ตอนที่ 3

1397 Words
เธอรีบเข้าไปก้มเก็บกุญแจขึ้นมาจากพื้นแล้วยื่นให้เขา คนอารมณ์เสียรีบคว้าเอาไปด้วยความรีบร้อน “พี่พีร์จะไปไหนคะ” เขาตวัดสายตากลับมามองหน้าเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ราวกับว่าเธอทำอะไรให้เขาโกรธนักหนา “ถามทำไม… นี่ยังไม่ทันข้ามคืนก็เริ่มออกอาการเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของฉันแล้วหรือ ลำพังแม่คนเดียวฉันก็รำคาญจะแย่ กรุณาอย่ามาทำหน้าที่ ‘แม่’ อีกคน จะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของฉัน บางทีเราควรตกลงกติกาในการอยู่ร่วมกันเสียใหม่ แต่คืนนี้ฉันไม่ว่างจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน” “ดาวขอโทษค่ะ” เขาไม่สนใจจะฟังคำขอโทษจากปากของเธอ รีบผลุนผลันออกไปจากห้องราวกับว่าหญิงสาวเป็นอากาศธาตุ เป็นอะไรสักอย่างที่น่ารำคาญเสียเต็มประดา เหมือนฝุ่นละอองที่เขามองไม่เห็น ไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของเขา ทั้งที่ความจริงดาราวดีไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงหรือก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขาเลยสักนิด             จู่ๆ น้ำตาของหญิงสาวก็ไหลพรากออกมา นึกในใจว่าก็แค่ถามด้วยความเป็นห่วง แค่อยากชวนคุย ทำไมเขาต้องตีความว่ามันเป็นการวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตของเขา ดาราวดีปาดน้ำตาทิ้ง รีบก้าวตรงไปที่ระเบียง แหวกม่านลูกไม้ที่ขึงอยู่ระหว่างช่องหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปนอกระเบียง ได้ยินเสียงคนเอาแต่ใจบีบแตรรถเสียงดังลั่นอยู่ที่หน้าประตูบ้าน อันที่จริงยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ไม่ได้ชักช้าแต่อย่างใด เพียงแต่มันไม่ทันใจเขาก็เท่านั้นเอง ‘นี่น่ะหรือคืนเข้าหอ?’ หญิงสาวตัดพ้ออยู่ในใจ ว่ามันช่างเป็นวันวิวาห์ที่แปลกประหลาดที่สุด แม้เธอพยายามนึกไปในทางที่ดีว่าก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ? ที่เขายังไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอเลยสักนิด ทั้งที่ก็มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในฐานะ ‘สามี’   แต่ถ้าเขาแตะต้องเธอขึ้นมาจริงๆ บางทีอาจจะทำให้เธอหนักใจกว่านี้ก็ได้ ด้วยยังไม่ประสีประสาในเรื่องพรรค์นี้มาก่อนเลยในชีวิต ครั้นพอครุ่นคิดอีกทีก็กลับกลายเป็นความน้อยใจที่แล่นลิ่วเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อยจนดาราวดีอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ อดคิดไม่ได้ว่าการที่เขาเลือกจะออกไปดื่มสุราสังสรรค์กับเพื่อนๆ แทนที่จะใช้เวลาอย่างที่สามีภรรยาพึงจะปฏิบัติต่อกันในคืนเข้าหอ คงเป็นเพราะว่าเธอไม่ดึงดูดใจ ไม่เย้ายวนใจพอที่จะเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ได้ กลางดึกของคืนนั้น แม้จะไม่คุ้นเคยกับที่อยู่ใหม่ แต่หญิงสาวก็ทิ้งกายลงบนเตียงแล้วหลับลงง่ายดาย เพราะความอ่อนล้า เหนื่อยกับงานวิวาห์มาตลอดทั้งวัน กระทั่งมาสะดุ้งตื่นก็ตอนที่รู้สึกว่าเตียงด้านที่ยังว่าง ยวบยุบลงไปตามแรงกดทับจากน้ำหนักตัวหนักอึ้งของร่างสูงใหญ่ที่ล้มตัวลงมาแรงๆ โดยไม่สนใจว่ามันอาจรบกวนการนอนหลับของเธอ ‘พี่พีร์’ ดาราวดีรู้สึกตกใจ มือเรียวเอื้อมออกไปกดสวิทซ์โคมไปที่หัวเตียง แสงไฟสว่างวาบจับเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้า แก้มยับแนบไปกับพื้นที่นอน ใบหน้าของพีรวิทย์ในยามนี้แดงก่ำด้วยความเมา เนื้อตัวของเขาคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า “พี่พีร์เมามากนะคะ… ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปทำท่าว่าจะแตะแขนข้างหนึ่งของเขาเพื่อปลุกให้คนเมารู้ตัว ครั้นแล้วความลังเลก็ทำให้ต้องชักมือกลับ “พี่พีร์คะ… ” เธอเรียกเบาๆ อีกครั้ง เมื่อร่างกำยำยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง “อารายยย… อย่ามายุ่งน่า” เสียงตอบยืดยาน