ตอนที่ 1 คู่กรณี(1)

1171 Words
ตอนที่ 1 คู่กรณี “นี่เงิน เท่านี้พอไหม” “พอแล้ว ขอบคุณครับ” หนาวรับเงินจากฉันแล้วยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้ม “ไปแล้วนะพี่ ลายายแล้ว” “อื้ม ขับรถระวังด้วย” วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร ฉันจะกลับบ้านอยู่แล้ว เพราะอยากมาช่วยยายทำขนมขายช่วงวันหยุด วันเสาร์และอาทิตย์ยายต้องทำปริมาณมากกว่าเดิมเพื่อที่จะเอามันไปขายตลาดนัดตอนเช้า ยิ่งถ้าตรงกับวันพระด้วยวันนั้นจะต้องทำเพิ่มอีกหลายเท่า บางทีถึงกับต้องจ้างคนมาช่วย แต่รายได้ก็ไม่ถึงกับทำให้เรามีฐานะที่ดีขึ้น เพราะยายต้องแบกรับภาระหลายอย่างทั้งที่อายุท่านย่างเข้าเจ็ดสิบแล้วควรจะได้พักแต่กลับต้องมาเลี้ยงดูพวกเราสองคน ไหนจะลูกเลว ๆ อีกคนด้วย “เมื่อเช้าน้าอิฐโทรมา บอกว่าขายไก่ชนได้หลายหมื่นจะโอนมาให้เราใช้” ยายเอ่ยขณะที่กำลังจัดเตรียมของสำหรับทำขนมเช้าพรุ่งนี้ ท่านไม่ได้หันมามองฉันนั่นคงเป็นเพราะไม่อยากรับรู้ว่าฉันทำหน้าอย่างไร น้าอิฐเป็นน้องชายของแม่ฉันซึ่งเสียไปแล้ว เป็นลูกชายคนเล็กของยาย นิสัยของแกคือเอาแต่ใจ เพราะตอนเด็กยายคงเลี้ยงดูมาแบบตามใจมาก ไม่มีงานการทำเอาแต่เที่ยวเล่นพนัน หลัก ๆ ก็ชนไก่และค้าขายไก่ชนพวกนั้น แต่รายได้ก็ถูกถลุงเล่นไปกับการพนันเหมือนเดิม เมื่อเดือนก่อนน้าอิฐก็ทะเลาะกับฉันเรื่องที่ขอเงินยายไปลงทุนกับไก่ชน เป็นเงินที่ยายเก็บไว้ให้ฉันไว้สำหรับจ่ายค่าเทอม บอกจะคืนให้สิ้นเดือนสุดท้ายไม่ได้คืน “ไม่เอาค่ะ ให้น้าอิฐเอาไปใช้เองเถอะ หรือไม่ก็ฝากในบัญชียายแล้วกัน ค้างไม่อยากใช้เงินสกปรก” ฉันบอกโดยไม่แสดงอารมณ์ใดแต่น้ำเสียงเรียบ ๆ นั้นคงทำให้คนฟังรู้สึกได้ว่ามันไม่ปกติ ยอมรับว่ายังโกรธ เพราะหลังจากวันนั้นฉันต้องหางานพิเศษทำมากขึ้นจนแทบไม่ได้พัก จากที่ทำเป็นรายชั่วโมงช่วงกลางวันในร้านกาแฟติดกับมหาวิทยาลัย ไหนจะต้องทำกิจกรรม และอ่านหนังสือสอบอีก มันหนักหนามากนะสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งอย่างฉัน ด้วยปัญหาตอนนั้นจึงมีเพื่อนแนะนำให้ไปทำงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานบันเทิงไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก บอกว่ารายได้ดี ลูกค้าส่วนมากก็พวกนักศึกษาด้วยกัน คนไม่มีทางเลือกอย่างฉันจึงตัดสินใจรับงานร้านเหล้าเพราะมันได้เงินมากกว่างานอื่น ไหนจะเรื่องเวลาอีก ตอนนี้ฉันก็ยังทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่สถานบันเทิงแห่งเดิม แต่ทำงานแค่อาทิตย์ละสามถึงสี่วันเท่านั้น เพราะที่ร้านมีพนักงานเยอะจึงต้องสับเปลี่ยนกันทำ ส่วนใหญ่ก็เด็กนักศึกษาด้วยกันทั้งนั้น “ยังโกรธน้าอิฐอยู่เหรอ” “เปล่าค่ะ ค้างแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณทีหลัง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีปากเสียงกัน แต่น้าอิฐทำตัวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทั้งเล่นพนัน เป็นหนี้จนเดือดร้อนยายต้องมาชดใช้แทน พอได้เงินมาแบ่งให้ใช้ไม่กี่วันสุดท้ายก็มาเอาคืน กลับไปเล่นพนันจนหมดตัว