กระดุมเสื้อหลุดรุ่ยจนแลเห็นเส้นขนรกกระจายไปทั่วบริเวณหน้าอก อีกทั้งเข็มขัดก็ยังถูกคลายออก ทุกอย่างดูมีพิรุธจนน่าสงสัย
“ทำอะไร… พี่พี่ร์หมายความว่ายังไงคะ”
หญิงสาวย้อนถามด้วยความสงสัย
“ก็สภาพอย่างนี้… เธอลักหลับพี่หรือเปล่า”
เขาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“อุ๊ย… ”
คนถูกกล่าวหาทำหน้าตกใจ
“ก็พี่โดนถอดเสื้อ ถอดกางเกงแบบนี้ จะให้คิดว่ายังไงล่ะ”
“อ๋อ… พี่พีร์เมามาก ดาวเช็ดตัวให้น่ะค่ะ แล้วที่คลายเข็มขัดนั่นก็เพราะกลัวว่าพี่พีร์จะอึดอัด นอนไม่สบาย”
“แล้วทำไมไม่ปลุกให้พี่ไปอาบน้ำ”
ชายหนุ่มทำราวกับว่าที่ปล่อยให้เขาเมาหลับไปทั้งเสื้อผ้านั้นเป็นความผิดของเธอ
“ดาวปลุกแล้ว แต่พี่พีร์ไม่ยอมตื่น”
“อ๋อ… เธอก็เลยถือโอกาส ‘จัดการ’ ซะเลยว่างั้นเถอะ”
“จัดการ… พี่พีร์หมายความว่ายังไงคะ”
ดาราวดีย่นหน้าผาก เธอไม่เข้าใจจริงๆ
“ไม่ต้องมาทำใสซื่อ”
เขาทำเสียงเข้ม เพียงเท่านั้นหญิงสาวจำต้องหลุบตาลงต่ำ ปล่อยให้คนจิตลามกคิดไปเองต่างๆ นานา ด้วยรู้ตัวดีว่านอกจากเช็ดตัวเธอก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ถูกกล่าวหาเลยสักนิด
ตอนนั้นเป็นเวลาแปดโมงเช้า ที่โต๊ะอาหารขนาดอลังการ ภายในบ้านหลังใหญ่ รายล้อมไปด้วยบรรดาคนใช้ที่จัดแจงเสริฟอาหารเช้าขึ้นโต๊ะเหมือนเช่นทุกๆ วัน ต่างก็ตรงที่เช้าวันนี้มีสะใภ้ของบ้านนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วย
“ทั้งไข่ลวกทั้งหอยนางรม… แม่สั่งให้แม่ครัวเตรียมเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวาน ทานเยอะๆ นะตาพีร์ หนูดาวด้วยนะลูก ต้องบำรุงกันหน่อย คราวนี้แม่กับพ่อจะได้อุ้มหลานเสียที”
ด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม คุณหญิงผการีบบอกกับลูกชายและลูกสะใภ้ นายพลพิศาสผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่เคียงข้าง หันมาส่งยิ้มให้ภรรยาอย่างรู้กัน เดาเอาว่าเมื่อคืนลูกชายของตนคงออกแรงไปมาก เป็นธรรมดาของผัวเมียที่กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนพีรวิทย์ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน กลับมาถึงก็เมาหลับคอพับคออ่อนจนถึงเช้า ดาราวดีได้ยินแล้วก็ออกอาการเคอะเขิน รีบก้มหน้าตักข้าวใส่ปากไปเงียบๆ
“แล้ววันนี้จะพากันไปเที่ยวไหนล่ะลูก”
คุณหญิงผกาถามขึ้นมาลอยๆ ด้วยเห็นว่าเป็นเช้าวันเสาร์
“เปล่าค่ะ… ”
ดาราวดีส่ายหน้า ความจริงตั้งแต่ตื่นเช้ามา นอกจากเถียงกันด้วยเรื่องที่เขากล่าวหาว่าเธอลักหลับเขา จากนั้นพีรวิทย์ก็หน้ามุ่ยเข้าไปอาบน้ำ ออกมาก็ยังไม่ได้พูดกันสักคำ กระทั่งลงมาที่โต๊ะอาหาร
“อ้าว เสาร์อาทิตย์นี้หยุดยาวนะลูก วันจันทร์ก็เป็นวันหยุดพิเศษ ตาพีร์ก็ไม่ต้องเข้าไปทำงานในบริษัทนี่นา แล้วทำไมไม่พากันไปเที่ยวล่ะลูก”
มารดาของชายหนุ่มออกความเห็น
“ไม่รู้จะไปไหนครับ”
คราวนี้พีรวิทย์ส่ายหน้าบ้าง
“แล้วกัน เอางี้… พาหนูดาวไปเที่ยวบ้านสวนอัมพวาสิลูก ไปวันนี้เลยนะ ไม่ไกลเท่าไร บ่ายๆ ก็ถึง เมื่อวานคนเฝ้าสวนเพิ่งโทรมาบอกว่าลิ้นจี่ในสวนของเรากำลังดก นานแล้วที่พ่อกับแม่ไม่มีเวลาไปดูแล เอาเป็นว่าแม่วานให้ช่วยไปดูสวนหน่อยนะจ๊ะ ถือโอกาสพักผ่อนไปในตัว คิดเสียว่าพาเมียไปฮันนีมูน บ้านพักของเราก็มี ทั้งสะดวกสบายทั้งกว้างขวาง ฤดูนี้ที่อัมพวาอากาศดี๊ดี แม่เชื่อว่าหนูดาวจะต้องชอบ อยากไปมั้ยลูก”
แม่สามีหันมาถามลูกสะใภ้
“แล้วแต่พี่พีร์ค่ะ ดาวยังไงก็ได้”
ดาราวดีไม่กล้าออกความเห็น
“ไปนะตาพีร์… ”
คุณหญิงต้องช่วยคะยั้นคะยอ
“เป็นอันตกลงนะตาพีร์ แม่จะได้โทรบอกคนสวน”
เมื่อเห็นว่าลูกชายพยักหน้าเหมือนตัดรำคาญ ไม่โต้ไม่แย้งไอเดียของตน คุณหญิงผกาก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคนสวนในทันที สั่งให้ป้าปริกและลุงหวังเตรียมการต้อนรับเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งเรื่องที่พักและอาหารการกิน
ในเวลาต่อมา ขณะที่หนุ่มสาวกำลังนั่งมาด้วยกันในรถ
พีรวิทย์เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน หลังจากที่ทั้งคู่นั่งเงียบมานาน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบงำจนรู้สึกอึดอัดด้วยกันทั้งคู่
“ทำไมเธอยอมแต่งงานกับฉัน”
จู่ๆ เขาก็ถามออกมา
ก่อนหน้านี้หญิงสาวยอมรับว่ารู้สึกอึดกับการไม่พูดไม่คุยกัน เพราะต่างก็นั่งนิ่งเงียบมาด้วยกันทั้งคู่ แต่มาตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าอึดอัดยิ่งกว่า ในตอนที่ต้องเริ่มสนทนาด้วยการตอบคำถามของคนที่นั่งข้างๆ
“ก็… เอ่อ”
“เห็นมั้ยล่ะ ตอบไม่ได้เพราะเธอเองก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบฉันเลยสักนิด”
เขาสรุปเอาจากท่าทางกระอึกกระอักของดาราวดี
“แล้วทำไมคุณพีร์ยอมแต่งงานกับดาวล่ะคะ… ทั้งที่คุณพีร์ก็ไม่ได้รักดาว”
เธอย้อนถามเขาบ้าง ท่าทางเย็นชาที่ชายหนุ่มแสดงออกมา ทำให้เธอสรุปเช่นนั้น
“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ บอกไปเธอก็ไม่เข้าใจ”
เขาตอบเลี่ยงๆ ที่พีรวิทย์ยินยอมแต่งานง่ายๆ ก็เป็นเพราะคุณหญิงผกาขู่อย่างเอาจริงว่าถ้าเขาไม่แต่งงานมีครอบครัวภายในสิ้นปีนี้ จะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีให้กับสาธารณะกุศล ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจยอมตกลงไปก่อน คิดว่าค่อยหาหนทางหย่ากันในภายหลัง
“งั้นก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันละค่ะ”
ดาราวดีฉลาดตอบ แต่ดูเหมือนว่ามันทำให้คนฟังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ด้วยมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากแต่งานกับเขา แม้ว่าจะโดนบังคับก็เถอะ
“นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อคืนนี้พี่ไม่แตะต้องเธอ… เพราะเข้าใจดีว่าเราโดนผู้ใหญ่บังคับด้วยกันทั้งคู่”
เขาพูดขณะสายตามองตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า ได้ยินคำพูดของคนที่นั่งข้างๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตกใจ ไม่น่าเชื่อว่า ‘เสือผู้หญิง’ อย่างพีรวิทย์ยังมีความยับยั้งชั่งใจในเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่รู้จักเขาดีพอกระมัง หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเองไม่เย้ายวนใจให้เขาเกิดความรู้สึกในทางนั้น ทำให้เธอผ่านคืนเข้าหอมาด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
“งั้นพี่พีร์คงอึดอัดใจแย่… ที่ต้องยอมแต่งงานกับคนที่พี่ไม่ได้รัก”
เธอทำน้ำเสียงว่าเห็นใจเขาเสียเต็มประดา แต่แววตาพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดและน้อยใจ
“ก็ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่เหมือนกับเธอนั่นแหละ ว่าแต่ตอนนี้เธอมีแฟนมั้ย”
“เอ่อ… มีค่ะ”
ที่ต้องตอบออกไปเช่นนั้นเพราะว่ามันดูเสียฟอร์มยังไงไม่รู้ ถ้าต้องตอบไปตามตรงว่า ‘ไม่มี’ อย่างน้อยก็