อู้อี้อยู่ในลำคอของพีรวิทย์ เขายังคงอยู่ในท่านอนคว่ำหน้างัวเงีย “จะนอนในสภาพนี้หรือคะ” “สภาพนี้มันเป็นยังไง” “เหม็นเหล้าคลุ้งไปหมด… พี่พีร์แน่ใจนะคะว่าจะนอนในสภาพนี้” เธอทอดสายตามองดูคนเมาด้วยความรู้สึกอ่อนใจ ครั้นจะประคองให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำรึก็กลัวจะโดนดุ ดูจากท่าทางเขาคงไม่อยากให้เธอแตะเนื้อต้องตัวของเขาสักเท่าไร “เออ… จะนอนแบบนี้แหละ ถ้าเหม็นจนทนไม่ได้ก็เชิญออกไปนอนข้างนอก โซฟายังว่าง” คนเมายังปากดี ตอบแล้วเขาก็เงียบไป ครู่สั้นๆ ก็มีเสียงกรนสนั่นตามมา ดาราวดีตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินเข้าไปในห้องน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวผืนน้อยมาชุบน้ำ บิดพอหมาดๆ แล้วเดินกลับมาที่เตียงนอน เสยผมที่ปรกอยู่กับเนินหน้าผากกว้าง ค่อยๆ เช็ดหน้าให้กับเขา มือเรียวแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาทีละเม็ด ช้าๆ ด้วยรู้ว่าเสื้ออาจทำให้เขาอึดอัด กระทั่งแกะกระดุมลงมาถึงเม็ดที่สี่ ตอนนั้นเองที่นิ้วของเธอสะดุดเข้ากับเส้นขนดกดำ กระจายเป็นวงกว้างอยู่ทั่วแผงอกกว้างของเขา ด้วยความรู้สึกซึ่งบอกไม่ถูก เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ว่าเส้นขนหน้าอกของผู้ชายนั้นเป็นยังไง มือเรียวลูบไล้ด้วยความลืมตัว รู้สึกสากระคายมากกว่านุ่มนิ่มอย่างที่นิยายโรมานซ์ชอบบรรยายถึงความเซ็กซี่ของพระเอก แต่พีรวิทย์ก็เซ็กซี่จริงๆ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ไม่ว่าจะมองตรงไหนล้วนมีความเป็นชายชาตรีในทุกกระเบียดนิ้ว เธอค่อยๆ คลายเข็มขัดให้เขา ด้วยกลัวว่าจะอึดอัด เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเขาอีกครู่สั้นๆ จากนั้นก็หยุดซุกซนกับร่างกายของเขา หลังจากแกะกระดุมลงมาถึงเม็ดที่สี่แล้วสำนึกขึ้นได้ว่าบางที พีรวิทย์อาจจะไม่ชอบใจที่เธอมาวุ่นวายกับร่างกายของเขา ดาราวดีนิ่งพินิจใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอีกนานเป็นครู่ แม้ในสภาพนอนหลับด้วยความเมา เขาก็ยังดูหล่อ จมูกโด่งเป็นสันสวย ดวงตาซึ่งพริ้มหลับนั้นรีเรียวได้รูป เหนือริมฝีปากหยักบางรกครึ้มไปด้วยหนวดเป็นปื้นเขียวๆ เช่นเดียวกับบริเวณคางของเขาที่รกครึ้มไปด้วยตอเคราระคาย มือเรียวค่อยๆ เอื้อมเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดซอกคอชื้นเหงื่อของเขาเบาๆ อีกครู่สั้นๆ บรรจงเช็ดอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่า เขาจะตื่นขึ้นมาโวยวายเสียก่อน ไม่น่าเชื่อว่ากลิ่นสุราจางๆ ที่ปะปนอยู่กับกลิ่นกายของเขา จะทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาดล้ำ ครู่ต่อมาหญิงสาวตัดสินใจปิดไฟแล้วล้มกายลงนอน โดยมีหมอนข้างกั้นเอาไว้ตรงกลาง จำต้องปล่อยให้พีรวิทย์หลับอยู่ในสภาพเนื้อตัวคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา ดาราวดีพยายามข่มตาให้หลับ ไม่ได้รังเกียจที่เขานอนกรน อย่างน้อยในเสียงกรนสนั่นที่ได้ยิน ก็ช่วยยืนยันว่ายังมีเขาอยู่ตรงนั้นให้อุ่นใจ ปกติดาราวดีเป็นคนกลัวผีที่สุด ยิ่งแปลกที่แปลกทางก็มักจะทำให้หลับยากเป็นธรรมดา แต่ด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้เธอผล็อยหลับลงในที่สุด   แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาทางช่องหน้าต่างของห้องนอนกว้าง นกน้อยสองตัวส่งเสียงจุ๊บจิ๊บ จีบกันอยู่บนกิ่งไม้ที่ยื่นขึ้นมาถึงชายคาของห้องนอน แสงทองระเรื่อที่สาดเข้ามาแยงตา ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าฉงน “ดาว… ” เขาเรียกชื่อของหญิงสาว ได้ยินเสียงก่อกแก่กแว่วออกมาจากห้องน้ำ เดาว่าเธอคงอยู่ในนั้น “คะพี่พีร์… ” คนถูกเรียกขานรับเสียงใส “เมื่อคืนเธอทำอะไรพี่หรือเปล่า” ถามแล้วก็หลุบตาลงมองสภาพของตัวเอง พีรวิทย์ทำหน้าราวกับว่าเพิ่งสูญเสียความบริสุทธิ์เป็นครั้งแรก 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD