บทนำ วิชาถนอมวิญญาณ
บทนำ วิชาถนอมวิญญาณ
ความมืดมิดปกคลุมไปจนสุดลูกหูลูกตาคล้ายทุ่งหญ้าในยามวิกาล ‘ไป๋ลี่เฟย’ หลุดจากสมาธิหลังใช้วิชาถนอมวิญญาณเพื่อรักษาดวงจิตของตนไม่ให้แตกสลาย แต่เมื่อลืมตาอีกครั้งย้ายจากสุสานในหุบเขา มาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ดอกเรืองแสงสีม่วงเข้มออกมาตัดกับความมืดของทุ่งหญ้าแห่งนี้
มืดแต่กลับเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจน นี่มันที่ไหนกันแน่…สวยจัง
ลี่เฟยชื่นชมความงามของดอกไม้ประหลาดนี้ได้ไม่นาน เสียงบางสิ่งบางอย่างแวกว่ายผ่านทุ่งหญ้านี้ก็ดังให้นางได้ยิน เสียงนั้นดังมาจากที่เนินเขาลูกใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปมากมาย
แม้นางจะสงสัยว่าตนได้ยินเสียงจากที่ไกลขนาดนั้นได้เช่นไรก็ไม่มีเวลามากพอให้หาคำตอบ ไป๋ลี่เฟยคิดเพียงแค่ว่าในสถานที่ซึ่งอยู่นอกเหนือการรับรู้ของนางในยามปกติเช่นนี้ หากมีอันใดวิ่งเข้าหาเช่นนี้ ก็ควรหนีไปให้ไปเสียก่อน หลังจากนั้นจะพิสูจน์สิ่งใดก็ยังไม่สาย
ข้าไม่อยู่รอหรอกนะ ถึงจะตายแล้วข้าก็ไม่ยอมดวงจิตแตกแน่…
สตรีที่เสียสละชีวิตของตนจนหลุดมาอยู่ในสถานที่ประหลาดจึงเริ่มออกวิ่งไปยังทิศตรงกันข้ามกับเสียงที่ตนได้ยิน นางดื่มยาพิษจิตแตกดับที่ผู้คนเชื่อกันว่าไม่เพียงทำให้เจ้าของร่างสิ้นลมหายใจ แต่ยังทำให้ดวงจิตแตกออกเป็นร้อยส่วน ยากที่จะรวบรวมกลับเป็นหนึ่ง หากขาดการช่วยเหลือจากคนในภพเดิม หากวิญญาณตนใดรวมได้ไม่ครบส่วนผู้นั้นก็จะไม่สามารถไปต่อในภพภูมิถัดไปได้ ต้องล่องลอยอยู่เป็นเศษวิญญาณเร่ร่อนตราบจนสรรพสิ่งทั่วทุกแดนสูญสลาย นับว่าเป็นพิษที่หวังทำลายศัตรูทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ไป๋ลี่เฟยที่คดโกงด้วยการนำวิชาถนอมวิญญาณมาใช้ในยามดื่มพิษ จึงคิดเอาเองว่าถูกบางสิ่งที่ทำให้พิษนั้นสำแดงฤทธิ์ได้ในโลกหลังความตายไล่ล่าอยู่ก็เป็นได้
วิ่งมาได้สองเค่อตรงหน้าก็เป็นบ่อน้ำใหญ่ที่เต็มไปด้วยใบบัวยักษ์เปล่งแสงสีน้ำเงินเข้มออกมา เมื่อหันไปเห็นว่า ‘สิ่งนั้น’ ยังวิ่งตามตนมา หากจะข้ามไปต้องผ่านน้ำนี้ไปเท่านั้น ไป๋ลี่เฟยที่ว่ายน้ำไม่เป็นจึงเลือกก้าวไปบนใบบัวเรืองแสง และหวังว่ามันจะสามารถรับน้ำหนักตัวของนางได้
แต่ทว่า…
ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งจรดลงไปใบบัวก็คล้ายว่าวิญญาณถูกดูดให้ล่องลอยไปตามกระแสแสงนั้น เมื่อทุกอย่างสงบนิ่งอีกครั้ง ไป๋ลี่เฟยมาหยุดยืนอยู่ใจกลางเส้นทางที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทะลุผ่านตัวนางไป จนรู้สึกประหนึ่งโดนสายฟ้าเล็กๆ ฟาดผ่านร่างในทุกครั้งที่ถูกทะลุผ่าน
“โอ๊ย! ข้าเจ็บนะ นี่หรือไม่ เหตุที่วิญญาณชอบอยู่ในสถานที่อันห่างไกลไร้ผู้คน” เสียงพูดของไป๋ลี่เฟยดังขึ้นโดยไร้ผู้คนรับฟัง เมื่อเป็นวิญญาณเช่นนี้ ต่อให้นางกรีดร้องผู้คนส่วนมากก็ไม่มีวันได้ยินเสียงของนาง