ฉันเบื่อหน่ายที่จะได้ยินเรื่องบ้า ๆ พวกนี้แล้ว “เฮ้อ...” ยายทอดถอนใจแล้วพยักหน้า ท่านเองก็คงเหนื่อยแต่เพราะความเป็นแม่ลูกมันตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว ยายรักน้าอิฐมาก เอาใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขออะไรไม่เคยถูกยายปฏิเสธ ทำเลวกี่ครั้งยายก็รักเพราะคำว่าแม่ลูก ฉันเองพูดอะไรได้ไม่มากเพราะตอนนี้ก็ยังเป็นภาระของยายอยู่ แถมยังเป็นแค่หลาน “ค้างเอาของไปเก็บก่อนนะเดี๋ยวลงมาช่วย” ฉันบอกแล้วรีบหนีเข้าห้องของตัวเอง บ้านหลังนี้คงเป็นสิ่งเดียวที่ยายเหลืออยู่ เพราะแม่ปลูกบ้านหลังนี้ไว้ให้ตั้งแต่ฉันยังเด็ก ไม่กี่ปีหลังจากนั้นท่านก็เสียไป ทิ้งให้ฉันอยู่กับยายและน้อง ส่วนพ่อของพวกเราท่านเสียตั้งแต่ฉันยังอายุเพียงสามขวบ น้ำหนาวก็คงเพิ่งไม่กี่เดือน ทั้งคู่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเหมือนกัน จนคนแถวนี้พูดให้ได้ยินช่วงที่แม่เสียว่าพ่อคงมารับไปอยู่ด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพ่อก็คงเห็นแก่ตัวที่สุดที่พาแม่ไปอยู่สุขสบายแล้วปล่อยให้ฉันกับน้องลำบากแบบนี้ “ให้ค้างทำอะไรดียาย” ฉันกลับออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดลำลองใส่สบายเพราะชุดนักศึกษาคงไม่สะดวกเท่าไร “ทานข้าวก่อนไหม ไม่หิวรึ” “ไม่ค่ะ เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ ว่าแต่ยายเถอะทานข้าวหรือยัง” “ยายก็ไม่หิวเลย งั้นไปกวนไส้ให้ยายนะ มะพร้าวอยู่ในตู้เย็น” “ค่ะ” ตั้งแต่เด็กจนโตฉันต้องช่วยยายทำขนม เลยรู้วิชาพวกนี้มาแทบทั้งหมด ถือว่าเป็นความรู้ติดตัวเผื่อว่าวันหนึ่งวันใดมันก็คงจะได้ใช้บ้าง ครืด~ กลุ่ม จิตอาสา ' นิเทศ Pee’ raphon : แจ้งน้อง ๆ นะครับ วันจันทร์ช่วงเย็นพี่นัดประชุมเรื่องเปิดกล่องบริจาค ขอให้ทุกคนมาด้วย ห้ามขาด ใครมีธุระสำคัญกรุณาแจ้ง ฉันอ่านข้อความที่รุ่นพี่ส่งเข้ามาในกลุ่มแล้วจึงวางมันลงที่เดิม ก่อนจะเดินไปหยิบเอาวัตถุดิบต่าง ๆ มาไว้บนโต๊ะเพื่อเตรียมทำไส้ขนมให้ยาย ชมรมจิตอาสาของคณะเราไม่ได้รวมกับชมรมใหญ่ของมหาวิทยาลัย เพราะคณะเรามีจำนวนนักศึกษาที่ค่อนข้างมากจึงตั้งชมรมเองและทำกิจกรรมช่วยเหลือเอง แต่นั่นกลับทำให้กลายเป็นเรื่องที่ทางสโมสรกลางไม่ค่อยชอบใจนัก ได้ยินมาว่าพี่พี ประธานชมรมของพวกเราถึงกับเป็นคู่อริของนายกสโมสรนักศึกษา เพราะพี่พีพาน้องปีหนึ่งไปเปิดกล่องรับบริจาคโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางสโมสรกลางด้วย ฉันก็แค่ได้ยินข่าว ไม่เคยรู้จักนายกสโมสรที่ว่านั่นเพราะไม่ได้สนใจ แค่เห็นรูปผ่าน ๆ เห็นว่าหน้าตาดี แถมมีสาว ๆ ในมหาวิทยาลัยชอบกันเยอะ เรื่องอื่นก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยเห็นตัวจริงเพราะส่วนใหญ่กิจกรรมของมหาวิทยาลัย ฉันก็ไม่ได้เข้าร่วมบ่อย จะทำก็แต่กิจกรรมของคณะเพราะมีเพื่อนชักชวน ไหนจะต้องทำงานพิเศษทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง ทำแค่ที่จำเป็นและพอสนุกสนาน มีสังคม มีเพื่อนก็เท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD