แล้วรุ่นพี่สองคนนั้นก็เถียงกันไปมา ชวนเพื่อนทั้งโต๊ะขำไปด้วยยกเว้นใครบางคนที่หน้าตึงอย่างกับไปฉีดโบท็อกซ์มาหลายยูนิต แล้วเขาก็เป็นคนลากทุกคนกลับเข้ามาประเด็นสำคัญ
“ก็ดี” พูดสองคำแล้วก็ปรายตามามองฉัน “จะได้ไม่หนี แล้วรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ”
“...ค่ะ ไม่หนีหรอก” ฉันกระแทกเรียกใส่อย่างไม่สบอารมณ์ คนบ้าอะไรพร้อมจะหาเรื่องกันตลอดเวลาทั้งทางคำพูดและทางสายตา “พรุ่งนี้หนูจะไปช่วยงานสโมฯเงินนั่นก็จะจ่ายไม่ต้องห่วง จะได้มั่นใจว่าหนูไม่หนี”
“เยี่ยมเลย พรุ่งนี้ถ้าว่างเข้าไปหาพวกพี่ที่สโมฯ” พี่ไมเนอร์เอ่ยแล้วยิ้มหวาน อย่างน้อยก็มีเขานี่แหละที่ใจดีกับน้องคณะอย่างฉันอยู่ “เงินนั่นก็ไม่ต้องจ่ายหรอก ถ้าช่วยงานพี่เดี๋ยวพี่เคลียให้ ถือว่าเป็นน้องคณะคนหนึ่ง”
“แต่อย่าใช้งานหนักนะคะ เพราะหนูต้องทำงานพิเศษหลายอย่าง”
“ขี้เกียจมากกว่ามั้ง”
“…!!” ฉันถลึงตาใส่อีกฝ่าย โชคดีที่มีลูกค้าอีกโต๊ะเรียกไว้ไม่อย่างนั้นสงครามคงไม่จบง่าย ๆ แน่
ฉันพยายามหลีกเลี่ยงโต๊ะนั้นจนกระทั่งถึงเวลาร้านปิด เรื่องที่จะเข้าไปคุยกับพี่สาจึงถูกพับไว้เพราะมีงานใหม่เข้ามา หวังว่าพี่ไมเนอร์จะไม่หลอกให้ฉันไปทำงานฟรี ถ้าเป็นอย่างที่เขาว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยทำงานกลางคืนทุกวันแล้วต้องเสียการเรียนไปด้วย
วันต่อมา
“แกว่าไงนะ!”
“ทำไมแกต้องตกใจขนาดนั้น”
พอเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสนิทสองคนฟังพวกมันก็ตกใจเหมือนฉันเพิ่งเล่าว่าถูกหวยร้อยล้าน โดยเฉพาะยัยระรินที่ลูกตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
“ฉันอิจฉาแก กรี๊ด! ใครก็ได้ที่หล่อ ๆ รวย ขับรถมาชนคนสวยอย่างฉันที”
“เขาอาจจะชนเราให้ตายไปเลยก็ได้นะ ระรินเพื่อนรักจะได้ไม่ต้องคุยเยอะ เหนื่อยทวงค่าเสียหาย” จินหลุดหัวเราะเต็มเสียงอย่างตลกขบขันแล้วจึงหันมาพูดกับฉัน “แล้วพวกพี่ไมเนอร์บอกไหมว่าให้ทำอะไร”
“บอกแค่ว่าให้ช่วยงานสโมฯ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” จินถาม ระรินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไปก็ดีนะ ถ้าชินแล้ววันหลังไปเอง” ฉันบอกเพื่อนแล้วยิ้มดีใจ อย่างน้อยถ้ามีพวกมันก็ไม่ต้องรู้สึกประหม่า
หลังจากเลิกเรียนบ่ายสามเราก็ตรงดิ่งไปที่ตึกสโมสรนักศึกษาที่ฉันเพิ่งไปส่งเอกสารให้รุ่นพี่เมื่อวาน ตึกนี้มีสามชั้น แน่นอนว่าชั้นที่นายกสโมสรอย่างพี่ฟิวส์อยู่ต้องเป็นชั้นบนสุด ส่วนชั้นถัดลงมาได้ยินว่าเป็นห้องกิจการของแต่ละฝ่าย รวมไปถึงห้องชมรมของมหาวิทยาลัยด้วย
“มาทำอะไร”
พวกเราขึ้นมาถึงชั้นสามก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง คิดว่าเธอคงเป็นรุ่นพี่เพราะดูจากสายตาและท่าทางที่แสดงว่าเหนือกว่านั้น
“มาพบพี่ไมเนอร์ค่ะ” ฉันบอกขณะที่เพื่อนอีกสองคนยืนเงียบอยู่ข้างหลัง
“นัดไว้?”