สตรีในชุดจีนโบราณเมื่อเดินหลบมานั่งบนกำแพงแล้วก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับการแต่งกายของชายหญิงที่นางเห็นมากนัก ทั้งยังต้องประหลาดใจที่เห็นภาพการแสดงความรักอย่างไม่อายฟ้าดินหลายคู่เช่นนี้
“คนที่นี่แสดงความรักกันเปิดเผยนัก” ไป๋ลี่เฟยพึมพำเมื่อเห็นชายหญิงจุมพิตกันริมถนน หลังจากฝ่ายชายคุกเข่ายื่นแหวนงดงามให้วงหนึ่ง
“ที่คุณเห็นเรียกว่าการขอแต่งงาน ปกติแล้วไม่มีใครจูบกันแบบไม่สนใจคนรอบข้างขนาดนี้หรอกค่ะ อันนี้เป็นกรณีพิเศษ ทุกคนเข้าใจ”
ลี่เฟยหันไปมองก็เห็นว่าเสียงนี้ดังขึ้นจากสตรีในชุดสีส้มอ่อนหลังมือมีบางอย่างติดอยู่ เมื่อผู้หญิงโบราณตรงหน้าจ้องมองก็ตัดสินใจพูดต่อ “นี่สายน้ำเกลือของข้า ข้าตายในโรงพยาบาล ชุดนี้เรียกว่าชุดคนไข้ คุณตายได้ฉลาดมากชุดสวยเชียว”
“โรงพยาบาล สายน้ำเกลือ ชะ..ชุด ข้าไม่ค่อยเข้าใจเจ้านักแม่นาง” ไป๋ลี่เฟยคล้ายมีเมฆดำคลุมลอยอยู่เหนือศรีษะบนบังปัญญาของนางไม่ให้เข้าใจคำพูดของแม่นางผู้นี้
“จริงสิคุณน่าจะไม่เข้าใจฉัน โรงพยาบาล…โรงหมอที่มีคนป่วยไปรักษา ส่วนสายน้ำเกลือใช้ให้ยา ชุดก็ที่ฉันใส่อยู่”
“เข้าใจแล้ว เจ้าชื่ออันใดเล่า”
“ฉันชื่อมีมี่ เธอชื่ออะไร” ผีในชุดสีส้มเอ่ยถามไป๋ลี่เฟย
“ลี่เฟย ไป๋ลี่เฟย ข้าบุตรสาวคนโตของเสนาบดีกรมพระคลัง” นางเอ่ยบอกกับแม่นางตรงหน้า
“นี่…ตายกันหมดแล้วไม่ต้องอวดอ้างยศพ่อแม่หรอกนะ มันจะดูน่าหมั่นไส้นะ ฮิฮิ” มีมี่มีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างไม่จริงจังนักมองลี่เฟยด้วยแววตาขบขัน
“ข้าขออภัย เมื่อยามยังหายใจก็ต้องพูดเช่นนี้ตามธรรมเนียม หากข้าทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนถูกข้ากดข่ม ข้ามิได้เจตนา ข้าจะพยายามปรับให้เข้ากับธรรมเนียมของที่แห่งนี้” ไป๋ลี่เฟยยิ้มบางให้แม่นางที่ดูแล้วยามตายน่าจะมีอายุไม่ต่างกันเท่าใด
“ฉันแค่ล้อเธอเล่น แต่แปลกจังถ้าเธอตายมานานขนาดนี้ก็ควรอยู่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไม่ใช่เหรอ แต่ที่ฉันแอบดูมา เหมือนเธอไม่เคยเห็นอะไรสักอย่าง แล้วยังเดินบนทางเท้าให้คนทะลุไปมาด้วย ไม่เจ็บบ้างเหรอ” มีมี่เอ่ยยาวเหยียด
ไป๋ลี่เฟยที่แอบขบขันเสร็จจึงตอบคำถามของนาง “ข้าพึ่งตาย แต่ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงข้ามจากช่วงเวลาของข้ามายังที่แห่งนี้ทันที เจ้าเล่าอยู่โรงหมอแปลว่าป่วยตายหรือ”
“เปล่าหรอกฉันกินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย” มีมี่กล่าวจบก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ข้าก็กินยาพิษเช่นกัน” ลี่เฟยตอบเพียงเท่านั้น ผีสาวทั้งสองก็นั่งมองผู้คนที่บางตาลงเรื่อยๆ
.
.
.
“เธอกินยาพิษทำไมเหรอ” มีมี่เป็นผู้ทำลายความเงียบงันขึ้นมาก่อน
“แลกกับพลังที่คู่หมั้นของข้าจะได้รับ ข้ากำลังรอองค์ชายสามทำพิธีเรียกวิญญาณข้ากลับไป หากไม่มีอันใดผิดพลาดก็คงตายไม่นานนัก” ไป๋ลี่เฟยเห็นว่าอย่างไรคนตายก็นำเรื่องราวไปพูดต่อไม่ได้จึงเริ่มเล่าให้สหายใหม่คนนี้ฟังทั้งหมด
พิษที่นางดื่มอยู่ในเขาวงกตที่ฝังจักรพรรดิหูหลงฉางผู้ยิ่งใหญ่เมื่อพันปีก่อน หากฝ่าฟันจนได้น้ำหกธาตุพิชิตมาครอบครอง เชื่อกันว่าคนผู้นั้นจะมีพลังธาตุสูงส่งดุจเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า อายุขัยเพิ่มขึ้นนับร้อยปี ทั้งยังสามารถชุบชีวิตคนได้อีกด้วย ผู้คนจึงได้ตามหาสุสานหูหลงฉาง หวังเป็นผู้พบยาวิเศษและสมบัติมากมายตลอดมา
คณะขององค์ชายสามที่มีไป๋ลี่เฟยรวมอยู่ด้วยฝ่าฟันจนเขาใกล้เป้าหมายแล้ว เหลือเพียงมีผู้หนึ่งเสียสละดื่มพิษจิตแตกจึงจะผ่านค่ายกลสุดท้ายไปได้ เมื่อคู่หมั้นสัญญาว่าจะทำพิธีรวบรวมวิญญาณ และเรียกนางกลับมาเพื่อชุบชีวิต นางจึงกล้าเสี่ยงเสียสละตนเอง เพื่อส่งให้ชายที่เป็นคู่ที่มารดามุ่งหมายให้มาตั้งแต่ยังเด็กได้ในสิ่งที่ปรารถนามาตลอดชีวิตอย่างเต็มใจ
“เหตุผลที่เธอกินยาพิษยิ่งใหญ่จริง ฉันแค่ตายเพราะผู้ชายคนนั้นไม่รักฉัน..” มีมี่หน้ามุ่ย
“แล้วหลังจากเจ้าตาย ชายคนนั้นทำเช่นไร” ไป๋ลี่เฟยถามด้วยความสงสัย
“เขาดื่มจนเมาในงานศพของฉัน แล้วก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำในวันเดียวกัน…ฉันแค่อยากตายให้ทุกอย่างจบ ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนด้วยเลยสักคน แต่เขาก็ได้ไปที่อื่นแล้วเหลือแต่ฉันที่ยังปล่อยวางไม่ได้ติดอยู่ที่นี่มาเกือบยี่สิบปี” มีมี่ยิ้มบางๆ
“ข้าเสียใจด้วยที่เรื่องทุกอย่างไม่จบลงอย่างที่ใจของเจ้าต้องการ” ไป๋ลี่เฟยกุมมือของสตรีตรงหน้าที่จมกับความทุกข์เดิมมายาวนานจนไม่สามารถให้อภัยตนเองได้
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้ว แต่องค์ชายสามนั่น เธอแน่ใจเหรอว่าเขาไว้ใจได้” มีมี่ถามต่อเพราะนานๆ ครั้งที่จะมีผีที่คุยกันถูกคอ
“ที่ผ่านมาองค์ชายก็ทำทุกอย่างตามหน้าที่ หากให้คำมั่นสัญญาแล้ว ข้าก็ย่อมต้องเชื่อใจจนกว่าจะมีเหตุให้คิดเป็นอื่น” ลี่เฟยยิ้มเล็กน้อยให้กับมีมี่ที่ดูจะไม่เข้าใจในคำตอบของนางเลย
“เธอเป็นคนยึดติดกับหน้าที่จัง เป็นผีแบบนี้ปล่อยวางบ้างเถอะ ไปกัน ไปบ้านน้องสาวฉันกัน วันนี้มีละครเรื่องใหม่ด้วย ตัวอย่างน่าดูมาก ทุนสร้างมหาศาล อยู่ในยุคโบราณของเธอด้วยนะลี่เฟย”
“ละครหรือ” ไป๋ลี่เฟยมีแววตาฉงน
“มาเถอะหน่าเดี๋ยวเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง” มีมี่ดึงมือลี่เฟยให้ลงจากกำแพง แล้วเดินนำไปยังตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่ง
เหตุใดจึงก่ออิฐสูงเทียมฟ้าได้มากเช่นนี้…