม่กลับมาแล้ว
“ไม่ต้องรอองค์ชายหรือเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก เขาพบสิ่งที่น่าสนใจกว่าแล้ว ข้าเองก็ควรทำเช่นนั้นด้วย” ลี่เฟยคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้า คุณชายรอง พี่ชายมารดาเดียวกันกับตัวนางนั้นเป็นสหายกับองค์ชายหก หากติดตามพี่ชายคนนี้ไปเป็นครั้งคราวย่อมต้องมีโอกาสให้ได้เจอและทำความรู้จักองค์ชายผู้นี้ นอกเหนือจากสถานการณ์ที่เคยสร้างไว้ ส่วนองค์ชายพระองค์อื่นไป๋ลี่เฟยอาจต้องหาเวลาครุ่นคิดดูก่อน
เดินรับลมเย็นที่พัดมาเอื่อยๆ ได้ครู่หนึ่งก็มาถึงเรือนของไป๋ช่างชาง บุรุษผู้มีใบหน้าเคร่งครึมขัดกับบุคลิกที่ซุกซนเหมือนดั่งลูกสุนัขก็ไม่ปาน
“คุณหนูใหญ่ นั่งรอในโถงก่อนขอรับ” เมื่อลี่เฟยมาถึงบ่าวหน้าเรือนก็ต้นรับให้เข้าไปภายใน และมีอีกคนที่แยกไปแจ้งพี่ชายของนาง
“เฟยเออร์ มิใช่ว่าตอนนี้ต้องอยู่พูดคุยกับองค์ชายสามหรือ” ไป๋ช่างชางเอ่ยถามเสียงมาถึงก่อนตัว
“พี่ชายรอง มาเร็วจริง เฟยเออร์นั่งเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นเลยเจ้าค่ะ” นางนิ้มแย้มเลี่ยงการให้คำตอบ
“พี่กำลังจะไปโรงเตี๊ยมในตลาดพอดี”
“เฟยเออร์ไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ อยู่บ้านน่าเบื่อนัก หากได้ไปโรงเตี๊ยมคงมีความสุขไปหลายวัน” ลี่เฟย ลุกขึ้นไปเกาะแขนออดอ้อนพี่ชายของตน
“แล้วองค์ชายสามเล่า” ช่างชางยังคงไม่ลดละกับเรื่องคู่หมายของน้องสาว
“น่าจะกลับไปแล้วนะเจ้าคะ ข้ารออยู่ที่สวนนานสองนานก็ไม่กลับมา อาจจะมีงานด่วนก็เป็นได้” ลี่เฟยตอบปัดๆ จดจ้องด้วยดวงตาที่นางเปิดให้กลมโตยิ่งกว่าเดิม หวังให้ไป๋ช่างชางใจอ่อน
“ก็ได้ๆ แต่ต้องไปรับสหายหญิงของเจ้ามาสักคน ไม่เช่นนั้นไปกับชายชาตรีกลุ่มใหญ่อาจไม่เหมาะสม” ช่างชางที่แพ้แววตาน้องน้อยต้องยินยอมเข้าจนได้
“เช่นนั้นไปจวนสกุลฉือกันเจ้าค่ะ จี้ผ่าต้องดีใจเป็นแน่”
เมื่อตกลงกันเสร็จสิ้นรถม้าก็แวะเวียนไปที่สกุลฉือเพื่อรับคุณหนูสามจี้ผ่า แล้วจึงวนไปที่ตลาดที่ในยามนี้มีผู้คนสัญจรขวักไขว่ โรงเตี๊ยมเองก็แน่นขนัด โชคยังดีที่เพื่อนพี่ชายของลี่เฟยจับจองไว้จึงทำให้มีห้องส่วนตัวนั่ง
“ขออภัย ตัวข้าไปรับคุณหนูฉือมาเป็นสหายกับน้องสาวจึงมาช้าไปเสียหน่อย”
“ไม่ช้าๆ พวกข้าก็พึ่งมาถึงได้ไม่นาน องค์ชายห้าและองค์ชายหกก็ยังมาไม่ถึง ไม่ต้องวิตกไป” โอจินโม่สหายคนหนึ่งของไป๋ช่างชางกล่าวขึ้น
“หากออกมาเองท่านพ่อท่านแม่อาจไม่อนุญาต จึงต้องติดตามพี่ชายมาเช่นนี้ เดี๋ยวให้เสี่ยวเอ้อแยกโต๊ะเล็กให้ข้าและจี้ผ่า จะได้ไม่เป็นการรบกวนช่วงสนุกสนานของท่านพี่ทั้งหลายดีหรือไม่เจ้าคะ” ลี่เฟยที่รู้ว่าการแทรกตัวมาอาจดูไร้มารยาท จึงเสนอเช่นนี้ออกไป
“คนกันเองทั้งสิ้นไม่ต้องแยกให้เสียเวลาไป” องค์ชายหกที่เข้ามาทีหลังกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และมีองค์ชายห้าเดินตามเข้ามาอีกผู้หนึ่ง
ไป๋ลี่เฟยเอียงหน้าแสร้งทำสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นองค์ชายหก และองค์ชายผู้นี้ก็ส่งสายตาหยอกล้อตอบกลับมา ก่อนจะถูกเก็บกลับไปเมื่อมีเสียงพูดแทรกออกมา
“เช่นนั้นก็ตามที่องค์ชายหกว่า” ไป๋ช่างชางกล่าว
“องค์ชายหก และญาติผู้พี่เองก็มาที่โรงเตี๊ยมนี้หรือเพคะ” ฉือจี้ผ่าทักทายขึ้น เพราะมีความคุ้นเคยกับองค์ชายห้าอยู่แล้ว
รอยยิ้มมากแผนการของลี่เฟยปรากฎขึ้นครู่หนึ่ง หากเรื่องราวดำเนินไปในทิศทางนี้ การกระชากหลินไฉ่ให้ลงต่ำอาจไม่ยากเย็นอย่างที่คาดคิด วันนี้นางจงใจเลือกฉือจี้ผ่ามา เพราะต้องการเสริมความสนิทสนมที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้น หวังใช้หลานสาวฮองเฮาผู้นี้เป็นสะพานเชื่อมไปสู่องค์ชายรองและองค์ชายห้า จนกว่านางจะตัดสินใจได้ องค์ชายทุกพระองค์คือหมากที่ใช้กำจัดองค์ชายสามได้ทั้งหมด