“ค่ะ”
“…ไมเนอร์อยู่ที่ชมรม” เธอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้มีความหมายที่ดีนัก “ชมรมว่ายน้ำ”
“ออ ขอบคุณค่ะ”
“แล้วพี่ฟิวส์ล่ะคะ” เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นยัยระรินที่ถามแล้วขยับมายืนข้างกาย “แกมาหาพี่ฟิวส์ไม่ใช่เหรอ”
“…เปล่า”
“สรุปมาหาใครคะน้อง สโมฯไม่ใช่ที่จะมาเที่ยวหาผู้ชายเนอะ” รุ่นพี่ขยับแขนของเธอขึ้นมากอดอก สายตากวาดมองพวกเราทีละคนอย่างตำหนิ
“ไม่ได้มาเที่ยวหาผู้ชายค่ะ แต่รุ่นพี่เขานัดเพื่อนของพวกเราไว้” ระริน เอาแขนขึ้นมากอดอกของตัวเองทำท่าเหมือนรุ่นพี่ผู้หญิงตรงหน้า เพื่อนฉันคนนี้มันไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆ หรอก ยัยจินเองก็เช่นกัน
“ช่วงนี้สโมฯเองก็ไม่ได้มี กิจกรรมอะไรนะ ทำไมถึงจะนัดรุ่นน้องปีหนึ่งอย่างพวกเธอด้วยล่ะ ...”
“มันก็เป็นธุระส่วนตัวระหว่างพวกเรา กับพี่เขานะคะไม่ได้เกี่ยวกับคุณพี่เลย” ยัยจินพูดด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ในบรรดาพวกเราทั้งหมดมันนี่แหละที่นิ่งที่สุดแล้ว
“เธอ!”
“มีเรื่องอะไรกัน”
ขณะที่ยัยรุ่นพี่ตรงหน้า กำลังมีอารมณ์อยู่นั้นเสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้น เสียงของเขาฟังดูมีอำนาจจนยัยรุ่นพี่จอมหาเรื่องนั่นต้องหันไปมอง รวมถึงฉันกับเพื่อนด้วย
แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่ฟิวส์
“ฟิวส์ เด็กปีหนึ่งพวกนี้บอกว่า พวกฟิวส์นัดเจอ เราไม่เชื่อก็เลยลองถามดู แต่กวนประสาทกันทุกคน”
ฉันถึงกับหันขวับไปมองเมื่อได้ยินประโยคที่รุ่นพี่คนนั้นเอ่ยขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่พวกเรา มากันดี ๆ แต่ยัยรุ่นพี่คนนี้นั่นแหละที่หาเรื่องพวกเราก่อน
“ใครกันแน่คะที่กวน พวกเราก็บอกดี ๆ แล้วแต่พี่ไม่เชื่อเอง” ฉันถามออกไป ด้วยน้ำเสียงปกติถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก มองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะดีกับพวกเราแน่ ๆ แต่กับพวกพี่ฟิวส์ฉันเองก็ไม่รู้
“ทำตัวยังกับเป็นยามเฝ้าประตู”
“ดูมันพูดดิฟิวส์!”
ผู้ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงนี้เงียบ ก็ยังดีที่อย่างน้อยเขาไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ชอบขี้หน้าเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วจึงหันมาทางฉัน พร้อมกับพูดออกคำสั่งเสียงเรียบ
“ตามฉันมา” นายกสโมสรนักศึกษาที่ใคร ๆ ก็หวีดให้พูดประโยคนั้นแล้วจึงก้าวขาไปข้างหน้าไปยังประตู ห้องที่ฉันเคยมาเยือนแล้วเมื่อวาน แต่ก่อนที่เขาจะผลักประตูบานนั้นเข้าไป กลับหันมาทางพวกเรา สายตาของเขา เลื่อนไปยังเพื่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “คนที่ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องเข้ามา”
คำสั่งของพี่ฟิวส์ทำให้เพื่อนอีก สองคนของฉันยืนนิ่ง แล้วถอยหลังกันไปทีละก้าว รวมไปถึง วัยรุ่นพี่จอมหาเรื่อง ที่ทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาด้วย
“พวกแกกลับไปก็ได้ เดี๋ยวทำงานเสร็จ ค่อยเจอกัน”
“โอเค ถ้าแกทำงานเสร็จแล้วทักมาฉันจะมารับ”
“อื้ม”