ตอนที่ 5

1255 Words
น่าจะทำให้คนฟังรู้ว่าเธอไม่ใช่สาวเฉิ่มเชยถึงกับไม่มีใครมาสนใจ “แล้วพี่พีร์มีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามทั้งที่พอจะเดาได้ “เยอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่ก็ชัดเจนในความหมาย “งั้นหย่าก็ได้ค่ะ… พี่พีร์จะได้ไม่อึดอัด ไม่ต้องมาทนอยู่กับดาว” “อืม… ช่วงนี้ทนๆ กันไปก่อน รอไว้สักพักแล้วพี่จะหย่าให้” น้ำเสียงของชายหนุ่มทำราวกับว่าเห็นใจเธอ บางทีเขาอาจลืมไปว่าสังคมให้คุณค่ากับคำว่า ‘พ่อหม้าย’ กับ ‘แม่หม้าย’ ต่างกัน ไม่มีใครถือสาพ่อหม้ายที่ผ่านการใช้ชีวิตและหย่าร้างมาแล้ว ต่างจากฝ่ายหญิงที่มักจะถูกตีค่าว่าเป็นของมือสอง ถ้าหย่ากับเขาเธอก็คงมีค่าแค่ของที่ใช้แล้ว  “ค่ะ… ”             ดาราวดีตอบเพียงสั้นๆ ทั้งที่สีหน้าออกอาการตกใจมิใช่น้อย ด้วยเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ คิดแต่ว่าอยู่ๆ กันไปก็จะรักกันไปเองเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่บอก             ดาราวดีเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มคิดอีกอย่าง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ดูเหมือนว่าอนาคตภายภาคหน้าระหว่างเธอกับผู้ชายคนนี้ช่างเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ             “แล้ว… ”             กะว่าจะถาม ครั้นแล้วก็นิ่งเงียบไปเฉยๆ เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าบางที่การนิ่งเงียบเอาไว้จะดีกว่า             “แล้วอะไร? ข้องใจอะไรเราก็ควรจะคุยกันแบบเปิดอก ดีมั้ย อยู่กันเป็นส่วนตัวอย่างนี้ อยากรู้อะไรก็ถามมาได้ ไม่ต้องมาทำอ้ำอึ้ง”             ทำราวกับว่าเขาล่วงรู้เข้าไปในความคิดของเธอยังงั้นแหละ หญิงสาวยังคงนั่งนิ่ง ชั่งใจว่าจะถามดีไหม             “แล้วพี่พีร์พาดาวมาเที่ยวทำไมล่ะคะ”             เธอแอบคิดไปเองว่าที่พามาอัมพวา เป็นเพราะเขาอยากใช้เวลาส่วนตัวเพื่อฮันนีมูนกับเธอ เพราะลึกๆ ในใจของหญิงสาวเธอพร้อมที่จะเรียนรู้และเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่ๆ กับเขา ด้วยเธอเองก็ไม่มีใครที่ไหน อย่างที่บอกว่าเธอไม่เคยนึกถึงเรื่อง ‘หย่า’ เลยสักนิด กระทั่งเขาเอ่ยออกมาเอง               “ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ หญิงแม่กับป๊ะป๋าพี่เจ้ากี้เจ้าการออกซะขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่ยอมพามามีหวังโดนบ่นไปสามวันเจ็ดวัน”             “ถ้าพี่พีร์ไม่อยากไปอัมพวา… ก็ไม่ต้องไปก็ได้นะคะ”             หากชายหนุ่มสังเกตสักนิด จะรู้ว่ามีความน้อยใจเจืออยู่ในน้ำเสียงของดาราวดี             “ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว คงต้องเลยตามเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว นานแล้วเหมือนกันที่พี่ไม่ได้มาอัมพวา”             อีกครู่ใหญ่ๆ ต่อมา หนุมสาวก็พากันเดินทางมาถึงสวนลิ้นจี่ที่บ้านสวนอัมพวา ป้าปริกกับลุงหวังซึ่งเป็นคนดูแลสวนตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ตามที่คุณหญิงผกาโทรมาสั่งเอาไว้ล่วงหน้า             ป้าปริกพาหนุ่มสาวมาที่ห้องพัก ด้วยพีรวิทย์ไม่ได้มาเสียนาน หลายๆ อย่างจึงดูแปลกตาไปมากในความรู้สึกของเขา ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของสวนซึ่งแน่นขนัดไปด้วยต้นลิ้นจี่ ช่อสีแดงดกสะพรั่งไปแทบทุกกิ่งก้าน คูคลองน้อยๆ ที่ทอดผ่านเพื่อผันน้ำเข้ามาในสวนมีปลาเล็กปลาน้อยดำผุดดำว่ายเต็มไปหมด ที่ท้ายสวนแลเห็นหนองน้ำกว้างใหญ่ เชื่อมต่อมาจากลำน้ำอัมพวา น้ำใสแจ๋วน่าลงไปดำผุดดำว่าย             “น้ำใสจังเลยนะคะ”             หญิงสาวเอ่ยกับสตรีสูงวัยที่เดินเคียงกันมาข้างๆ ด้วยสีหน้ารื่นรมย์             “ถ้าคุณดาวอยากเล่นน้ำละก็ รอให้แดดร่มลมตกก่อนนะคะ ค่ำๆ น้ำจะขึ้นกว่านี้”             “ค่ะป้า… ”             หญิงสาวพยักหน้ารับ ตั้งใจว่าค่ำๆ จะลงมาเล่นน้ำ             ครู่ต่อมาป้าปริกก็พาหนุ่มสาวเดินมาถึงเรือนพัก เป็นบ้านไม้สองชั้น กว้างขวาง แม้จะเป็นบ้านแบบโบราณ แต่ภายในก็พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ             “ป้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แล้วนะคะ… ทั้งของว่าง ทั้งเครื่องดื่มในตู้แช่ ถ้าคุณพีร์อยากได้อะไรเพิ่มเติมเรียกป้าได้เลยนะคะ อ้อ… ป้าสั่งให้คนเตรียมอาหารค่ำไว้แล้ว จะตั้งโต๊ะที่ศาลาริมน้ำ เป็นซีฟู้ดทะเลปิ้งย่าง ทั้งกุ้ง หมึก ปู เพียบค่ะ… แล้วยังมีเมนู… อิอิ”             ป้าปริกหัวเราะเสียก่อนที่จะทันได้พูดจบ             “แน่ะ… มีขำ เมนูพิสดารอะไรหรือป้า”             พีรวิทย์ย่นหน้าผากถาม             “หอยนางรมสดค่ะ… คุณหญิงผกาท่านโทรมาสั่งให้เตรียมเอาไว้ให้คุณพีร์โดยเฉพาะ.. คริ คริ”             “โห… คืนนี้ผมมีหวังได้ตะกายข้างฝาแน่ๆ”             ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะ เหมือนรู้ว่ากินหอยนางรมไปก็เท่านั้น เพราะคงไม่ได้ใช้แน่ๆ             “บรรยากาศแบบนี้… เดี๋ยวก็รู้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าขอตัวก่อนนะคะ สักพักจะมีคนเอากุ้งหอยปูปลามาส่งค่ะ ป้าโทรไปสั่งเรือประมงเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน คุณหญิงกำชับกำชานักหนาว่าให้เตรียมเอาไว้ให้คุณพีร์โดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย”             ได้ยินที่ป้าปริกบอก ก็ทำให้ดาราวดีรู้ว่าพีรวิทย์เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิงผกากับนายพลพิศาส ไม่ว่าเขาขยับจะทำอะไร อยู่ที่บ้านก็มีคนรับใช้คอยล้อมหน้าล้อมหลัง ดูแลเอาอกเอาใจไม่ห่าง จึงไม่แปลกที่เขามักแสดงอารมณ์แบบคุณหนูผู้เอาแต่ใจตัวเองออกมาให้เธอได้เห็นบ่อยๆ             “ขอบคุณครับป้า… ป้ามีธุระอะไรก็ไปทำเถอะครับ”             เมื่อร่างอวบของสตรีสูงวัยลับไปจากสายตา ดาราวดีเดินเข้าไปชมเรือนพัก สภาพภายในกว้างขวางพอให้อยู่อาศัยได้หลายคน ป้าปริกสั่งให้คนใช้ปัดกวาดจนสะอาดสะอ้าน แทบไม่หลงเหลือร่องรอยฝุ่นให้ระเคืองสายตา             เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอน สิ่งแรกที่สะดุดเข้ากับสายตาก็คือเตียงนอนกว้างขวาง ที่ดาราวดีตกใจก็เพราะว่ามีอยู่เตียงเดียว             แรกทีเดียวหญิงสาวกะว่าจะบอกกับพีรวิทย์ให้เพิ่มเตียงเสริมเข้ามาให้เธอ จะได้ไม่ต้องนอนเตียงเดียวกันแล้วเอาหมอนข้างกั้นกลาง แต่สุดท้ายก็นิ่งไว้ รอดูเขาจะว่ายังไง และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเตียง บางทีอาจเป็นว่าเพราะเขาลืมสังเกต หญิงสาวจึงปล่อยเลยตามเลย ถ้าเขาอยากนอนแยกเตียงค่ำๆ ค่อยว่ากันอีกที หรือไม่ก็เอาหมอนข้างกั้นกลางเหมือนคืนที่ผ่านมา ’               “อุ๊ย… ตายจริง”              หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ             “มีอะไร”             คนที่นั่งไขว่ห้างจิบเบียร์เย็นๆ อยู่ที่ระเบียงหลังห้องตะโกนถามเมื่อได้ยินเสียงอุทาน             “กระเป๋าเดินทางอีกใบค่ะ… ว้า ขี้ลืมจริงๆ ยัยดาว”             เธอส่ายหน้า นึกตำหนิตัวเอง ที่เป็นกังวลก็เพราะว่าชุดชั้นในทั้งหมดที่เตรียมเอาไว้รวมอยู่ในกระเป๋าใบนั้น             “กระเป๋าอะไร”             เสียงตะโกนถามมาจากระเบียง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD